ASTV ผู้จัดการรายวัน - ป่วนอีก! โผล่วางระเบิดปลอมใต้สถานีรถไฟฟ้า BTS นานา คาดหวังสร้างสถานการณ์ให้วุ่นวาย “สมยศ” ประชุมชุดคลี่คลายคดีระเบิดแยกราชประสงค์-สะพานตากสิน ตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้านบาท คาดทำกันเป็นขบวนการ แนะมือวางบึ้ม รีบพบตำรวจตามคำแนะนำนายกฯ หวั่นถูกฆ่าตัดตอน ศาลอนุมัติหมายจับตามภาพสเกตช์แล้ว ตั้ง 6 ข้อหาฉกรรจ์ หนุ่มมือโพสต์ปัดรู้เห็น แค่ก๊อปข้อความจากเพจการเมืองมาแชร์ “บิ๊กตู่” ขอบคุณต่างชาติให้กำลังใจ ไม่ยืนยันเป็นการก่อการร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเวลา 14.39 น. วานนี้ (19 ส.ค.) ทวิตเตอร์ข่าวจราจร สวพ.91 @fm91trafficpro ในสังกัดกองตำรวจสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้แพร่ข้อความระบุว่า เจ้าหน้าที่สั่งปิดถนนสุขุมวิทออกไปนานาทุกช่องทาง พร้อมทั้งเส้นทางเดินรถเมล์ทุกสาย “ห้ามผ่าน” บังคับรถไปใช้เส้นทางอื่นชั่วขณะ หลังมีการพบวัตถุต้องสงสัยใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสนานาเมื่อช่วง 14.00น. ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน ทางทวิตเตอร์ของ จส.100 @js100radio ก็เผยแพร่ภาพ วัตถุต้องสงสัยเป็น วัตถุใส่ถุงพลาสติกสีดำ พันด้วยเทปใสวางอยู่ข้างตู้ไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 14.45น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่อีโอดี ได้เข้าตรวจสอบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าวแล้ว พบว่าภายในเป็นเศษกระดาษลัง เบื้องต้นคาดว่าเป็นผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์หวังให้เกิดความแตกตื่น จึงเปิดการจราจรตามปกติ
***นายกฯ สั่งดูแลความปลอดภัย
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผบ.ตร. พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น. พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต พล.ต.ต.จิตติ นอดบางยาง รองผบช.น. ผบก.น.1-9 ฝ่ายสืบสวน บช.น. และชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด ประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีระเบิดราชประสงค์ บริเวณรั้วพระพรหมเอราวัณ และสะพานตากสิน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เป็นการประชุมหารือติดตามความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนคดีที่เกิดขึ้นบริเวณสี่แยกราชประสงค์ และสะพานตากสิน ซึ่งได้นำคำสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง มาชี้แจงสั่งการให้ ผบช.น. และผู้บังคับบัญชาท่านอื่นๆ นำไปดำเนินการ
ทั้งนี้ ประเด็นหลักๆ นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชนและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะเกรงว่าจะตื่นตระหนก และมีความรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย โดยได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใน บช.น. ,บช.ก. ,ภ.1 ,ภ.2 ,ภ.7 ,ตชด. ,ตม. และสันติบาล ทำงานร่วมมือกับฝ่ายทหารในเรื่องการดูแลสถานที่สำคัญต่างๆ เช่น สถานฑูต สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะต้องเข้าไปดูอย่างอย่างใกล้ชิด ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย และที่สำคัญต้องวางมาตรการที่จะสร้างความเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว
