แกนนำ นปช.จี้ คสช.ยกเครื่องข่าวกรองไทย จ่อฟ้อง “วัชระ” กล่าวหาคนเสื้อแดงเอี่ยวปมแก้ว 3 ประการ ยกคำทำนายของ “หมอดูโสรัจจะ” ระบุจะมีเหตุการณ์ระเบิด เป็นจุดเริ่มต้น ที่กำลังเป็นจริง ด้าน “ณัฐวุฒิ” หนุนแกนนำแดงช่วย 2 ล้านจับตัว เป็นเงินส่วนตัว จวกรัฐอย่ามีอคติ-ไม่ตั้งธง
วันนี้ (20 ส.ค.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวผ่านรายการมองไกล ตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ออกมาระบุว่าให้คนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์รีบเข้ามอบตัวเนื่องจากเกรงว่าจะถูกฆ่าตัดตอน เพราะเชื่อว่าถูกจ้างวานมาว่า การออกมาพูดดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นความห่วงใย หรืออาจเป็นคำแนะนำหรือไม่ สอดคล้องกับการตั้งคำถามของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ที่ตั้งคำถามตรงว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิต เพราะประเด็นทั้งเรื่องอุยกูร์ เรื่องชายแดนภาคใต้ ก่อนหน้านี้ได้ถูกตัดทิ้งไป ดังนั้นจึงเหลือเพียงความเกี่ยวเนื่องเดียวคือเรื่องภายในประเทศ
“จึงตั้งข้อสังเกตไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ ขณะที่การทำงานของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สันติบาล ศูนย์รักษาความปลอดภัย ก็จะต้องมีการยกเครื่องบูรณาการครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน เพราะภายหลังเกิดเหตุระเบิดก็ออกมายอมรับว่าการข่าวไม่เคยมีมาก่อน ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมากแต่กลับไม่มีข่าว จนกระทั่ง น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาฯ สมช.ต้องออกมาสอนมวย”
นายจตุพรกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมากล่าวหาว่าได้ปราศรัยเรื่องแก้วสามประการ คือ พรรคการเมือง มวลชน และกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ถือเป็นหลักฐานรัดคอ โดยขอให้ทหารตรวจสอบคดีคนเสื้อแดงขับมอเตอร์ไซค์แล้วเกิดระเบิดตัวเองจนร่างขาดเป็นสองท่อนที่ สน.มีนบุรี กับเหตุการณ์ระเบิดที่สมานเมตตาแมนชั่น บางใหญ่ จ.นนทบุรี และกรณีขอนแก่นโมเดล ที่มีการใช้อาวุธปืน ล้วนมีความเชื่อมโยงกันเป็นจิ๊กซอว์ของคนในขบวนการนี้ทั้งสิ้น ตนไม่เคยพูดเรื่องแก้วสามประการ โดยให้ไปตรวจสอบหาเทปที่เคยพูด หากมีหลักฐานว่าพูดจริงก็พร้อมที่จะคลานไปกราบ
“การออกมาพูดดังกล่าวของนายวัชระถือเป็นการเสี้ยม และไม่รู้จักแยกแยะว่าอะไรเป็นเรื่องบ้านเมือง อะไรเป็นเรื่องการเมือง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นต้องห่วงใยประเทศ ดังนั้นจะเตรียมดำเนินคดีฟ้องนายวัชระในกรณีดังกล่าว”
ประธาน นปช.กล่าวต่ออีกว่า “ขณะที่คำทนายของนายโสรัจจะ นวลอยู่ โหรชื่อดังที่ระบุว่าจะมีเหตุการณ์ระเบิด และได้ทำนายว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ในอนาคตปัญหาเศรษฐกิจไทยน่ากลัวมากทั้งจากต่างประเทศและไทยเองจะมีปัญหามากขึ้น การปรับ ครม.ชุดใหม่ดูเหมือนว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นนั้น คำเตือนดังกล่าวมีความน่าสนใจ และการทำนายที่ผ่านมาถือว่ามีความแม่นยำ และส่วนตัวเชื่อว่าจะแม่นยำตามคำทำนาย”
