ASTV ผู้จัดการ - ผบ.ตร.ไม่ฟันธงมือบึ้มราชประสงค์ชาวต่างชาติ อาจอำพรางให้สับสน เชื่อยังอยู่ในประเทศ ชี้ทำเป็นขบวนการ มีมากว่า 10 คน เตรียมการล่วงหน้าเป็นเดือน ยอมรับมีข้อมูลเดียวกับนายกฯ หวั่นมือวางระเบิดถูกตัดตอน ยันยังไม่ตัดประเด็นปมระเบิดใดทิ้ง
วันนี้ (20 ส.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าในคดีระเบิดบริเวณศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เมื่อค่ำวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 20 คน ได้รับบาดเจ็บ 123 คน ว่า หลังเกิดเหตุ ทั้งตำรวจทหารและฝ่ายความมั่นคงได้ทำงานร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกัน รวมทั้งแลกเปลี่ยนข่าวสารกับหน่วยข่าวประเทศต่างๆ ที่มีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับการก่อการร้าย การก่อเหตุต่างๆ ทั่วโลก เพื่อนำมาเทียบเคียงเพราะตำรวจ ทหารและฝ่ายความมั่นคงต้องการทำให้ทุกอย่างประจักษ์ ชัดเจน จากการสืบสวนตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราพบว่ามีความน่าสงสัยทั้งตัวบุคคลหลายคนที่เชื่อว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ยังมองทุกประเด็น จะตัดประเด็นใดออกไปเมื่อมีพยานหลักฐานชัดเจนเท่านั้น สำหรับผู้ต้องสงสัยที่ปรากฏตามภาพในกล้องซีซีทีวี ก็เป็นคนหนึ่งเท่านั้นที่ตำรวจสงสัย แต่ไม่ปักใจว่าชายที่ปรากฏในภาพว่าเป็นชาวต่างชาติหรือไม่อย่างไร
“การก่อเหตุครั้งนี้ถ้ามีการดำเนินการโดยคนร้ายที่มีความเชี่ยวชาญมีความชำนาญอาจมีเจตนาทำให้เจ้าหน้าที่สับสน อาจมีการปลอมแปลงใบหน้าเพื่อให้เข้าใจว่าเป็นชาวต่างชาติ หรืออาจเป็นกรณีสร้างหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้เกิดความสับสน เพื่อเบี่ยงเบน เรายังไม่ฟันธงว่าเป็นเช่นนั้นเช่นนี้เพราะเราไม่อยากถูกหลอก และเราเชื่อว่าการก่อเหตุครั้งนี้ต้องมีเป็นขบวนการ ทำงานเป็นทีม มีทีมสำรวจพื้นที่ ดูแลเส้นทาง คุ้มกัน จัดหาวัสดุอุปกรณ์ และทีมพามาก่อเหตุ พาหลบหนีโดยรู้เส้นทาง เท่าที่เอ่ยมาไม่ต่ำกว่า 10 คน ผมเชื่อว่าขบวนการนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นขบวนการที่มาจากต่างประเทศโดยลำพัง หรือเป็นอย่างที่หลายคนสงสัยว่าเป็นการก่อการร้ายซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ ผมเชื่อว่าขบวนนี้มีความเชื่อมโยงกับคนภายในประเทศ เป็นสิ่งที่เราจะต้องพิสูจน์กันต่อไป” พล.ต.อ.สมยศกล่าว และว่า ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีระบุว่าผู้ก่อเหตุอาจถูกฆ่าตัดตอนนั้นเพราะท่านคงมีข้อมูลเช่นเดียวกับตนว่า คนร้ายที่ก่อเหตุ น่าจะเป็นคนภายในประเทศ แต่ต้องการที่จะเบี่ยงเบนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใจผิดว่าเป็นชาวต่างชาติ เป็นเรื่องที่ตำรวจต้องหาพยานหลักฐาน ข้อมูลมาสนับสนุน แต่ทั้งนี้เราไม่ได้หมายความว่าเรามองเป็นเรื่องในประเทศอย่างเดียวเราให้ความสำคัญทุกประเด็นทุกกรณี ขณะนี้เรายังไม่ตัดประเด็นใดทิ้งเลย