***ผบ.ตร.ตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้าน
พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้ขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่จะช่วยเหลือในการที่จะเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารและช่วยสื่อสารไปถึงประชาชนที่มีข้อมูลข่าวสารต่างๆ เกี่ยวกับคนร้าย เพื่อที่จะนำไปสู่การจับกุมคนร้าย โดยใช้ช่องทางการแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1599 หรือ 191 และสามารถแจ้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำไปสู่การออกหมายจับคนร้ายได้ จะมีรางวัลนำจับให้ 1,000,000 บาท
"เชื่อว่าหากมีการจับกุมคนร้ายได้จริง อาจจะได้มากกว่า 1 ล้านบาท เพราะโดยปกติเวลามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น มักจะมีคนที่มีจิตใจรักชาติ ไม่อยากให้เกิดสิ่งนี้กับประเทศไทย ก็จะเอาเงินมาบริจาคกับผม ถ้าจับได้จริงๆ ถือว่า 1 ล้านบาทยังน้อยไปอาจจะได้มากกว่า"พล.ต.อ.สมยศกล่าว
***ไม่เชื่อชายเสื้อเหลืองทำคนเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ชายที่ใส่เสื้อสีเหลืองที่ประกฎในภาพกล้องวงจรปิดเป็นชาวต่างชาติหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ปักใจประเด็นชายใส่เสื้อสีเหลือง ที่ไปอยู่บริเวณศาลพระพรหมว่าเป็นชาวต่างชาติหรือไม่ จะต้องให้ความสำคัญและไปตรวจสอบหลักฐานกล้องวงจรปิดอีกครั้งว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ เพราะตนไม่เชื่อว่าชายเสื้อสีเหลืองจะลงมือกระทำเพียงคนเดียว ซึ่งตนไม่ได้ปักใจเชื่อว่าชายเสื้อเหลืองจะเป็นคนลงมือก่อเหตุ แต่ใครก็ตามที่เข้าไปอยู่บริเวณศาลพระพรหมในห้วงเวลานั้น หรือก่อนห้วงเวลานั้นจะมีการตรวจสอบย้อนหลังไป 1-3 วัน เพื่อให้เกิดความมั่นใจ เพราะคนร้ายเวลาจะลงมือกระทำความผิดเขาต้องมีการวางแผนมาดูสถานที่ ซึ่งเราจะต้องนำหลักฐานดังกล่าวมาประกอบการสอบสวน เพราะสมัยนี้คนสามารถปลอมแปลงใบหน้าได้อย่างดี เนื่องจากมีเทคโนโลยีในการที่จะปลอมแปลงใบหน้าได้ ซึ่งต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนซักระยะหนึ่ง ถามว่าคนร้ายยังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนเป็นเรื่องในสำนวน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ได้กำหนดกลุ่มคนร้ายว่าเป็นกลุ่มใครบ้าง พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ยังมองในภาพรวมว่าใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ซึ่งยังไม่มีการตัดประเด็นใดทิ้ง ทุกประเด็นยังให้ความสำคัญเท่าเทียมกันหมด
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในภาพวงจรปิดชายเสื้อสีเหลืองได้วางกระเป๋าลงบนเก้าอี้ ภาพหลังจากนั้นมีการระเบิดจากกระเป๋าเป้ใบนั้นหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เท่าที่ดูสื่อเห็นอย่างไร ตำรวจก็เห็นอย่างนั้นแต่ถ้าเป็นข้อมูลในเชิงลึกขออนุญาตไม่ตอบ
