อดีต ส.ส. ปชป. แฉ “ส.ต.ต.บัณฑิต” จำเลยคดียิงวัดพระแก้ว ใช้เงินกองทุนยุติธรรมประกันตัว เงินที่ถูกยึด 1 ล้าน เพราะไม่ไปฟังคำพิพากษาจึงเป็นเงินภาษีประชาชน ชี้ “ประชา พรหมนอก” เสนอ ครม.“ยิ่งลักษณ์” ประชุมลับอนุมัติจากงบกลางประกันตัวก๊วนเสื้อแดง ผู้ต้องหา ม.112 ได้ด้วย เล็งยื่น ป.ป.ช. สอบยกชุด
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีศาลอาญาออกหมายจับ ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม อดีตตำรวจ สภ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว เนื่องจากหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีหมายเลขดำที่ อ.2317/2553 ฐานร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกระทำให้เกิดระเบิดเป็นอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินผู้อื่น, ร่วมกันมีปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปในเมือง ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรเมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา และให้ปรับนายประกันเต็มสัญญา ยึดเงินสด 1 ล้านบาทนั้น คดีนี้ประชาชนรู้จักกันในชื่อคดียิงวัดพระแก้ว แต่เดชะบุญกระสุนปืน อาร์พีจี ที่ ส.ต.ต.บัณฑิต ยิงเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2553 นั้น ไปถูกสายโทรศัพท์ข้างกระทรวงกลาโหมเสียก่อน
นายวัชระ กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ขณะนั้น ได้แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า คดีมีความเชือมโยงกับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เนื่องจาก ส.ต.ต.บัณฑิต รู้จักกับ พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ซึ่งเป็นสามีของนางจุรีพร แกนนำกลุ่มเสื้อแดงพัทยา และเป็นนัองสาวของนายนิสิต สินธุไพร อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โดย พ.ต.ท.ศุภชัย ได้จ้างวาน ส.ต.ต.บัณฑิต เป็นเงิน 5 แสนบาท
“ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารจับกุม พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ได้นำส่งตัวให้ ดีเอสไอ ควบคุมตัว แล้วปรากฏว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ สั่งปล่อยตัว และไม่ดำเนินคดีใด ๆ ต่อ พ.ต.ท.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเรื่องนี้ ผมได้ร้องเรียนกับพลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และท่านได้เร่งรัด นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ด้วยตนเองแล้ว แต่วันนี้คดียังไม่คืบหน้า”
นายวัชระ กล่าวอีกว่า เมื่อศาลสั่งริบเงินประกัน 1 ล้านบาท เนื่องจาก ส.ต.ต.บัณฑิต หลบหนี ประชาชนไม่ทราบก็นึกว่าเงิน 1 ล้านบาท เป็นเงินของคนเสื้อแดง แต่แท้ที่จริงแล้วเป็นเงินที่มาจากภาษีของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศนั่นเอง เพราะเป็นเงินจากกองทุนยุติธรรม ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ แอบอนุมัติงบกลางจำนวน 80 ล้านบาท ให้เพิ่มเติมจากเดิม 40 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอที่จะประกันนักโทษคนเสื้อแดงทั้งประเทศตามที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรมในขณะนั้น ได้ขออนุมัติในที่ประชุม ครม. เป็นความลับ มีการแจกเอกสารริมแดงให้อ่านแล้วเก็บทันที ไม่มีการแถลงให้สื่อมวลชนทราบ ทั้ง ๆ ที่งบกลางนี้ตามกฎหมายเป็นเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน หรือจำเป็น แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็อนุมัติให้นำมาประกันคนเสื้อแดง รวมทั้งนักโทษในคดี ม.112 ด้วยเช่นกัน
“ส.ต.ต.บัณฑิต สิทธิทุม นายสุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ นางดารณี กฤตบุญญาลัย ที่ไปเคลื่อนไหวด่า คสช. ที่สหรัฐอเมริกา ก็ประกันตัวด้วยเงินจากกองทุนยุติธรรมนี้ ผมจึงขอเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมเปิดเผยให้ประชาชนทราบว่ากองทุนยุติธรรมใช้เงินไปประกันคนเหล่านี้ทั้งสิ้นเท่าไร มีใครบ้าง ความผิดฐานใด และหากศาลสั่งริบเงินประกัน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะทำอย่างไร เสียค่าโง่ฟรี ๆ ใช่ไหม และขณะนี้คนที่ประกันตัวด้วยเงินภาษีประชาชนนี้หลบหนีไปกี่คน ใครบ้าง
“นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรัฐมนตรีในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เคยออกมารับประกันถึงขนาดที่ว่า “ไม่กังวลว่าจะหนี เมื่อได้รับการประกันตัวออกมา” แล้วเมื่อ ส.ต.ต.บัณฑิต, นางดารณี นักโทษคดี ม.112 หลบหนีไปแล้ว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จะรับผิดชอบหรือมีสำนึกอย่างไร ผมขอเรียกร้องให้ ส.ต.ต.บัณฑิต มาฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 20 ตุลาคม นี้ เพราะผมมั่นใจว่า ศาลให้ความยุติธรรมโดยเท่าเทียมกัน หากหลบหนีอาจถูกฆ่าตัดตอนได้ ฝากครอบครัวของท่านไปบอกด้วย ผมวิงวอนขอให้ท่านเปิดเผยความจริงให้สังคมได้รับรู้ว่าใครคือผู้สั่งการให้ยิงจรวด อาร์พีจี ใส่วัดพระแก้ว หากท่านเปิดเผยความจริงและสำนึกผิด ผมเชื่อว่าสังคมไทยจะให้อภัย
“ส่วนบุคคลที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เปิดเผยว่า เป็นผู้จ้างวานนั้นต่อมาได้รับการเลื่อนตำแหน่งตามคำสั่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลที่ 3/2557 ลำดับที่ 51 คือ พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ เป็น ผกก.สน.บวรมงคล ลงชื่อ พลตำรวจโท ศรีวราห์ รังสิพราหมกุล ผบช.น. และจนบัดนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษยังไม่ดำเนินคดีใด ๆ ต่อ พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ แต่ประการใด และ พลเอก ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ต้องให้ดีเอสไอเป็นเจ้าทุกข์ดำเนินคดีต่อนายธาริต ข้อหาตาม ป. อาญา ม.157 และอื่น ๆ ได้แล้ว ขอความกรุณาอย่ารอช้า เพราะเป็นถึงอธิบดีดีเอสไอย่อมรู้กฎหมายเป็นอย่างดี และได้ข่าวว่าเคยได้เกียรตินิยมด้วย
“ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะรัฐมนตรี ผมจะยื่น ป.ป.ช. ให้สอบสวนหาความผิดในเรื่องนี้ต่อไป เพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ใช้เงินผิดวัตถุประสงค์และเอื้อประโยชน์แก่พวกพ้องอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์” นายวัชระ กล่าว