xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ได้ฟ้องหรือฟ้องได้ กกต.เรียกค่าล้มเลือกตั้ง 2.4 พันล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกคุ้มกันอย่างแน่นหนา ขณะเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ข่าวการฟ้องเรียกค่าเสียหายจากกรณีการล้มการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เงียบหายไปนาน นับจากที่ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไว้ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2557 หลังจากที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เข้ามายึดอำนาจแล้ว 7 เดือน

แต่ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่ประชุม กกต.ได้พิจารณาโดยลับ กรณีการยื่นฟ้องดำเนินคดีต่อบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ขัดขวางการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 จนเป็นเหตุให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นการเลือกตั้งที่โมฆะ ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ดำเนินคดีฟ้องทางอาญา และเรียกค่าเสียหายทางแพ่งจากบุคคลและกลุ่มบุคคลที่ที่ทำให้การเลือกตั้งในวันดังกล่าวเป็นโมฆะ

รายงานข่าวระบุว่า กกต.จะดำเนินการฟ้องร้อง 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มบุคคลจำนวน 234 คน ที่ขัดขวางการเลือกตั้งทุกกลุ่ม ที่มีหลักฐานภาพถ่าย สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ว่าเป็นใคร ซึ่งรวมไปถึงกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. รวมถึงแกนนำ กปปส.เช่น นายถาวร เสนเนียม นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายชุมพล จุลใส และพระพุทธะอิสระ เป็นต้น โดยมีการเรียกค่าเสียหาย 2,400 ล้านบาท

กลุ่มที่ 2. ดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐ 1 ราย คือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นเงิน 2,400 ล้านบาท ในความผิดฐานละเมิดโดยการปฏิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 เนื่องจากปล่อยให้มีการจัดการเลือกตั้ง ทั้งที่มีการทักท้วงถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ ภายหลังจากมีมติดังกล่าว กกต.ได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อให้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งคดีดังกล่าวจะมีอายุความ 10 ปี

สำหรับการเรียกค่าเสียหายจากทั้ง 2 กลุ่มเป็นจำนวนเท่ากัน เนื่องจากค่าเสียหายจากการเลือกตั้งทั้งหมด 2,400 ล้านบาท แต่ละกลุ่มจ่ายค่าเสียหายเท่าใดขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล ถ้าผิดทั้งสองฝ่ายก็อาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายฝ่ายละครึ่ง

เป็นที่น่าสังเกตว่า มติของที่ประชุม กกต.ในเรื่องดังกล่าว ไม่มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากสำนักงาน กกต.แต่อย่างใด เนื่องจากที่ประชุม กกต.ได้มีการกำชับไม่ให้มีการเผยแพร่ต่อสื่อมวลชน เพราะเกรงว่าจะเป็นการสร้างประเด็นความขัดแย้งเกิดขึ้นในสังคม

อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปดูคำให้สัมภาษณ์ของนายสมชัย ศรีสุทธิยากร เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2557 นายสมชัยบอกว่า ถ้า กกต.ไม่ทำเรื่องนี้ ก็อาจถูกร้องเรียนฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

ในวันนั้น นายสมชัยบอกว่า ในการดำเนินคดดีจะเป็น 2 ส่วน คือ 1.เป็นค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่การรับสมัคร สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง ทรัพย์สินของสำนักงาน กกต. ค่าใช้จ่ายในการเช่าอาคารสำนักงานในการทำงานของ กกต. หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อ กกต.จังหวัด เป็นต้น ตรงนี้ชัดเจนว่าใครทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านี้เสียหาย เพราะมีหลักฐานภาพถ่ายวิดีโอชัดเจน เป็นกลุ่มที่ กกต.ต้องฟ้อง

ส่วนที่ 2 เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดเลือกตั้งทั่วประเทศ ที่ กกต.จัดเอง 2,200 ล้านบาท และให้งบประมาณสนับสนุนกับหน่วยงานนอก อย่างไปรษณีย์ไทย และกรมการปกครอง อีกประมาณ 600-700 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นประมาน 3,000 ล้านบาท ตรงนี้ทางสำนักกฎหมาย กกต.ต้องเสนอความเห็นมายัง กกต.ว่าใครต้องรับผิดชอบ เช่น การเปิดรับสมัคร 28 เขตภาคใต้ ที่ไม่สามารถเปิดรับสมัครได้ ใครเป็นคนทำ และกลุ่มที่มีอำนาจตัดสินใจในการเลื่อนการเลือกตั้งได้ แต่ไม่เลื่อน ทั้งที่มีหนังสือจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่ได้แจ้งเตือนว่าหากเดินหน้าต่อจะเกิดความเสียหาย และ กกต.เองก็เตือน