***มุ่งเอาชีวิตหมดไม่ใช่แค่คนจีน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า การวางระเบิดบริเวณสี่แยกราชประสงค์ และบริเวณสะพานตากสิน คนร้ายมุ่งเน้นที่จะทำร้ายคนจีนหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ยังไม่ใจเชื่อขนาดนั้นเพราะว่าผู้ที่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตไม่ได้มีเฉพาะชาวจีน คนไทยเสียชีวิตมากกว่า ชาวจีนเสียชีวิตแค่ 2 คน จะไปบอกว่าเขามุ่งหวังเอาชีวิตคนจีนนั้นไม่น่าจะใช่ แต่การลงมือกระทำครั้งนี้เป็นการมุ่งหวังเอาชีวิตแน่นอน เพราะว่าเวลาและสถานที่ก่อเหตุบ่งบอก
ส่วนสะเก็ดระเบิดที่เกิดขึ้นใน 2 ที่จะเชื่อมโยงเหตุระเบิดในตะวันออกกลางหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะใช้ฐานข้อมูลทุกอย่าง และยังไม่ให้น้ำหนักกับกรณีใดกรณีหนึ่งเป็นพิเศษ ส่วนการประกอบระเบิดยังไม่ชี้ชัดว่าทำในประเทศไทย อยู่ระหว่างตรวจสอบเพราะว่าผลทางเคมียังไม่ออกมา วันนี้ได้สอบถามไปยังอีโอดีบอกว่าผลยังไม่ออก แต่การจะบอกว่าวัตถุระเบิด ดินปืน รูปแบบการผลิตต่างๆ นั้น ในปัจจุบันมีการเลียนแบบ
ส่วนกรณีนักวิทยาศาสตร์ออกมาบอกว่าบอลแบริ่ง มีใช้ครั้งแรกในประเทศไทยนั้น ขอปฏิเสธว่าไม่ใช่ เพราะปัจจุบันมีการเลียนแบบกันได้ในอินเทอร์เน็ต อย่าไปบอกว่าใช้แบบนี้จะเป็นระเบิดที่ใช้ในพื้นที่ใด ทั้งนี้ การที่พยายามโยงไปเป็นเรื่องของประเด็นการเมือง ยืนยันว่ายังไม่มีใครพูดเรื่องการแบ่งสี เพราะตอนนี้ประเทศไทยไม่มีการแบ่งสี
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คนร้ายที่ก่อเหตุอาจจะมีความเชื่อมโยงกับการวางระเบิดที่ห้างสรรพสินค้าพารากอนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า อาจจะเป็นไปได้เพราะรูปแบบหรือวัสดุที่ใช้ในการก่อเหตุเหมือนกัน
***เตือนระวังถูกฆ่าตัดตอน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงว่าคนร้ายจะถูกฆ่าตัดตอน พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า มันก็เป็นไปได้ทั้งนั้นเพราะการก่อเหตุครั้งนี้ไม่น่ากระทำได้คนเดียว และมีการช่วยเหลือสนับสนุนและเป็นคนที่รู้เส้นทางการหลบหนีเป็นอย่างดี เพราะว่าเรื่องแบบนี้ทำคนเดียวไม่ได้ เพราะฉะนั้นหลักฐานที่ตำรวจจะต้องนำมาประกอบในคดีอย่างที่บอกว่ามีผู้ต้องสงสัยหลายคน ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้พูดว่าคนร้ายเป็นชาวต่างชาติ แต่เชื่อว่าต้องมีคนไทยและทำกันเป็นกระบวนการ และทำขึ้นเพื่อดิสเครดิตรัฐบาล ต้องการให้ประเทศเกิดความเสียหาย ไม่ได้รับความไว้วางใจจากต่างประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวหรือชาวต่างชาติหวาดกลัวไม่กล้าเข้ามาในประเทศไทย จนทำให้ระบบเศรษฐกิจเสียหาย สิ่งแรกที่กระทบคือระบบเศรษฐกิจการท่องเที่ยว เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยวประเทศไทยจะเสียหายในเรื่องธุรกิจ
***หมายจับมือบึ้ม 6 ข้อหาฉกรรจ์
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อนุมัติหมายจับตามที่ตำรวจเสนอแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี ได้เดินทางไปขออนุมัติหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ เลขที่ จ.554/2558 ลงวันที่ 19 ส.ค.2558 ในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นถึงแก่ความตายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย , ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่ออกใบอนุญาตไม่ได้ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันพาอาวุธปืน (วัตถุระเบิด) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และทำให้เสียทรัพย์” แก่ชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อปรากฏตามภาพสเก็ตซ์ของกองทะเบียนประวัติ ที่มีตำหนิรูปพรรณใบหน้ารูปไข่ รูปร่างสูง และผิวขาว