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช.กล่าวว่า เรื่องสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่รัฐจะต้องให้ข้อมูลและความคืบหน้าการติดตามจับกุมตัวคนร้าย โดยจะต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีอคติ หรือไม่ตั้งธงล่วงหน้า เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลโดยตรง ดังนั้นควรจะเป็นที่พึ่งของประชาชนในเรื่องความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนทุกฝ่าย ไม่ใช่พยายามเชื่อมโยงพาดพิงไปถึงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยที่ยังไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน การกระทำเช่นนั้นจะสร้างความแตกร้าว เพิ่มความตึงเครียดให้กับสถานการณ์ในสังคมมากยิ่งขึ้น
“รัฐบาลควรจะพูดความจริงกับประชาชน แม้จะเข้าใจได้ว่าในช่วงเวลาของการสืบสวนสอบสวนจะพูดความจริงได้ไม่หมด แต่ความจริงที่ออกจากรัฐบาลควรจะประกอบด้วยหลักฐาน” นายณัฐวุฒิกล่าว และว่ากรณีคนโพสต์เฟซบุ๊กแจ้งเตือนล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุรุนแรงระหว่างวันที่ 14-18 ส.ค.เข้าพบพนักงานสอบสวน ปอท.นั้น เท่าที่ติดตามข่าวเข้าใจว่าเป็นการโพสต์โดยเอาข้อความมาจากเว็บเพจอื่น แล้วตัวคนโพสต์ข้อความมีลักษณะบุคลิกเฉพาะตัว เห็นว่าอาจจะไม่เชื่อมโยงกับขบวนการที่สร้างความรุนแรง แต่อาจจะเป็นคนที่มีวิธีคิดเฉพาะตัวซึ่งเจ้าหน้าที่คงจะสัมผัสได้ เรื่องแบบนี้ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้ชัด เพราะสถานการณ์แบบนี้ถ้าหากคลุมเครือให้ประชาชนไปตีความกันเองก็จะมีแต่ความวุ่นวาย ตนพยายามสื่อสารไปยังฝ่ายต่างๆ ว่านี่คือภัยคุกคามของคนไทยทั้งประเทศไม่ว่าจะฝ่ายไหนสีอะไร เดินถนนเดินบนสะพานมีโอกาสเป็นผู้เคราะห์ร้ายบาดเจ็บล้มตายได้หมด ดังนั้นความแตกต่างทางการเมืองต้องวางเอาไว้ก่อน ให้เจ้าหน้าที่ไปจับกุมตัวทั้งคนลงมือ คนอยู่เบื้องหลังให้ได้ มีหลักฐานชัดก็เอาให้ถึงที่สุด
ส่วนเรื่องรางวัลนำจับที่นายสมหวัง อัสราษี อดีตผู้ช่วยเลขานุการ รมว.พาณิชย์ เสนอเงินช่วยรางวัลนำจับเพิ่มอีก 2 ล้านบาทนั้น เห็นว่านายสมหวังมีกำลังที่จะช่วยได้ถ้าได้ตัวคนก่อเหตุจริงนายสมหวังก็พร้อมจ่ายในฐานะคนไทยคนหนึ่ง โดยเงินที่ใช้เป็นเงินส่วนตัว
“ขณะนี้ผู้ที่ให้ข้อมูลข่าวสารควรเป็นฝ่ายรัฐ และทำหน้าที่อย่างไม่มีอคติ ตั้งธงล่วงหน้าเรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลโดยตรง ผมไม่เห็นด้วยกับการพยายามพาดพิงไปฝ่ายใดก็ตามทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน ถ้าคิดจะกล่าวหากันทุกฝ่ายก็กล่าวหากันได้หมด รัฐบาลควรพูดความจริงกับประชาชนที่ประกอบด้วยพยานหลักฐาน”
ด้านนายวรชัย เหมะ แกนนำ นปช.กล่าวถึงกรณีที่ คสช.ระบุว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายสากล แต่เกี่ยวข้องกับกลุ่มที่ขัดแย้งกับรัฐบาลว่า การที่ คสช.ออกมาแถลงสรุปเหตุดังกล่าวแบบชี้นำและฟันธงในลักษณะนี้ จะส่งผลกระทบกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งฝ่ายความมั่นคงอย่างมาก เท่ากับว่า คสช.กำลังตีกรอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทำแบบนี้แล้วเจ้าหน้าที่จะสืบสวนคดีต่อได้อย่างไร ทั้งนี้ หากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ออกมาแล้วปรากฏว่าเป็นเรื่องของการก่อการร้ายสากลนั้น
“อยากถามว่ารัฐบาลจะทำอย่างไร คสช.ยังไม่ควรด่วนสรุปสาเหตุโดยไม่มีหลักฐานรองรับ เพราะจะทำให้รัฐบาลลำบาก ขาดความน่าเชื่อถือเสียเอง ควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนและแสวงหาข้อเท็จจริงให้เรียบร้อยก่อน”