xs
xsm
sm
md
lg

คสช.รุกแรงดาหน้าเป็นแผง เป้าหมายสืบทอดอำนาจ-น่ากลัว!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา

เห็นความเคลื่อนไหวของคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่แพกคู่กันมากับกลไกรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วงเวลาสองถึงสามสัปดาห์ที่ผ่านมาในวงการก็ต้องบอกว่า “อื้อหือ...นายแน่มาก” เพราะหากให้จับอาการที่เน้นเอาเฉพาะเนื้อๆสองสามดอกเท่านั้น ทำเอาฝ่ายตรงข้ามจุกอกพูดไม่ออกกันทั้งนั้น

เริ่มจากความเคลื่อนไหวของรัฐบาลที่ผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2557 ต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้แก้ไขในประเด็นการออกเสียงลงประชามติ โดยจะแก้ไขให้ต้องใช้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ แทนที่จะเป็นเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง ซึ่งแบบนี้ก็เพื่อเป็นหลักประกันให้การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลัง “ปรุงรส” โดย มีชัย ฤชุพันธุ์ “ผ่าน” แบบล้านเปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกัน เพื่อให้เห็นภาพกันชัดเจนเสียก่อน ก่อนที่จะไปถึงเรื่องอื่นที่ต่อเนื่องกันก็ต้องตั้งคำถามเสียก่อนว่า ทำไมถึงต้องการให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านการลงประชามติให้ได้ ทำไมไม่แฮปปี้หากไม่ผ่านเพราะจะได้ลากยาว สามารถปัดฝุ่นรัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ได้มาประกาศใช้ หรือนำมายำใหม่หรือว่าร่างใหม่แล้วเพิ่มเติมประเด็นสำคัญตามที่ต้องการก็ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเวลานี้สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แรงกดดันทั้งจากภายนอกภายในประสานเสียงกันเข้ามา อีกทั้งที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติก็ได้ประกาศเป็นสัญญาประชาคมแล้วว่าไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญจะผ่านหรือไม่การเลือกตั้งจะต้องเกิดขึ้นในปี 2560 ตามกำหนดเดิมแน่นอน ซึ่งแม้ว่าจะอธิบายไม่ชัด แต่เมื่อพิจารณาตามตารางเวลาแล้วความหมายก็คือ “ร่างรัฐธรรมนูญต้องผ่านประชามติ” เท่านั้น

อย่างไรก็ดี การที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องผ่านการลงประชามติมันก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า “เนื้อใน” ที่กำลัง “ยำ” กันอยู่ในช่วงสุดท้ายนี้จะทำได้ตามเป้าหรือไม่ ซึ่งเวลานี้หลายฝ่ายกำลังจับตากันว่าใน “บทเฉพาะกาล” ช่วงเวลา “เปลี่ยนผ่าน 5 ปี” จะใส่อะไรลงไปบ้าง อย่างน้อยเท่าที่เห็นก็มีความชัดเจนแล้วคือ “ส.ว.สรรหาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์” ส่วนจะเป็นจำนวน 200 คน หรือว่า 150 คนนั่นไม่ใช่ประเด็น

ประเด็นก็คือ ความหมายของคำว่าสรรหาในทางอ้อมก็คือ “แต่งตั้ง” ไม่ใช่เลือกตั้ง เพียงแค่นี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าชาวบ้านจะคิดกันอย่างไร จะเอาแบบนี้หรือไม่ หรือไม่เอาก็ให้รีบแสดงท่าทีออกมาให้ชัดเจน แต่ต้องรีบด่วนด้วยนะ เพราะถ้าไม่โวยวายก็ “เสร็จเขาแน่”

ถัดมาก็คือเรื่อง “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ” อะไรนั่น อ้างว่าหวังดีมาเพื่อวางแผนบ้านเมืองแทนชาวบ้าน และแทนนักการเมืองชั่วคราว อย่างน้อยก็ช่วงเปลี่ยนผ่านในระยะเวลา 5 ปี

นี่ว่ากันเฉพาะเท่าที่มองเห็นและคาดว่า “เอาแน่” ยังไม่ต้องพูดถึงประเด็นที่เปิดทางให้พรรรการเมืองเสนอชื่อ “คนนอก” เป็นนายกฯ ซึ่งว่ากันตามจริงยังไม่ชัดเจน มันอาจไม่ได้เลวร้ายเกินไป แต่ถ้าให้เลือกได้ก็ไม่ควรเปิดทางกันแบบนี้