***เชิญผู้ต้องสงสัย2-3รายมาตรวจสอบ
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการจับตัวผู้ต้องสงสัยและควบคุมตัวมาสอบสวน ว่า ขณะนี้ยังไม่ยืนยันว่ามีการจับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจสอบผู้ต้องสงสัยที่เป็นชาวต่างชาติประมาณ 2-3 คน เนื่องจากมีลักษณะของใบหน้าที่คล้ายกับชายต้องสงสัยในภาพวงจรปิด ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการจับกุม และผู้ต้องสงสัยที่นำมาตรวจสอบในตอนนี้ยังไม่ใช่คนร้ายแต่อย่างใด
***มือโพสต์แจ้งเหตุระเบิดปัดรู้เห็น
วันเดียวกันนี้ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พล.ต.ท.ประวุฒิ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. และ พล.ต.ต.ศิริพงษ์ ติมุลา ผบก.ปอท. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีเชิญตัวนายพงศ์ภพ บุญสารี อายุ 36 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา เจ้าของเฟชบุ๊กชื่อ "วิชเวช พรพรหมรักษา" มือโพสต์ข้อความแจ้งล่วงหน้าว่าจะมีเหตุระเบิดขึ้นในกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 21.45 น. ของวันที่ 13 ส.ค. ก่อนเกิดเหตุระเบิดที่ศาลพระพรหม แยกราชประสงค์ ในคืนวันที่ 17 ส.ค.
นายพงศ์ภพ กล่าวว่า ได้เข้าเพจเฟซบุ๊กหนึ่ง ซึ่งเป็นเพจการเมือง โดยเข้าไปดูในเพจดังกล่าว และมีโพสต์แจ้งเตือนเอาไว้ จึงได้ก๊อปี้มาแจ้งเตือนประชาชนในเฟซบุ๊ก ซึ่งที่ผ่านมา ก็ถูกมากกว่าสามครั้ง แต่มักจะเป็นการโพสต์ แล้วลบทันที และหลังจากเกิดระเบิดขึ้น เพจดังกล่าวก็ลบตนออกจากกลุ่มแล้วเปลี่ยนชื่อเพจหนี ส่วนเฟซบุ๊กของตนที่ถูกปิด เพราะถูกประชาชนกดรีพอร์ต
***เตรียมตรวจสอบเพจต้นเรื่อง
พล.ต.ท.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่พบความผิดใด นายพงศ์ภพก็ไม่ได้มีพฤติการณ์จะหลบหนี ติดต่อเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเอง เนื่องจากเกรงจะโดนใส่ร้ายหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะไปตรวจสอบบ้านพักของนายพงศ์ภพอีกครั้ง ส่วนเพจที่นายพงศ์ภพอ้างว่าไปคัดลอกข้อความมานั้น ก็จะเข้าไปตรวจสอบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นหรือไม่
***ฝากคนรู้จักผู้ต้องสงสัยพาพบตำรวจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการเป็นประธานในพิธี บวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยามว่า เป็นห่วงคนที่มาวางระเบิด จะถูกฆ่า เพราะเป็นเป้าหมายที่จะต้องสืบสวน จับกุมให้ได้ ดังนั้น จึงมีผลกับผู้ก่อเหตุ จึงอยากจะบอกกับผู้ก่อเหตุว่าถ้าอยากจะปลอดภัยให้กลับมาหาเจ้าหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่จะหาวิธีการทางกฎหมายให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งดีกว่าการหลบๆ ซ่อนๆ จะทำให้มีชีวิตอยู่ได้ยาก