นายสมชัยยืนยันว่า กรณีนี้ กกต.ไม่ฟ้องไม่ได้ เพราะหากไม่ฟ้องเท่ากับว่า กกต.จะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ถามว่าฟ้องแล้วจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ แน่นอนว่าต้องเกิดแรงกระเพื่อม ถ้ารัฐบาลอยากสงบ รัฐบาลก็ต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรม ล้างมลทินว่าการกระทำนี้ไม่ถือว่าเป็นความผิด เหมือนกับไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น เราทำคนละบทบาทหน้าที่ การรักษาความสงบรัฐบาลก็มองไกลอยากให้บ้านเมืองสงบ แต่เราเป็นผู้รักษากฎหมายเราก็ต้องทำตามหน้าที่ ซึ่งอาจโดนบูมเมอแรงตีกลับบ้าง แต่เราคงไม่ฟ้องกันเอง หรือถ้าใครจะฟ้อง กกต.ก็ไปฟ้องเอา

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากมีข่าวปรากฏว่า กกต.จะฟ้องเรียกค่าเสียหายจากทั้งสองกลุ่มเป็นเงิน 2,400 ล้านบาทแล้ว เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา นายถาวร เสนเนียม อดีตแกนนำ กปปส.กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 108 เขียนเอาไว้ชัดเจนว่าการเลือกตั้งทั่วไปนั้นให้จัดทำเพียงวันเดียว กกต.ได้เปิดสมัครรับเลือกตั้งในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2557 ปรากฏว่ามีผู้มาสมัครรับเลือกตั้งขาดไป 28 เขตเลือกตั้ง เมื่อไม่ครบ กกต.ก็รู้อยู่แก่ใจ จึงทำคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเลือกตั้งจะเลื่อนไปได้หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ กกต.มั่นใจว่าสามารถเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 2 กุมภาพันธ์เป็นวันอื่นได้

หลังจากนั้น กกต.ได้ไปหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รักษาการนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งทางรักษาการนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้วผู้ตรวจการแผ่นดินก็มายื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าการเลือกตั้งมีความชอบธรรมหรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงสั่งให้การเลือกตั้งนั้นเป็นโมฆะไป ดังนั้น สาเหตุที่การเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 เป็นโมฆะก็คือ ผู้สมัครรับการเลือกตั้งไม่ครบทุกเขต ดังนั้น เมื่อ กกต.และน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นต้นเหตุ ยังดันทุรังจัดการเลือกตั้ง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดรัฐธรรมนูญ รู้ว่าจะเกิดโมฆะ เพราะผู้สมัครไม่ครบทุกเขต กกต.และ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงควรที่จะรับผิดชอบการเลือกตั้งนั้นเป็นโมฆะ ไม่ใช่กลุ่ม กปปส
.
นายถาวรบอกอีกว่า หลังจากนี้ กปปส.จะทำบันทึกถึงรัฐบาลให้ทบทวนเรื่องการเรียกค่าเสียหายจากการเลือกตั้งเพื่อให้เรียกค่าเสียหายได้ถูกคน เพราะถ้าไปฟ้องผิดคน ก็จะส่งผลทำให้ คดีขาดอายุความได้

ส่วนข้อหาขัดขวางการเลือกตั้งนั้น อดีตแกนนำ กปปส.กล่าวว่า ในวันนั้น กปปส.แค่เชิญชวนให้คนไม่ไปลงคะแนนเสียง แต่ไม่ได้ไปขัดขวางการเลือกตั้งแต่อย่างใด ที่ กกต.ไปแจ้งความดำเนินคดีต่อมวลมหาประชาชนกรณีไปปิดคูหาเลือกตั้งที่เขตดินแดง ที่พระโขนง และที่อื่น ๆ ศาลอาญาก็ได้วินิจฉัยและยกฟ้องไปหมดแล้ว ส่วนเรื่องการสมัครรับเลือกตั้งที่ไม่เรียบร้อยนั้นก็เป็นอำนาจของ กกต.เองที่จะต้องทำให้การสมัครการเลือกตั้งมีความสงบเรียบร้อย ถ้าพื้นที่ใดสมัครไม่ได้ก็เลื่อนไปที่อื่น หรือไม่ก็จัดกำลังไปเฝ้าดูแลการรับสมัคร เป็นต้น

ขณะที่ฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือพรรคเพื่อไทย ยังไม่มีใครออกมาแสดงความคิดเห็นต่อเรื่องดังกล่าว แต่เชื่อขนมกินได้เลยว่า จะต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน เพราะแม้แต่กรณีโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายอย่างชัดเจนนับแสนล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ยังพยายามยื้อสุดฤทธิ์

การเรียกค่าเสียหายจากคนที่เกี่ยวข้องกับการล้มการเลือกตั้งเมื่อวันที 2 กุมภาพันธ์ 2557 จะเป็นแค่ฝันลมๆ แล้งของ กกต.หรือไม่ คงต้องติดตามกันอีกยาว



กำลังโหลดความคิดเห็น