ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กหมู" ฮึ่มปราบผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศจนกว่าจะหมด เพื่อให้คนบริสุทธิ์ทำมาหากินได้เป็นปกติ โต้ไม่ใช่การเล่นงานฝ่ายตรงข้าม แต่เอาผิดหมด ไม่ว่าหน้าไหน ปัดแบล็กลิสต์มีชื่อ "เสธ.ไอซ์-ธรรมนัส-เก่ง การุน" เป็นมาเฟีย แต่พวกมีสี เจ้าหน้าที่รัฐ มีแน่ "บิ๊กป้อม"ขีดเส้น 2 เดือนต้องเรียบร้อย ตำรวจเผยใช้มาตรฐานเดียวกัน ไม่มีกลั่นแกล้ง ระบุหากตำรวจมีเอี่ยว ไม่ว่ายศสูงแค่ไหน ก็จับ
พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพลว่า เราทำมานานแล้วและต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลที่ได้มา มีการวิเคราะห์แล้วว่ายังมีผู้อิทธิพลอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ พลเรือน ตำรวจ และทหาร ได้เข้าไปตรวจสอบ จากนี้จะมีความเข้มข้นมากขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ไม่ได้มีการตั้งกรอบเวลาว่าจะต้องเสร็จสิ้นภายในกี่เดือน จะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด เพียงแต่จะเน้นให้มีความเข้มข้นในช่วง 6 เดือน ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ระบุ แต่ไม่ใช่ว่าครบ 6 เดือนแล้วจะหยุด เพราะจะทำต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้มีอิทธิพลหมดไปจากประเทศนี้ และให้คนบริสุทธิ์สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ
พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า รู้สึกพอใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยล่าสุดได้บุกและไปจับกุมผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีสิ่งผิดกฎหมาย เช่น อาวุธสงคราม ก็เข้าดำเนินการ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกพื้นที่ๆ มีข้อมูลแจ้งเข้ามา
เมื่อถามว่า มีฝ่ายการเมืองออกมาโจมตีว่านโยบายการปราบผู้มีอิทธิพล เป็นการโจมตีฝ่ายการเมือง พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติในทุกพื้นที่ และทุกหน่วย ไม่มีแบ่งฝ่าย และไม่เจาะจงว่าต้องเป็นการเมือง หรือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลที่อยู่กับฝ่ายการเมือง ซึ่งผู้มีอิทธิพลจะทำงานนอกกฎหมาย เราต้องปราบพวกนอกกฎหมาย หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะทหาร จะไม่มีเตือน แต่จะดำเนินการแบบแรงทันที เพราะสั่งการไปหลายครั้งแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐของหน่วยงานอื่น ได้ส่งรายชื่อไปต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม อยากให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสว่าพื้นที่ใดที่มีผู้มีอิทธิพล หรือมีผู้ที่กระทำผิดกฎหมายขอให้แจ้งมา จะดำเนินการทันที
เมื่อถามถึงกรณีที่มีชื่อ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ทหารนอกราชการ และนายการุณ โหสกุล หรือเก่ง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้มีอิทธิพลนั้น พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า ไม่มี ไปเอามากันจากไหน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่มักจะนำทหารไปเป็นลูกน้อง จะดำเนินการอย่างไร ว่า เรื่องพวกนี้ ไม่มีแล้ว เขากลับมาหมดนานแล้ว ทหารที่ไปเดินตามใครต่อใคร เดินตามนักการเมืองไม่มีแล้ว
เมื่อถามว่าเมื่อถึงวันที่ คสช. ไปแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ จะไม่กลับไปยุ่งกับผู้มีอิทธิพลอีกหรือ รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องไปถามเจ้าตัวเขาดู ตนจะไปรู้ได้อย่างไร ถ้าเขาโดนทำโทษแล้ว ส่วนเขาจะกลับหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา เรื่องความรักใคร่สนิทสนมเป็นการส่วนตัว ใครจะตอบได้ ทั้งนี้ เราจะพยายามดำเนินการให้เรียบร้อยภายใน 2 เดือน
เมื่อถามว่า มีการมองว่าการกวาดล้างครั้งนี้ มีฐานเสียง หัวคะแนนด้วย รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เอาแค่คนที่ทำผิด 16 ฐานความผิดนี้เท่านั้น
เมื่อถามว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐด้วยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐก็มี ส่วนเกี่ยวข้องเสธ.คนดังด้วยหรือไม่ จำไม่ได้ มันเยอะ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการรวบรวมข้อมูลรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง 16 ฐานความผิด อาทิ ยาเสพติด ฮั้วประมูลงาน การเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงานและสถานบริการ คิวมอเตอร์ไซค์ รถรับจ้างที่ผิดกฎหมาย ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน บ่อนการพนัน หวยใต้ดิน เป็นต้นแล้ว และเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เริ่มลงพื้นที่ปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพลขั้นเด็ดขาด ในพื้นที่ จ.นครปฐม และในการปฏิบัติการในครั้งต่อไป ต้องขึ้นอยู่กับทีมสืบสวน แต่จะปรากฏการข่าวออกมาเป็นระยะ
ส่วนกรณีที่มีประชาชนเป็นห่วงว่าการปราบปรามดังกล่าว จะเป็นการกลั่นแกล้งคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ คสช. ยืนยันว่าการปราบปรามเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน จะไม่มีการกลั่นแกล้งใครใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนตำรวจที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นยศสูงแค่ไหน ถ้าตรวจสอบว่าผิด ก็จะดำเนินการทันที โดยไม่มีข้อยกเว้น และการดำเนินงานที่ผ่านมา ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งการดำเนินการปราบปรามดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ดำเนินการปราบปรามตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่หลังจากที่มีคำสั่งของ คสช. ให้เวลา 6 เดือน ในการแก้ปัญหา สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ยกระดับให้มีการปราบปรามเข้มข้นมากขึ้น
พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพลว่า เราทำมานานแล้วและต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลที่ได้มา มีการวิเคราะห์แล้วว่ายังมีผู้อิทธิพลอยู่ โดยเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 ฝ่าย ได้แก่ พลเรือน ตำรวจ และทหาร ได้เข้าไปตรวจสอบ จากนี้จะมีความเข้มข้นมากขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว ไม่ได้มีการตั้งกรอบเวลาว่าจะต้องเสร็จสิ้นภายในกี่เดือน จะทำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด เพียงแต่จะเน้นให้มีความเข้มข้นในช่วง 6 เดือน ตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ระบุ แต่ไม่ใช่ว่าครบ 6 เดือนแล้วจะหยุด เพราะจะทำต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้มีอิทธิพลหมดไปจากประเทศนี้ และให้คนบริสุทธิ์สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ
พล.อ.ธีรชัยกล่าวว่า รู้สึกพอใจกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยล่าสุดได้บุกและไปจับกุมผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีสิ่งผิดกฎหมาย เช่น อาวุธสงคราม ก็เข้าดำเนินการ ซึ่งจะเป็นแบบนี้ทุกพื้นที่ๆ มีข้อมูลแจ้งเข้ามา
เมื่อถามว่า มีฝ่ายการเมืองออกมาโจมตีว่านโยบายการปราบผู้มีอิทธิพล เป็นการโจมตีฝ่ายการเมือง พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า ขอยืนยันว่าเป็นการปฏิบัติในทุกพื้นที่ และทุกหน่วย ไม่มีแบ่งฝ่าย และไม่เจาะจงว่าต้องเป็นการเมือง หรือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลที่อยู่กับฝ่ายการเมือง ซึ่งผู้มีอิทธิพลจะทำงานนอกกฎหมาย เราต้องปราบพวกนอกกฎหมาย หากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะทหาร จะไม่มีเตือน แต่จะดำเนินการแบบแรงทันที เพราะสั่งการไปหลายครั้งแล้ว ในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐของหน่วยงานอื่น ได้ส่งรายชื่อไปต้นสังกัดเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตาม อยากให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสว่าพื้นที่ใดที่มีผู้มีอิทธิพล หรือมีผู้ที่กระทำผิดกฎหมายขอให้แจ้งมา จะดำเนินการทันที
เมื่อถามถึงกรณีที่มีชื่อ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต หรือ เสธ.ไอซ์ อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก และเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ซึ่งเป็นรุ่นเดียวกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ทหารนอกราชการ และนายการุณ โหสกุล หรือเก่ง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นผู้มีอิทธิพลนั้น พล.อ.ธีรชัย กล่าวว่า ไม่มี ไปเอามากันจากไหน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพล ที่มักจะนำทหารไปเป็นลูกน้อง จะดำเนินการอย่างไร ว่า เรื่องพวกนี้ ไม่มีแล้ว เขากลับมาหมดนานแล้ว ทหารที่ไปเดินตามใครต่อใคร เดินตามนักการเมืองไม่มีแล้ว
เมื่อถามว่าเมื่อถึงวันที่ คสช. ไปแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ จะไม่กลับไปยุ่งกับผู้มีอิทธิพลอีกหรือ รองนายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องไปถามเจ้าตัวเขาดู ตนจะไปรู้ได้อย่างไร ถ้าเขาโดนทำโทษแล้ว ส่วนเขาจะกลับหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา เรื่องความรักใคร่สนิทสนมเป็นการส่วนตัว ใครจะตอบได้ ทั้งนี้ เราจะพยายามดำเนินการให้เรียบร้อยภายใน 2 เดือน
เมื่อถามว่า มีการมองว่าการกวาดล้างครั้งนี้ มีฐานเสียง หัวคะแนนด้วย รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เอาแค่คนที่ทำผิด 16 ฐานความผิดนี้เท่านั้น
เมื่อถามว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐด้วยหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่รัฐก็มี ส่วนเกี่ยวข้องเสธ.คนดังด้วยหรือไม่ จำไม่ได้ มันเยอะ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการรวบรวมข้อมูลรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง 16 ฐานความผิด อาทิ ยาเสพติด ฮั้วประมูลงาน การเรียกรับผลประโยชน์จากโรงงานและสถานบริการ คิวมอเตอร์ไซค์ รถรับจ้างที่ผิดกฎหมาย ลักลอบขนสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน บ่อนการพนัน หวยใต้ดิน เป็นต้นแล้ว และเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง เริ่มลงพื้นที่ปฏิบัติการปราบปรามผู้มีอิทธิพลขั้นเด็ดขาด ในพื้นที่ จ.นครปฐม และในการปฏิบัติการในครั้งต่อไป ต้องขึ้นอยู่กับทีมสืบสวน แต่จะปรากฏการข่าวออกมาเป็นระยะ
ส่วนกรณีที่มีประชาชนเป็นห่วงว่าการปราบปรามดังกล่าว จะเป็นการกลั่นแกล้งคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับ คสช. ยืนยันว่าการปราบปรามเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน จะไม่มีการกลั่นแกล้งใครใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนตำรวจที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นยศสูงแค่ไหน ถ้าตรวจสอบว่าผิด ก็จะดำเนินการทันที โดยไม่มีข้อยกเว้น และการดำเนินงานที่ผ่านมา ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งการดำเนินการปราบปรามดังกล่าวสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ดำเนินการปราบปรามตลอดเวลาอยู่แล้ว แต่หลังจากที่มีคำสั่งของ คสช. ให้เวลา 6 เดือน ในการแก้ปัญหา สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ยกระดับให้มีการปราบปรามเข้มข้นมากขึ้น