เพราะจะมีการฆ่าปิดปากอะไรซักอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุระเบิดทั้งสองกรณีที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ได้รายงานว่ามีความเชื่อมโยงกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นการตั้งข้อสันนิษฐานเฉยๆ เพราะต้องดูลักษณะของระเบิด ซากชิ้นส่วน เป็นชนิดเดียวกันหรือเปล่า ถ้าเป็นชนิดเดียวกันก็จะโยงใยซึ่งกันและกัน ยิ่งทำมาก ก็ยิ่งจะพิสูจน์ได้ง่ายขึ้น เพราะคนจะเยอะขึ้น คนที่เป็นเป้าหมาย เราจะต้องหาคนเหล่านี้ให้เจอ
"อยากจะฝากบอกใครที่อยู่ใกล้ๆ ผู้ต้องสงสัย ให้รีบมาพบเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นพวกเดียวกัน หรือคนละพวกก็แล้วแต่ ผมคิดว่าเขาน่าจะตกอยู่ในอันตราย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
***ย้ำทำเป็นขบวนการจ้างวานคนก่อเหตุ
เมื่อถามว่า คิดว่าผู้ก่อเหตุถูกจ้างวานมาใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ มันต้องจ้างอยู่แล้ว ใครจะไปคิดเองทำเอง ต้องจ้างมา สิ่งสำคัญประการหนึ่ง คือ ไม่ใช่คนก่อเหตุทำระเบิดเองหรือมาวางเอง ด้วยจุดประสงค์ส่วนตัว มันไม่ใช่ มันต้องมีการจ้างวานทั้งสิ้น เพราะเขาไม่สามารถที่จะไปหาวัตถุเหล่านี้มาด้วยตัวเองอยู่แล้ว เพราะมันอันตราย ผิดกฎหมาย
**ขอบคุณต่างชาติให้กำลังใจไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯ เดินทางถึงกรุงเทพฯ ได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกรณี นายโทนี่ แอบบ็อตต์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ว่า ต้องขอขอบคุณที่ให้กำลังใจ เป็นกำลังใจให้เราต่อสู้กับภัยอันตรายต่อไป และทางออสเตรเลีย ได้บอกกับประชาชนให้มาเที่ยวประเทศไทยเหมือนเดิม และทุกประเทศเขาก็ดีกับเราหมด ส่วนกรณีที่มีหลายประเทศพร้อมที่จะมาช่วยเหลือ ก็สามารถให้คำแนะนำได้
ทั้งนี้ นายกฯ ยังยืนยันว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นการก่อการร้าย เพราะมันยังไม่ชัดเจน
***แจง"stronger together"
เมื่อถามว่าคำว่า stronger together หมายความว่าอะไร นายกฯ กล่าวว่า ก็ด้วยกันไง เดินไปด้วยกัน ทำให้แข็งแรง ต้องรวมกลุ่มกันให้ได้ รวมจิตใจคนไทยทั้งชาติให้ได้ ตนคิดเอง เขียนเอาเมื่อวาน อย่าหาว่าตนดัดจริตเลย มีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เพื่อให้ต่างประเทศรู้ว่า ประเทศไทยตอนนี้ต้องการความเป็นหนึ่งเดียว
**รปภ.เข้มสนามบินดอนเมือง
พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. กล่าวว่า การดูแลท่าอากาศยานดอนเมือง ปกติกองทัพอากาศทำงานร่วมกับการท่าอากาศยานไทย และกรมการบินพลเรือน ในการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ทั้งเครื่องมือในการตรวจจับสิ่งแปลกปลอม ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี ชุดสุนัขทหาร และชุดลาดตระเวน คอยสอดส่องดูแลอยู่
***คสช.ชี้แยกราชประสงค์สู่ภาวะปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.50 น. วานนี้ ที่กองบัญชาการติดตามสถานการณ์ คสช. ได้แถลงข่าวเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ผ่านโทรทัศน์ โดย พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคสช. แถลงว่า สถานการณ์ในภาพรวมอยู่ในความเรียบร้อย ประชาชนสามารถใช้ชีวิต และประกอบอาชีพได้ตามปกติ รวมทั้งได้มีการแสดงความเห็นอกเห็นใจ และให้กำลังใจต่อผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและญาติของผู้เสียชีวิตอย่างท่วมท้น ตลอดจนมีการใช้สื่อสังคมออนไลน์ในเชิงสร้างสรรค์
***"วัชระ"ซัด "จตุพร"ร้อนตัว
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ที่ออกมาโจมตี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาล ให้ข่าวป้ายสีกลุ่ม นปช. มีเอี่ยวกับเหตุระเบิดที่ราชประสงค์ ว่า นายจตุพร กินปูนร้อนท้อง เพราะพล.