วานนี้ ( 15 ก.ย.) มีรายงานถึงกรณีกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ควบคุมตัว นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เพื่อปรับทัศนคติ และครบกำหนด 7 วันแล้ว โดยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะนำตัว นายพิชัย แจ้งความต่อ บช.น. ในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งคสช. ก่อนจะนำตัวส่งศาลทหารในช่วงบ่าย
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง โดยจะไม่มีการฟ้องร้อง นายพิชัย ต่อศาลทหาร และจะปล่อยตัวกลับบ้านเนื่องจาก คสช. เห็นควรให้โอกาสนายพิชัย อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 8 หลังเคยควบคุมตัวปรับทัศนคติแล้วถึง 7 ครั้ง ขณะที่นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ได้รับการปล่อยตัวพร้อมกับนายพิชัย เช่นกัน โดยทั้งสองได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่าย (15ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1
โดยในช่วงเวลา 13.00 น. นายการุณ โหสกุล และ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ได้ถูกนำตัวออกจาก พัน.ร.มทบ.11 มายังกองทัพภาคที่ 1 เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่ กกล.รส โดยทั้งสองคนได้ลงนามในเอกสารข้อตกลงหยุดการเคลื่อนไหว หรือแสดงความคิดเห็นที่จะกระทบต่อการทำงานของ คสช. ซึ่งก่อนหน้านี้ นายพิชัยก็ได้ลงนามในหนังสือในลักษณะดังกล่าวแล้วเช่นกัน ตั้งแต่เวลา 12.00 น.
ทั้งนี้ เมื่อเวลา14.45 น. นายพิชัย ได้เขียนข้อความลงเฟซบุ๊ก ว่า ได้รับการปล่อยตัวจากเจ้าหน้าที่ทหารแล้ว ตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาพร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้กำลังใจ
"เพื่อไม่ให้ทุกท่านเป็นห่วง ผมขอเรียนว่า ผมได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว ตั้งแต่หลังเที่ยง ขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน ที่กรุณาเสนอข่าวตลอดเวลาที่ผมถูกคุมตัว ผมขอขอบคุณ ท่านจาตุรนต์ ท่านภูมิธรรม ท่านสุรพงษ์ ท่านกิตติรัตน์ และทุกท่าน ที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวผม รวมถึง ฮิวแมน ไรต์ วอซ และหน่วยงานอื่นๆ โดยในสภาวะการเมืองที่ไม่ปกตินี้ ผมขอไม่ให้สัมภาษณ์ทางเศรษฐกิจ และผลของการเมืองที่มีต่อเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในทุกเรื่อง ที่ผมได้ให้ข้อคิดไว้ และอีก 10-20 ปีในอนาคต เราจะสามารถย้อนกลับมามองประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในช่วงนี้ไดัเป็นอย่างดี และขอให้กำลังใจรัฐบาลให้แกัไขปัญหาของประเทศได้" นายพิชัย กล่าว
วันดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก น.ส.จินตนา ปัญญาอาวุธ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ เนชั่น ได้ยื่นหนังสือต่อคสช. ให้ปล่อยตัว นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น หลังถูกควบคุมตัวเพื่อปรับทัศนคติเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
**"บิ๊กตู่"ยันใช้ ม.44 ตามบทบัญญัติของกม.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การเรียกตัวนักการเมือง รวมทั้งคนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และ คสช. มาปรับทัศนคติ ว่า เรื่องนี้ใครจะต่อต้าน ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะใช้ความรุนแรงไม่ได้ แม้แต่จะเรียกเขามายังเป็นปัญหาเลย ยิ่งสื่อไปขยายความ ต่างประเทศก็เล่นงานตนมากขึ้น จึงอยากถามว่าประชาชนต้องการอะไร หรือต้องการให้เป็นแบบนี้ ไม่ต้องทำอะไร ใครจะขัดขวางก็ปล่อยไป แล้วมันจะทำงานสำเร็จได้อย่างไร จึงอยากให้สื่อช่วยอธิบายว่า สิ่งที่ผมทำในเรื่องการใช้ มาตรา 44 นั้นไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ผมไม่ชอบไอ้คนนี้แล้วไปเรียกคนนี้มา ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่กฎหมายตาม