ผู้สื่อข่าวถามว่าการตั้งข้อสังเกตว่ามีการฆ่าตัดตอนขบวนการนี้ต้องใหญ่ และอาจเป็นขบวนการต่างประเทศเกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ตนไม่เคยบอกว่ามีขบวนการต่างประเทศมาเกี่ยวข้อง บอกแค่ว่าเป็นขบวนการใหญ่ มีการจัดตั้ง เตรียมการ โดยใช้บุคคลจำนวนมากไม่ต่ำกว่า 10 คน ตนเชื่อตามทฤษฎีที่ได้คุยกับผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศที่มีประสบการณ์ มีความรู้เรื่องการวางระเบิดเช่นนี้ เขาบอกว่าต้องมีหลายชุดหลายทีมประกอบกัน และแต่ละทีมต้องมีจำนวนคนไม่น้อย
“จากพยานหลักฐานที่เราพบมีการสำรวจพื้นที่หลายครั้ง มีการวางแผนกำหนดจุด พาหนีจากจุดนี้ไปลงตรงนี้ แล้วมีอีกชุดมารับ นอกจากนี้การวางแผนต้องวางแผนนอกพื้นที่ กทม.เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีคนจัดเตรียมจัดหา ผมไม่ได้พูดลอยๆ คิดเอาเอง หรือจินตนาการเอาเองเพราะจากการรวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง ทำให้เราจินตนาการได้ว่า เมื่อคนร้ายก่อเหตุเดินไปขึ้นจักรยานยนต์พาไปส่งที่สวนลุมฯ ขณะนั่งรถคนร้ายติดต่อโทรศัพท์ พูดคุย เมื่อลงแล้วยืนรอไม่ไปไหน แสดงว่ามีคนมารับคนร้ายโทรศัพท์หาคนที่นัดหมายให้มารับ ส่วนจะพูดภาษาอะไร เป็นคนชาติใด อยู่ในสำนวนบอกไม่ได้ ลักษณะเช่นนี้มันมีการทำงานเป็นทีม แบ่งหน้าที่กันทำ ส่วนกลุ่มไหนจะมีศักยภาพเพียงพอต้องสืบสวนสอบสวนต่อไป จะรีบบอกก็เร็วเกินไป คิดว่าคนร้ายยังอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้เชื่อว่ามีการวางแผนมาเป็นเดือน” ผบ.ตร.กล่าว
เมื่อถามว่าหากชี้ว่าคนไทยเกี่ยวข้อง เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีคนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะมีความเชี่ยวชาญ ผบ.ตร.กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ ทำไมต้องมีคนมีสี เดี๋ยวนี้ยุทธวิธีคนธรรมก็ทำได้ ในอดีตที่ผ่านมาถามคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 สารภาพว่าไม่เคยยิง ยิงเป็นเพราะดูจากทีวี
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ภาพวงจรปิดระบุถึงชายเสื้อแดงและเสื้อขาวที่อยู่ใกล้ผู้ต้องหาขณะก่อเหตุ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ผู้ต้องสงสัยมีมากกว่านั้น สองคนนี้เราตั้งประเด็นไว้ การข่าวมีมากกว่านี้ที่เราสงสัย เรามีรูปภาพ แต่เราต้องสงวนเป็นความลับ ไม่เช่นนั้นทำงานไม่ได้ เราต้องดูหลักฐานย้อนไปเท่าที่ย้อนได้ นำภาพบริเวณศาลพระพรหมมาตรวจดูว่าในช่วงเวลานั้น รวมไปถึงเวลาใกล้เคียงมีใครอยู่ในนั้นบ้าง