xs
xsm
sm
md
lg

ถึงคิวชำระคดีศิษย์เอก"ช่วง" "ธัมมชโย"จีวรร้อน"รับของโจร"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**สมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ อาจารย์ใหญ่ของธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย กำลังอยู่ในช่วงโคม่า โอกาสได้ขึ้นเป็นสังฆราช ลางเลือนเต็มที
ส่วนศิษย์เอก ธัมมชโย สถานการณ์ก็ไม่สู้ดี ดีเอสไอ กำลังเร่งปิดสำนวนคดียักยอกและฉ้อโกงทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด ของ ศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด โดยหลายสำนวนที่อยู่ในแฟ้ม ดีเอสไอ ใกล้งวดเต็มที ดูเส้นทางคดีแล้ว ยังไง ก็เสร็จในเร็วๆ นี้
ในส่วนของคดีความที่โยงถึง ธัมมชโย มากสุดก็คือ สำนวนที่ดีเอสไอตรวจสอบเส้นทางการเงินจากเช็ค 878 ฉบับ ที่ ศุภชัย ศรีศุภอักษร สั่งจ่ายออกไป พบว่ามีการสั่งจ่ายเป็นเช็ค ระบุว่า "บริจาค"ไปยังวัดพระธรรมกาย และพระลูกวัด รวมไปถึงบัญชีพระธัมมชโย เหนาะๆ เบื้องต้นร่วม 2,000 ล้านบาท
ประเด็นที่ดีเอสไอ กับอัยการฝ่ายคดีพิเศษ ตั้งปมเอาไว้ก็คือ การโอนเช็คให้ดังกล่าว ทั้งที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน แล้วจะอ้างว่าเป็นการบริจาค ร่วม 2 พันล้านบาท มีความผิดปกติหรือไม่ เพราะต่อให้เป็นเศรษฐีขนาดไหน เป็นศิษย์เอกของวัดพระธรรมกาย แต่ก็คงไม่มีการบริจาคเงินอะไรให้กันมากขนาดนั้น
แม้แต่ศิษย์เอกของธัมมชโย ที่เป็นระดับเศรษฐีเมืองไทย เช่น อดีตเจ้าของสัมปทานธุรกิจโทรศัพท์มือถือ ที่มีเมียเป็นอดีตนางเอกหนังชื่อดัง หรือนักธุรกิจชื่อดังแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ ที่แนบแน่นกับ ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่เคยมีประวัติในทางเปิดเผยว่าจะบริจาคเงินให้กับเครือข่ายธัมมชโยมากถึงเพียงนี้
**ปมการสอบสวนดังกล่าว ดีเอสไอ ได้มีการรวบรวมหาพยานหลักฐาน สอบปากคำทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวธัมมชโยด้วย จนล่าสุด ดีเอสไอ ปิดห้องคุยกับอัยการฝ่ายคดีพิเศษไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลายชั่วโมง ในส่วนของประเด็นข้อกฎหมายชัดเจนแล้วว่า อัยการกับดีเอสไอ เห็นร่วมกันในเบื้องต้น หลังตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำธุรกรรมของ นายศุภชัย ก็มีข่าวออกมาว่า ทางดีเอสไอ มีความเห็นเบื้องต้นว่า อาจจะดำเนินคดี กับกลุ่มผู้รับเช็คจากนายศุภชัย ในข้อหารับของโจร
และต่อจากนี้ไป ก็จะทยอยเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้ารับทราบข้อกล่าวหารับของโจร ที่รวมถึงกลุ่มของพระธัมมชโย และเครือข่ายพระสงฆ์วัดพระธรรมกาย เนื่องจากเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้รับเช็ค 878 ใบจากนายศุภชัย ที่ดีเอสไอ แบ่งออกเป็น 7 กลุ่ม คือ 1. นิติบุคคลที่มีมูลหนี้ต่อกัน 2. วัดพระ
ธรรมกาย 3. สหกรณ์อื่น ๆ 4. ผู้ต้องหาและผู้ที่เข้าข่าย 5. บุคคลธรรมดา 6. นายหน้าค้าที่ดิน และ 7. นิติบุคคลที่ไม่มีมูลหนี้ต่อกัน
