xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ล้างมาเฟียให้สิ้นซาก เชื่อสิ! เรื่องจริงไม่ใช่นิยาย?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ออกลีลาท่าทางขึงขังแต่เชื่อขนมกินได้เลยว่าอีเวนต์ล้างมาเฟียให้หมดไปจากแผ่นดินไทย เป็นเพียงหนังโฆษณาคั่นเวลาของมหากาพย์ทำคลอดหรือทำแท้งรัฐธรรมนูญฯ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ยังไม่แน่ลูกผีลูกคน และมาเฟียที่ล็อกเป้าเข้าไปทำลายล้างคราวนี้ก็เชื่อขนมกินได้เลยเช่นกันว่าจะมีแต่ขาใหญ่ใต้ร่มเงานักการเมืองเป็นหลัก

ส่วนมาเฟียมีสีที่เป็นทหารนั้น จะถูกฟันแรงไม่เลี้ยงอย่างที่ “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการ คสช. ส่งเสียงขู่หรือไม่ คำตอบไม่ได้ล่องลอยในสายลมแต่ชัดเจนทั่วไทยอยู่แล้ว ไม่งั้น “บิ๊กหมู”จะต้องสั่งแล้วสั่งอีกทำไมให้ทหารที่ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลเลิกประพฤติตัวเป็นมาเฟียเสียที พี่ขอร้องอีกครั้ง นี่จะเอาจริงแล้วนะ

จะว่าไปคงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า การปราบมาเฟียที่ล้มเหลวมาตลอดทุกยุคทุกสมัย และทำได้เพียงลูบหน้าปะจมูกก็เพราะคนปราบและคนถูกปราบล้วนแต่เป็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันและเป็นคนกันเองทั้งนั้น เป็นคนกันเองที่มีทั้งสีเขียว สีกากี และนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล ที่รู้ๆ กันอยู่ว่าใครเป็นใคร ในการลงมือปราบแต่ละครั้งจึงขึ้นอยู่กับว่าใครจะถูกเลือกเป็นเป้าเข้าลุยล้างสร้างภาพเชือดไก่ให้ลิงดู ก็เท่านั้น

คราครั้งนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ซุ้มนครปฐม เจอแจ๊กพ็อตเข้าให้ เพราะใครๆ ก็รู้ว่านี่เป็นถิ่นของขาใหญ่เพื่อไทย พรรคการเมืองใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศไทยที่ไม่ยอมทำตัวเป็น “เด็กดี” อยู่ในโอวาทของคสช.แถมยังชอบปล่อยให้ลิ่วล้อออกมาวิพากษ์วิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญฯ ให้บิ๊ก คสช.อารมณ์เสียอยู่เรื่อย และไม่ใช่แค่ซุ้มนครปฐมเท่านั้น อดีตส.ส.เถื่อนถ่อยระดับตัวพ่อของพรรคเพื่อไทย “เก่ง- การุณ โหสกุล” แห่งทุ่งดอนเมือง ก็มีชื่ออยู่ในบัญชีที่จะเจอดีพร้อมกับ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือเสธ.ไอซ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 รุ่นเดียวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตามที่มีชื่อหลุดออกมาด้วย ก่อนที่บิ๊ก คสช. จะปฏิเสธในภายหลังว่าไม่มี ไม่มี ไม่ได้ขึ้นบัญชีผู้มีอิทธิพล “เก่ง-การุณ”กับ “เสธ.ไอซ์” และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ทหารนอกราชการ แต่อย่างใด

“ไม่มี ไปเอามากันจากไหน” พล.อ.ธีรชัย กล่าวปฏิเสธในการตอบคำถามผู้สื่อข่าว

หากนับตั้งแต่ยึดอำนาจบริหารประเทศ คสช.ได้ชิมลางลุยล้างอิทธิพลมาแล้วในหลายพื้นที่หลายวงการตามนโยบายจัดระเบียบสังคม ทั้งหวย บ่อน ซ่อง วินมอเตอร์ไซค์ รถตู้ แท็กซี่ ทางเท้า ฯลฯ ซึ่งมีทั้งสำเร็จและล้มเหลว ได้ทั้งดอกไม้และก้อนอิฐ มีทั้งเสียงสรรเสริญและก่นด่า ละเว้นพวกเดียวกันบ้าง เคาะกะลาบ้าง กระชับอำนาจสร้างฐานบารมีของกลุ่มอำนาจใหม่บ้าง ผลงานด้านการจัดระเบียบสังคมปราบมาเฟียที่ออกมาจึงเป็นแบบครึ่งๆ กลางๆ ไม่สุดซอย จนต้องเรียกความเชื่อมั่นว่าคราวนี้เอาจริงแบบเข้มข้นแน่ แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่วันก็แผ่วตามท่าทีที่คล้ายแข็งกร้าวแต่ผ่อนปรน เหมือนการแสดงปาหี่ที่กลับไปกลับมาของบิ๊ก คสช.