ถึงบอกผ่านสื่อไปยังพี่น้องประชาชนว่าในวันนั้นหากใครมาบริเวณศาลพระพรหมแล้วถ่ายรูปไว้ทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ลองดูว่ามีคนต้องสงสัยหรือไม่ ปกติคนที่มาศาลพระพรหมต้องมาซื้อพวงมาลัยธูปเทียนกราบไหว้บูชา ซื้อนกปล่อย แต่ถ้าบางคนมายืนเหมือนเฝ้ายาม สังเกตการณ์บางครั้งบางคนอาจไม่สงสัย แต่ถ้ามาดูภายหลังปรากฏภาพบุคคลเหล่านั้น ขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากประชาชนส่งมา ต้องตั้งประเด็นว่าเป็นใครอย่างไรต้องสืบสวนดู
“ทั้งคู่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ลักษณะคล้ายมาจองที่นั่งไว้ พอคนลงมือเดินทางมาถึงก็ลุกขึ้น ต้องจินตนาการว่าสถานที่อย่างนั้นเดินมาถึงมันจะมีที่นั่งเลยไหม อันนี้ยังเป็นเพียงแนวทางสืบสวน อาจไม่ใช่ อาจผิดก็ได้ ตอนนี้ยังตอบไม่ได้ว่าคนเหล่านี้รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ลักษณะคล้ายชนชาติใด ไม่อยากพูดเดี๋ยวจะมีการโยงไปอีก ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน อยู่ในกลุ่มผู้บาดเจ็บหรือไม่ แต่ดูจากคลิปออกจากบริเวณศาลฯ ไปก่อนที่คนเสื้อเหลืองจะออกจากจุดเกิดเหตุด้วยซ้ำ ส่วนจะออกหมายจับชาย 2 คนนี้หรือไม่ อยู่ที่พนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการอยู่ ตอนนี้ไม่ทิ้งประเด็นทุกสิ่งที่เราคิด ทุกอย่างเป็นจินตนาการ เมื่อคิดว่าน่าจะเกี่ยวก็ต้องสืบสวนสอบสวนหาตัวมาสอบ ถ้าใช่คือใช่ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่” พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
เมื่อถามว่ามีคนพาคนร้ายหลบหนีออกนอกประเทศแล้วหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า การหลบหนีทางสัญจรไปก่อเหตุ ถ้าเป็นคนต่างประเทศมาก่อเหตุคงไม่รู้เส้นทางบนสะพานแล้วทิ้งระเบิดลงข้างล่าง เพราะฉะนั้นทั้งขบวนการมีการวางแผน ดูเส้นทาง เสร็จแล้วหลบหนี มีคนรอรับ นั่งรถมอเตอร์ไซค์ ต่อรถยนต์ ต่อมอเตอร์ไซค์อีก หรือต่อแท็กซี่ ตรงนี้บอกผ่านสื่อไปถึงประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถตุ๊กตุ๊กที่รับคนร้ายจากต้นทางไปส่งที่ศาลพระพรหม อยากให้มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ มาให้ข้อมูล คนขับมอเตอร์ไซค์มาพบแล้ว มาให้ข้อมูลหลายๆ อย่างที่เป็นประโยชน์ซึ่งนำมาสู่การสเกตช์ภาพและออกหมายจับ สำหรับการหลบหนีในกรณีคนร้ายเป็นชาวต่างชาติ ตนไม่ทราบช่องทางหนี จะบอกว่าเขาจะใช้เส้นทางหลักทางเครื่องบิน หรือใช้ช่องทางชายแดน ก็บอกไม่ได้ เส้นทางรองยาวมาก ต้องบอกว่าปัจจุบันเรายังไม่มีอุปกรณ์การตรวจพิสูจน์บุคคลที่ทันสมัยอย่างอารยะประเทศ อย่างไรก็ตามยังไม่มองถึงความเกี่ยวข้องกับแก๊งพาสปอร์ตปลอม ไม่มองไกลขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม หากเป็นชาวต่างชาติต้องมีการเตรียมการอย่างดี ต้องเตรียมมาแล้วว่าจะทำอย่างไรบ้าง ขั้นตอน 1-2-3 คงไม่มีแผนเดียว ต้องเตรียมมาอย่างดี ถ้าเป็นชาวต่างชาติยังบอกไม่ได้ว่าจุดสุดท้ายที่คนร้ายหายไปคือจุดใด ทั้งนี้ใครก็แล้วแต่ที่ปรากฏในจุดเกิดเหตุ ที่เรามองแล้วสันนิษฐานว่าน่าจะเกี่ยวข้องต้องติดตามตัวมาสอบปากคำมาสอบถามว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่อย่างไร