ต.สรรเสริญ มิได้ระบุชื่อใครเลย นอกจากวิเคราะห์ตามเหตุว่าแนวโน้มเกิดจากผู้เสียประโยชน์การเมืองกลุ่มเดิมๆ เพื่อทำลายบรรยากาศของประเทศ และมีการปล่อยข่าวทางโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างเป็นระบบ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะพล.ต.สรรเสริญ เท่านั้นที่คิดเช่นนี้ แต่ประชาชนทั้งประเทศก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริง การออกมาปฏิเสธของนายจตุพร ประชาชนทั่วไปจะเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ระหว่างคำพูดของจำเลยในคดีก่อการร้าย คือ นายจตุพร กับ พล.ต.สรรเสริญ โฆษกรัฐบาลคนใหม่ ประชาชนจะเชื่อใครมากกว่ากันเป็นเรื่องที่มองได้ไม่ยาก
***นปช.สมทบเงินรางวัลนำจับมือบึ้ม 2ล้าน
นายสมหวัง อัสราษี อดีต เลขานุการรมว.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. กล่าวว่า การที่พล.ต.อ.สมยศ ตั้งรางวัล 1 ล้านบาท แก่ผู้ที่ให้ข้อมูลจนสามารถจับกุมคนร้ายได้นั้น ตนในฐานะคนไทยคนหนึ่งเห็นด้วย และพร้อมสนับสนุนสมทบเพิ่มเงินรางวัลให้อีก 2 ล้านบาท รวมเป็น3 ล้านบาท หากว่าใครสามารถให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือรัฐบาล จนสามารถนำไปสู่การจับกุมผู้ก่อเหตุ หรือผู้ที่สั่งการให้ฆ่าผู้บริสุทธิ์อย่างอำมหิต ที่แยกราชประสงค์ ตนจะนำเงินสดไปมอบให้ด้วยตัวเอง
***ต่างจังหวัดคุมเข้มแหล่งท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการดูแลความปลอดภัยในจังหวัดต่างๆ ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง ได้สนธิกำลังเข้าตรวจสอบแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา รวมทั้งตรวจสอบการเดินทางเข้าออกทางอากาศยาน และทางด่านชายแดน เพื่อป้องกันเหตุร้าย
พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวว่า ในพื้นที่ในเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจ.ภูเก็ต มีการจัดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลเป็นพิเศษตามนโยบายรัฐบาล เพื่อสร้างอุ่นใจ เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปท่องเที่ยวจำนวนมาก
***รุมประนามมือวางระเบิด
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า กลุ่มนักศึกษา ภาคเอกชน ในหลายจังหวัด ได้จัดกิจกรรมประนามผู้ที่ก่อเหตุวางระเบิดที่แยกราชประสงค์ เช่น ที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดยกลุ่มนักศึกษาได้เขียนป้ายต่อต้านการใช้ความรุนแรง ที่เชียงราย หอการค้าจังหวัดเชียงรายและสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ ได้นำสมาชิกเข้าพบผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เพื่อแสดงความเสียใจและประนามผู้ก่อเหตุ ขณะที่ชาวมอญ ชาวกระเหรี่ยง ที่สังขละบุรี ชาวจันทบุรี ชาวตราด ได้ขึ้นป้ายประนามเช่นเดียวกัน