เมื่อเป็นไปตามนี้ เท่ากับว่าอีกไม่นาน ธัมมชโย ที่เคยรอดพ้นคดีความมาแล้วในยุคทักษิณ เรืองอำนาจ เพราะ พชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุดในเวลานั้น ถอนฟ้องคดีต่อศาลอาญา โดยอ้างว่าธัมมชโยและพวก ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนาตรงตามพระไตรปิฎก และนโยบายของสงฆ์แล้ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกิจการของศาสนา ทั้งของคณะสงฆ์ ภาครัฐ และเอกชนจำนวนมาก อีกทั้ง ธัมมชโยกับพวก ก็ได้มอบทรัพย์สิน ทั้งที่ดินและเงินกว่า 959 ล้านบาท คืนแก่วัดพระธรรมกายแล้ว ประกอบกับขณะนี้ บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า เห็นว่าหากดำเนินคดีธัมมชโยกับพวกต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยก นอกจากนี้ การดำเนินคดีต่อไปยังไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้อง
ทว่า ต่อจากนี้ไป หากคดีไม่พลิก ดีเอสไอ ทำงานแบบตรงไปตรงมา อัยการ ก็เช่นกัน หลังแนวทางการสอบสวนของดีเอสไอ ในยุค คสช. ออกมาตลอดว่า การสอบสวนพบความผิดในการโอนเช็คจากนายศุภชัย ไปให้กับเครือข่ายธรรมกาย ที่ผิดปกติวิสัยการบริจาคเงินให้กับวัด แม้จะมีการอ้างว่า การสร้างศาสนสถานภายในวัด หรือการจัดกิจกรรมโครงการเพื่อเผยแพร่พุทธศาสนาของวัดพระธรรมกาย ต้องใช้เงินบริจาคจำนวนมาก อีกทั้งตัวนายศุภชัย ก็เป็นไวยาวัจกร หรือผู้ดูแลเงินของวัดพระธรรมกาย ต่อเนื่องหลายปี เคยเป็นประธานกฐินวัดพระธรรมกายมาแล้ว เช่น ในปี 2552 การรับบริจาคดังกล่าว ทางผู้เกี่ยวข้องของวัดพระธรรมกาย จึงไม่ทราบที่มาที่ไปของเงิน ว่าเกิดจากปัญหาการบริหารเงินในสหกรณ์ฯ แต่การพยายามปัดความเชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายธรรมกาย กับนายศุภชัย ดังกล่าว ก็เห็นชัดว่าฟังไม่ขึ้นในแนวทางการสอบสวน
เช่นเดียวกับกระแสความรู้สึกของสังคม ที่ย่อมคิดได้ว่า การที่คนมาบริจาคเงินให้กับธัมมชโย และเครือข่ายคนใกล้ชิดเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายเป็นจำนวนมากขนาดนี้ มันมีข้อน่าสงสัยแน่นอน ทางธัมมชโยและพวกจะไม่สงสัย ถึงที่มาที่ไปของเงินเลยหรือ เพราะมันยิ่งกว่า กรณีสมเด็จช่วงฯ รับบริจาครถเบนซ์โบราณ เสียอีก
**ดูตามทรงการสอบสวนของดีเอสไอ จึงย่อมหมายถึงว่า จะมีโอกาสอีกครั้งที่สังคมจะได้เห็น ธัมมชโย เดินขึ้นศาลในฐานะจำเลย อันเป็นผลพวงจากคดียักยอก และฉ้อโกงทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ
แต่ที่หลายฝ่ายกังวลกันก็คือ หากคดีความยังไปไม่ถึงศาลก่อนเลือกตั้ง แล้วพรรคเพื่อไทย ชนะการเลือกตั้ง เข้ามาเป็นแกนนำรัฐบาล ก็ไม่แน่ อาจจะมีการเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมแบบลับๆ เพื่อช่วยเหลือ ธัมมชโย ให้พ้นข้อหาความผิด สิ่งนี้รับรองได้ว่า มีโอกาสเกิดขึ้นแน่นอน!
จึงทำให้ มีความเป็นไปได้ ที่ฝ่ายธัมมชโย จะเล่นแง่ ดึงเรื่องให้ถึงที่สุด ลากยาวไปเรื่อยๆเพื่อยื้อคดี โดยอาศัยความเป็นเจ้าอาวาสวัดดัง มีอิทธิพลสูง ไม่ใช่แค่ในศาสนาจักรยุคมีสมเด็จช่วงฯ เป็นเสาหลัก แต่ยังมีอิทธิพลในวงการต่างๆ มากมาย ที่สังคมคาดไม่ถึง
**ถ้า ธัมมชโย ออกลูกดึงเรื่องทุกรูปแบบ ก็อาจทำให้ ดีเอสไอ-อัยการ เกรงใจ ถ้าดีเอสไอ ไม่รุกให้หนัก ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ยอมไปเล่นตามเกมยื้อคดี ของธัมมชโย ก็มีโอกาสที่คดีนี้จะปิดเร็วสังคมก็จะได้สบายใจ หากคดีไปถึงศาลก่อนที่พรรคการเมืองบางพรรคที่เป็นเครือข่ายเดียวกันกับธรรมกาย จะกลับมามีอำนาจ แล้วคดีอาจพลิก
กำลังโหลดความคิดเห็น