เมื่อถามถึงการตรวจสอบวัตถุระเบิดเหตุที่ราชประสงค์ กับที่สะพานสาทร พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า มีความคล้ายคลึงกัน แต่ต้องดูว่าคล้ายแล้วการทำงานของระเบิดมีการชุดชนวนคล้ายกันหรือไม่ ที่ศาลพระพรหมไม่เจอพยานหลักฐานอะไรมากมาย แต่ที่สะพานสาทรระเบิดตกน้ำการระเบิดไม่สมบูรณ์จึงทิ้งพยานหลักฐานไว้มาก ยืนยันว่าตำรวจไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งการสร้างสถานการณ์เพื่อตื่นตระหนก มุ่งหวังชีวิต มุ่งหวังต่อนักท่องเที่ยวประเทศนั้นประเทศนี้ หรือประเด็นก่อการร้าย
“แต่หลักๆ คือการก่อเหตุครั้งนี้มุ่งหวังทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทย รัฐบาล ทำลายเศรษฐกิจประเทศไทย เพราะการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ ต้องการทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความหวาดกลัว นี่คือวัตถุประสงค์ของเขา ต้องไปดูว่าใครมีแนวความคิดที่จะทำลายความน่าเชื่อถือ ทำลายภาพลักษณ์ ทำลายเศรษฐกิจประเทศไทยก็ต้องไปดูคนนั้น ตอนนี้กำลังมองว่ากลุ่มไหนที่ได้ประโยชน์จากการกระทำนี้ ยังบอกไม่ได้ว่าให้น้ำหนักไปที่กลุ่มใด ไม่ชี้ว่าเป็นต่างชาติ หรือคนไทย ตอนนี้เป็นสถานการณ์ที่เป็นกลุ่มบุคคลยังบอกไม่ได้ว่าคนที่สงสัยเป็นต่างชาติจริงหรือไม่” พล.ต.อ.สมยศระบุ
เมื่อถามถึงชายต้องสงสัยชาวต่างชาติซึ่งมีแผลที่แขนถูกเจ้าหน้าตำรวจคุมตัวได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม ผบ.ตร.กล่าวว่า ตอนแรกพบว่าชายคนนี้มีปัญหาเรื่องพาสปอร์ตที่ตัวหนังสือและลายน้ำไม่ชัด จึงให้ไปทำพาสปอร์ต เมื่อสงสัยว่าอาจจะใช่ก็ตามตรวจสอบ พอทราบว่าชายคนนี้ไปทำพาสปอร์ตที่สถานทูตฯ จึงเชิญตัวมา ให้พยานที่ขี่มอเตอร์ไซค์มาดูตัว ก็ยืนยันว่าไม่ใช่ ประกอบกับเดินทางจาก จ.เชียงใหม่ แล้วเดินทางมาต่อเครื่องบิน ตรวจสอบเวลาสถานที่อยู่ก็ไม่เกี่ยวเนื่องกัน เมื่อไม่ใช่ก็ปล่อยไปแล้ว ส่วนชายอีกคนที่ขึ้นเครื่องบินสายการบินแอร์เอเชียไปยังกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เพื่อต่อเครื่องบินไปเมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อมีข้อมูลว่าหน้าละม้ายคล้ายคลึงผู้ต้องสงสัย จึงประสานทางการมาเลเซียให้ตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าชายดังกล่าวสูงมากกว่า 180 ซม.ซึ่งไม่ใช่ผู้ต้องหาจึงปล่อยตัวไป ขณะนี้ตำรวจสงสัยใครก็ต้องนำตัวสอบถามทำให้กระจ่าง