นั่นเป็นการเปิดเกมรุกโต้กลับกันมาในเชิงหลักการ มาแบบเนียนๆ อาศัยสถานการณ์ “ช่องโหว่” ในช่วงที่นักการเมืองมีภาพที่ติดลบห่วยแตกจนชาวบ้านเสื่อมศรัทธาจนถึงระดับต่ำติดดิน แบบที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

หากสังเกตให้ดีเวลานี้ไม่ว่านักการเมืองฝ่ายใดกลุ่มใดกำลังถูกไล่บี้ถูกดำเนินคดีกันอย่างเข้มข้น ซึ่งก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติเคยยืนยันแล้วว่าจะต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดภายในปีนี้คือปี 2559 จากนั้นหากพิจารณาตามขั้นตอนก็น่าจะทยอยตัดสินชี้ขาดกันไป

หากพิจารณากันแบบเฉพาะเจาะจงฝ่าย ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย จะโดนหนักกว่าใครเพื่อน นอกเหนือจากเงื่อนไขคุณสมบัติในรัฐธรรมนูญที่ปิดทางไม่ให้ “คนโกง” เข้าสนามการเมืองตลอดชีวิตแล้ว ยังต้องเสี่ยงคุกตะรางและเสี่ยงต่อการถูกยึดทรัพย์ตามมาอีก ซึ่งภายในปลายปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงต้นปี 2560 ทั้ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายของทักษิณ ชินวัตร มีความเสี่ยงต่อคดีอาญาหลายคดี

แต่ที่น่าจับตามากที่สุดก็คือ “ยุทธการล้างมาเฟีย” ทั่วประเทศที่ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ภายใต้การบัญชาการของ “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะประชุมกันในวันที่ 8 มีนาคมนี้เพื่อปราบปรามให้สิ้นซาก โดยมีรายชื่อแพลมออกมาให้เห็นบ้างแล้ว ซึ่งหากพิจารณาจากวิธีการ หรือนโยบายคำสั่งถือว่าเป็นเรื่องดี พูดอีกก็ถูกอีก เพราะพวกผู้มีอิทธิพล มันก็ย่อมหมิ่นเหม่ทำผิดกฎหมาย เป็นภัยกับสังคมอยู่แล้ว อย่างไรก็ดีหากพิจารณาในเชิงการเมืองงานนี้มันช่วยไม่ได้ที่ต้องถูกมองว่านี่คือ “แผนกำจัดฝ่ายตรงข้าม” ไปในตัวด้วยหรือเปล่า

พิจารณาจากรายชื่อที่โผล่ออกมาให้เห็นเท่าที่สำรวจดูแล้ว ทุกครั้งก็ใช่เลย มีชื่อของ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ “เสธ.ไอซ์” พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร การุณ โหสกุล เป็นต้น คนพวกนี้แน่นอนว่า “ไม่มีทางผิดตัว” จะเรียกว่าผู้มีอิทธิพล หรือผู้กว้างขวาง แล้วแต่จะเรียกขานกัน แต่ในภาพรวมถือว่าการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ คราวนี้ย่อมมีผลตามมาหลายต่อ และเชื่อว่ามีผลต่อการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้อง “ผ่าน” ล้านเปอร์เซ็นต์ หลังจากที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวในเรื่องการจำนวนผู้มาใช้สิทธิไปแล้ว

ดังนั้นพิจารณาในภาพรวมตั้งแต่ต้น ไม่ว่าการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว การให้มี ส.ว.สรรหาแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี การเร่งรัดคดีความ และตามมาด้วยยุทธการกวาดล้างผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ มันก็ชัดว่านี่คือแผนรุกแบบดาหน้ากระหน่ำพร้อมกันเป็นแผง ส่วนจะอยู่ในแผน “กำจัด” แล้วสืบทอดอยู่ยาวหรือไม่ ก็ลองพิจารณากันตามเนื้อผ้าก็แล้วกันว่าใช่หรือไม่!!
กำลังโหลดความคิดเห็น