มาตรา 44 เขียนไว้ชัดว่า กฎหมาย และคนทุกคนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งจะต้องยึดถือตามนี้ เพราะผมไม่ได้เขียนว่าให้ลงโทษใคร แต่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า มาตรา 44 มีไว้เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงในทุกๆ ด้าน เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ขัดคำสั่ง ก็ถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าไม่ทำผิด ผมก็ไปจับไม่ได้ ทำไมไม่มองตรงนี้
"อย่างกรณีของนายสุนัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์ วอทช์ ประจำประเทศไทย ก็ไปกันใหญ่แล้ว มีการเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีต่างๆ ผมเสียดายไม่รู้เขาเกิดมาเป็นคนไทยหรือเปล่า ผมไม่ได้ว่าอะไร ที่ท่านทำหน้าที่เพื่อโลก แต่อยากถามว่าท่านทำเพื่อโลกจริงหรือเปล่า เพราะดูเจตนาง่ายๆ ก็รู้ว่าเจตนาผิดหรือไม่ผิด แต่สื่อก็ยังเข้าข้างกันตลอด เพราะเขาใช้กลไกปกป้องตัวเองจะองค์กรต่างๆ แล้วมันจะไปได้อย่างไร แม้กระทั่งสื่อบางคนที่ต้องเรียกมาคุย ความจริงผมไม่อยากรบกับสื่อ แต่ถามว่าคนๆ นี้ พูดจาแบบนี้มาตลอดหรือไม่ ซึ่งทุกคนก็รู้ดี ดังนั้นทุกคนต้องยอมรับในกติกาว่า เราสร้างกติกาไว้เพื่อสร้างความสงบสุขให้กับสังคม การรักษาช่วงเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวกรณี คสช.เชิญนักการเมืองมาปรับทัศนคติ และจะเชิญคนอื่นมาอีกหรือไม่ว่า ถ้าใครไม่เข้าใจก็จะเชิญมาอธิบายให้เขาฟัง เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ถ้าเข้าใจ ก็กลับบ้าน เราก็ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความเสียหาย
ส่วนกรณีที่เชิญ นายประวิตร โรจนฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส เนชั่น เข้าข่ายเป็นการคุกคามสื่อ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า "ผมมีอำนาจไหม ตอบผม ผมถามว่าผมมีอำนาจไหม "
ผู้สื่อข่าวตอบ พล.อ.ประวิตร ว่า "ท่านเป็นรองนายกฯ ด้านความมั่นคง และเป็นรองหัวหน้าคสช. ด้วย "
ทำให้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ก็นั่นล่ะสิ ทำไมจะเรียกมาไม่ได้ ผมเรียกมาก็เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์ แล้วผมจะเรียกคุณมาวันนี้ก็ได้ ถ้าคุณไม่เข้าใจ และถ้าพูดให้เกิดความขัดแย้ง แล้วเกิดความสับสน ผมจะอธิบายให้คุณฟัง ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เรียกมาทำอะไร "
ผู้สื่อข่าวย้อนถามว่า สิ่งที่ นายประวิตร วิพากษ์วิจารณ์ ก็เพราะการบริหารงานของรัฐบาล และ คสช.ไม่มีความชอบธรรมมาตั้งแต่ต้น รองนายกฯประวิตร กล่าวอย่างมีอารมณ์ ว่า " ไม่ชอบธรรมยังไง ก็ทำไปแล้ว ก็ทำอยู่แบบนี้ทุกวัน ถามว่าไม่ชอบธรรมอย่างไร ที่ผ่านมาผมอยากถามว่านายประวิตร ทำถูกหรือไม่ อย่ามาเอ่ยชื่อนี้ ซึ่งชื่อเหมือนกัน แต่พฤติกรรมไม่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เปลี่ยนแปลงคำสั่ง โดยจะไม่มีการฟ้องร้อง นายพิชัย ต่อศาลทหาร และจะปล่อยตัวกลับบ้านเนื่องจาก คสช. เห็นควรให้โอกาสนายพิชัย อีกครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 8 หลังเคยควบคุมตัวปรับทัศนคติแล้วถึง 7 ครั้ง ขณะที่นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็ได้รับการปล่อยตัวพร้อมกับนายพิชัย เช่นกัน โดยทั้งสองได้รับการปล่อยตัวในช่วงบ่าย (15ก.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 1
โดยในช่วงเวลา 13.00 น. นายการุณ โหสกุล และ นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ได้ถูกนำตัวออกจาก พัน.ร.มทบ.11 มายังกองทัพภาคที่ 1 เพื่อพบกับเจ้าหน้าที่ กกล.รส โดยทั้งสองคนได้ลงนามในเอกสารข้อตกลงหยุดการเคลื่อนไหว หรือแสดงความคิดเห็นที่จะกระทบต่อการทำงานของ คสช. ซึ่งก่อนหน้านี้ นายพิชัยก็ได้ลงนามในหนังสือในลักษณะดังกล่าวแล้วเช่นกัน ตั้งแต่เวลา 12.00 น.