ดูจาก “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ทำท่าขึงขังรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่มีทุกจังหวัดทุกอำเภอได้ส่งรายชื่อไปแล้ว แต่ละพื้นที่ก็จะดำเนินการ ยืนยันเจ้าหน้าที่จะดำเนินการหมด ไม่ว่าจะเป็นสีไหน ข้าราชการฝ่ายทหาร ฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ก็ว่ากันไป ใครทำให้ประชาชนเดือดร้อน เข้าข่าย 16 ฐานความผิดสำหรับผู้มีอิทธิพลหมด ยืนยันว่าจำนวนรายชื่อผู้มีอิทธิพลทั้ง6,000 รายชื่อ ที่ออกมานั้น มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน และไม่ได้เจาะจงไปยังกลุ่มหัวคะแนนของนักการเมือง

แต่เมื่อถามถึงคนที่คุณก็รู้ว่าใครอย่าง พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต(เสธ.ไอซ์) อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก พล.อ.ประวิตร กลับอ้อมๆ แอ้มๆ ว่า “ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำเรื่องอะไร เมื่อไหร่ บางทีอาจจะไม่ผิด หรือว่าผิดนิดหน่อย บางทีตัวเขาอาจจะไม่ได้ทำอาจจะเกี่ยวพันกับลูกน้องเขา เดี๋ยวคงมีการออกมาชี้แจงเอง...”

ส่วนเส้นตายที่ “บิ๊กป้อม” บอกว่า รัฐบาลจะพยายามปราบผู้มีอิทธิพลให้หมดภายใน 2 เดือน ก็แบ่งรับแบ่งสู้ต่อว่าแต่หากทำไม่สำเร็จก็จะต้องขยายเวลาออกไปแต่จะเร่งรัดให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด และไม่จำเป็นต้องตักเตือน เพราะทุกคนต้องวางมือจากการกระทำทั้งหมดอยู่แล้ว

เป็นท่าทีเช่นเดียวกันกับ “บิ๊กหมู”พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่บอกว่า การจัดการกับผู้มีอิทธิพลจากนี้จะมีความเข้มข้นมากขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ไม่ได้มีการตั้งกรอบเวลาว่าจะต้องเสร็จสิ้นภายในกี่เดือน

“เราจะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด เพียงแต่จะเน้นให้มีความเข้มข้นในช่วง 6 เดือนตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงระบุ แต่ไม่ใช่ว่าครบ 6เดือนแล้วจะหยุด เพราะเราจะทำต่อเนื่องเพื่อให้ผู้มีอิทธิพลหมดไปจากประเทศนี้....” “บิ๊กหมู” บอกเล่าความฝันกลางวันในหน้าแล้ง และยืนยันว่าการปฏิบัติในทุกพื้นที่และทุกหน่วย ไม่มีแบ่งฝ่ายตามที่ฝ่ายการเมืองโจมตี และไม่เจาะจงว่าต้องเป็นการเมือง หรือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลที่อยู่กับฝ่ายการเมือง

ส่วนที่สั่งการให้ทุกหน่วยไปตรวจสอบกำลังพลที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลนั้น “บิ๊กหมู” ได้เน้นย้ำไปแล้ว หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะทหารจะไม่มีเตือน แต่จะดำเนินการแบบแรงทันทีเพราะสั่งการไปหลายครั้งแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐของหน่วยงานอื่นได้ส่งรายชื่อไปต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว

สำหรับบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพล นอกจากจะอยู่ในมือ “บิ๊กป้อม” 6,000 รายชื่อแล้ว ยังมีอยู่ในมือของ “บิ๊กต๊อก” อีกจำนวนหนึ่ง

ถามว่า กระทรวงยุติธรรม มีบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลหรือไม่ “บิ๊กต๊อก” ตอบว่า ก็ต้องบอกว่า มี เพราะเขาทำกันไว้ก่อนหน้านี้ เป็นฐานข้อมูลเดิม เพราะทำกันมานานแล้ว แต่จำนวนตัวเลขเท่าไหร่ยังไม่ทราบ อีกทั้งยืนยันไม่ได้ว่าตัวเลข 3,000 รายชื่อ ถูกต้องหรือไม่ แต่ถ้าถามว่ามีรายชื่อกลุ่มผู้มีอิทธิพลหรือไม่ ก็ตอบได้ว่ามี

การจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลในส่วนของกระทรวงยุติธรรม พล.อ.ไพบูลย์ ได้สั่งให้ดำเนินการตั้งแต่เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม โดยเป็นกลุ่มที่อยู่ในอำนาจหน้าที่การทำงานของสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มฐานความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติ ยาเสพติดในเรือนจำ การลักลอบหนีภาษี หนี้นอกระบบ และกลุ่มต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว

พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแลปัญหาอาชญากรรมพิเศษ ให้รายละเอียดว่า รายชื่อผู้มีอิทธิพลได้มีการรวบรวมรายชื่อมีมาเป็นปีแล้ว จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงยุติธรรม คือ ดีเอสไอ ป.ป.ท. และ ป.ป.ส.โดยจำแนกออกเป็น 5 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีรายชื่อผู้มีอิทธิพลมากน้อยต่างกันไป เชื่อว่า รายชื่อที่กระทรวงยุติธรรม ไม่ซ้ำกับหน่วยงานอื่นที่มีอยู่ ซึ่งเป็นข้อมูลในการดำเนินชั้นความลับสูง ไม่จำเป็นต้องส่งให้ใครไปดำเนินการ เนื่องจากหน่วยงานของเรามีศักยภาพตามกฎหมายอยู่แล้ว และไม่จำเป็นต้องมีการใช้มาตรานั้นมาตรานี้มาจัดการ เพราะในกลุ่มเหล่านี้มีการกระทำความผิดที่ชัดเจนอยู่แล้ว

ขณะที่ความเคลื่อนไหวฟากฝั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ก็ไม่ยอมน้อยหน้า เด้งรับนโยบายปราบมาเฟียอย่างคึกคัก โดย “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมกับ “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. รับผิดชอบงานฝ่ายความมั่นคง พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ที่ปรึกษา (สบ.10) นำทีมประชุม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1-9 ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนใต้ (ศชต.)กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยขีดเส้นภายใน 2 เดือน กลุ่มผู้มีอิทธิพล จะต้องลดลง 60-70 เปอร์เซ็นต์

ตามมาตรการปราบมาเฟียของ สตช.จะมีคณะกรรมการคัดเลือกรายชื่อบุคคลที่เข้าข่ายกระทำความผิดเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลราว 1,000 - 6,000 คน โดยจัดอยู่ในกลุ่มฐาน 16 ความผิด ประกอบด้วย 1.ยาเสพติด2.ฮั้วประมูลงาน 3.การเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงานและสถานบริการ 4.คิวมอเตอร์ไซค์ รถรับจ้างที่ผิดกฎหมาย 5.ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน 6.บ่อนการพนัน หวยใต้ดิน 7.ลักลอบค้าหญิงและเด็ก 8.หลอกลวงคนไปทำงานต่างประเทศ9.ลักลอบนำเข้า-ออกประเทศ 10.หลอกลวงต้มตุ๋นนักท่องเที่ยว 11.มือปืนรับจ้าง12.ทวงหนี้ ข่มขู่ 13.ค้าอาวุธ 14.บุกรุกที่ดินสาธารณะ15.เรียกค่าคุ้มครองในที่สาธารณะ เส้นทางหลวงหรือเก็บส่วย16.นายทุนปล่อยกู้นอกระบบ โดยพื้นที่เป้าหมายที่กำหนดเป็นโซนสีแดงที่ต้องจับตามากที่สุดคือ เขตภาคกลางที่จัดว่ามีกลุ่มผู้มีอิทธิพลมากที่สุด

“.... การปราบปรามจะต้องเห็นผล ไม่เพียงแต่ปราบปรามผู้มีอิทธิพลอย่างเดียว แต่ตำรวจก็ต้องปัดกวาดถูบ้านของตัวเองด้วย” “บิ๊กแป๊ะ”สารภาพชัด คล้ายจะบอกต่อสังคมว่าตำรวจไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เท่านั้น แต่มีงานพาร์ตไทม์ที่ทำรายได้ดีกว่างานประจำเสียอีกคือเป็นผู้มีอิทธิพลด้วย เป็นคำสารภาพเดียวกันกับที่ บิ๊ก คสช. ที่ว่าถึงเวลาทหารต้องเลิกเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลได้แล้ว

เป็นคำสารภาพต่อสังคมว่า คนในเครื่องแบบสีกากี สีเขียว นี่แหละคือ กลุ่มผู้มีอิทธิพล ที่ล้างเท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด



กำลังโหลดความคิดเห็น