ทั้งนี้ เมื่อเวลา14.45 น. นายพิชัย ได้เขียนข้อความลงเฟซบุ๊ก ว่า ได้รับการปล่อยตัวจากเจ้าหน้าที่ทหารแล้ว ตั้งแต่ช่วงเที่ยงที่ผ่านมาพร้อมขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้กำลังใจ
"เพื่อไม่ให้ทุกท่านเป็นห่วง ผมขอเรียนว่า ผมได้รับการปล่อยตัวออกมาแล้ว ตั้งแต่หลังเที่ยง ขอขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน ที่กรุณาเสนอข่าวตลอดเวลาที่ผมถูกคุมตัว ผมขอขอบคุณ ท่านจาตุรนต์ ท่านภูมิธรรม ท่านสุรพงษ์ ท่านกิตติรัตน์ และทุกท่าน ที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวผม รวมถึง ฮิวแมน ไรต์ วอซ และหน่วยงานอื่นๆ โดยในสภาวะการเมืองที่ไม่ปกตินี้ ผมขอไม่ให้สัมภาษณ์ทางเศรษฐกิจ และผลของการเมืองที่มีต่อเศรษฐกิจ ผมเชื่อว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ในทุกเรื่อง ที่ผมได้ให้ข้อคิดไว้ และอีก 10-20 ปีในอนาคต เราจะสามารถย้อนกลับมามองประวัติศาสตร์ของประเทศไทยในช่วงนี้ไดัเป็นอย่างดี และขอให้กำลังใจรัฐบาลให้แกัไขปัญหาของประเทศได้" นายพิชัย กล่าว
วันดียวกันนี้ ที่กองบัญชาการกองทัพบก น.ส.จินตนา ปัญญาอาวุธ บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ เนชั่น ได้ยื่นหนังสือต่อคสช. ให้ปล่อยตัว นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น หลังถูกควบคุมตัวเพื่อปรับทัศนคติเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
**"บิ๊กตู่"ยันใช้ ม.44 ตามบทบัญญัติของกม.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงกรณีการวิพากษ์วิจารณ์การเรียกตัวนักการเมือง รวมทั้งคนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล และ คสช. มาปรับทัศนคติ ว่า เรื่องนี้ใครจะต่อต้าน ตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะใช้ความรุนแรงไม่ได้ แม้แต่จะเรียกเขามายังเป็นปัญหาเลย ยิ่งสื่อไปขยายความ ต่างประเทศก็เล่นงานตนมากขึ้น จึงอยากถามว่าประชาชนต้องการอะไร หรือต้องการให้เป็นแบบนี้ ไม่ต้องทำอะไร ใครจะขัดขวางก็ปล่อยไป แล้วมันจะทำงานสำเร็จได้อย่างไร จึงอยากให้สื่อช่วยอธิบายว่า สิ่งที่ผมทำในเรื่องการใช้ มาตรา 44 นั้นไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ผมไม่ชอบไอ้คนนี้แล้วไปเรียกคนนี้มา ยืนยันว่าไม่ใช่ แต่กฎหมายตาม มาตรา 44 เขียนไว้ชัดว่า กฎหมาย และคนทุกคนต้องปฏิบัติตาม ซึ่งจะต้องยึดถือตามนี้ เพราะผมไม่ได้เขียนว่าให้ลงโทษใคร แต่กฎหมายบัญญัติไว้ว่า มาตรา 44 มีไว้เพื่อทำให้เกิดความมั่นคงในทุกๆ ด้าน เพราะฉะนั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ขัดคำสั่ง ก็ถือว่าผิดกฎหมาย ถ้าไม่ทำผิด ผมก็ไปจับไม่ได้ ทำไมไม่มองตรงนี้
"อย่างกรณีของนายสุนัย ผาสุข ที่ปรึกษาองค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรต์ วอทช์ ประจำประเทศไทย ก็ไปกันใหญ่แล้ว มีการเรียกร้องให้มีการดำเนินคดีต่างๆ ผมเสียดายไม่รู้เขาเกิดมาเป็นคนไทยหรือเปล่า ผมไม่ได้ว่าอะไร ที่ท่านทำหน้าที่เพื่อโลก แต่อยากถามว่าท่านทำเพื่อโลกจริงหรือเปล่า เพราะดูเจตนาง่ายๆ ก็รู้ว่าเจตนาผิดหรือไม่ผิด แต่สื่อก็ยังเข้าข้างกันตลอด เพราะเขาใช้กลไกปกป้องตัวเองจะองค์กรต่างๆ แล้วมันจะไปได้อย่างไร แม้กระทั่งสื่อบางคนที่ต้องเรียกมาคุย ความจริงผมไม่อยากรบกับสื่อ แต่ถามว่าคนๆ นี้ พูดจาแบบนี้มาตลอดหรือไม่ ซึ่งทุกคนก็รู้ดี ดังนั้นทุกคนต้องยอมรับในกติกาว่า เราสร้างกติกาไว้เพื่อสร้างความสงบสุขให้กับสังคม การรักษาช่วงเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การเลือกตั้ง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม กล่าวกรณี คสช.เชิญนักการเมืองมาปรับทัศนคติ และจะเชิญคนอื่นมาอีกหรือไม่ว่า ถ้าใครไม่เข้าใจก็จะเชิญมาอธิบายให้เขาฟัง เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ถ้าเข้าใจ ก็กลับบ้าน เราก็ไม่ได้ทำอะไรให้เกิดความเสียหาย
ส่วนกรณีที่เชิญ นายประวิตร โรจนฤกษ์ ผู้สื่อข่าวอาวุโส เนชั่น เข้าข่ายเป็นการคุกคามสื่อ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า "ผมมีอำนาจไหม ตอบผม ผมถามว่าผมมีอำนาจไหม "
ผู้สื่อข่าวตอบ พล.อ.ประวิตร ว่า "ท่านเป็นรองนายกฯ ด้านความมั่นคง และเป็นรองหัวหน้าคสช. ด้วย "
ทำให้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า "ก็นั่นล่ะสิ ทำไมจะเรียกมาไม่ได้ ผมเรียกมาก็เพราะมีการวิพากษ์วิจารณ์ แล้วผมจะเรียกคุณมาวันนี้ก็ได้ ถ้าคุณไม่เข้าใจ และถ้าพูดให้เกิดความขัดแย้ง แล้วเกิดความสับสน ผมจะอธิบายให้คุณฟัง ก็เท่านั้นเอง ไม่ได้เรียกมาทำอะไร "
ผู้สื่อข่าวย้อนถามว่า สิ่งที่ นายประวิตร วิพากษ์วิจารณ์ ก็เพราะการบริหารงานของรัฐบาล และ คสช.ไม่มีความชอบธรรมมาตั้งแต่ต้น รองนายกฯประวิตร กล่าวอย่างมีอารมณ์ ว่า " ไม่ชอบธรรมยังไง ก็ทำไปแล้ว ก็ทำอยู่แบบนี้ทุกวัน ถามว่าไม่ชอบธรรมอย่างไร ที่ผ่านมาผมอยากถามว่านายประวิตร ทำถูกหรือไม่ อย่ามาเอ่ยชื่อนี้ ซึ่งชื่อเหมือนกัน แต่พฤติกรรมไม่เหมือนกัน
