xs
xsm
sm
md
lg

"ชลธิศ"จี้รัฐคุมเฟซออฟ หลัง"เซปิง"กร้าวทำต่อ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน360-"หมอชลธิศ" ห่วง "ดร.เซปิง" ยืนกรานโครงการ "เฟซออฟ" ไม่ผิด แถมยังเดินหน้าทำต่อ หวั่นทำสังคมเข้าใจผิด จี้ สคบ. สธ. แพทยสภา ออกระเบียบควบคุม พร้อมมอบทีมกฎหมายตรวจสอบกรณีถูกพาดพิง ด้าน สบส.เตรียมนำเรื่องเข้าที่ประชุม 4 มี.ค.นี้ ตรวจสอบผิดกฎหมายโฆษณาสถานพยาบาลหรือไม่

นพ.ชลธิศ สินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณี ดร.เซปิง ไชยศาส์น ที่ปรึกษาด้านความงาม แถลงข่าวกรณีการทำโครงการเฟซออฟ ซึ่งมีการพาดพิงถึงตน ว่า ขณะนี้กำลังให้ทีมกฎหมายทำการตรวจสอบว่าพาดพิงเรื่องใดบ้าง แต่หากพิจารณาแล้ว ไม่มีอะไรมาก ตนก็ไม่ติดใจ แต่หากเป็นเรื่องที่สร้างความเสื่อมเสีย ก็อาจต้องมีการแก้ไขต่อไป

ส่วนกรณี ดร.เซปิง ระบุว่าจะร้องเรียนตนต่อแพทยสภา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะตลอดชีวิตการทำงาน ไม่เคยทำอะไรผิดหรือทำอะไรนอกกรอบ เพราะตนยังมีการเขียนตำราทางการแพทย์และเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์อีกด้วย จึงยินดีให้ยื่นเรื่องถึงแพทยสภา เพราะประชาชนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฟ้องหรือร้องเรียนแพทย์ในแพทยสภาทุกคน

นพ.ชลธิศกล่าวว่า สิ่งที่กังวล คือ การที่ ดร.เซปิงยังระบุว่าการทำเฟซออฟไม่ผิด และจะเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อนั้น ถือว่าเป็นช่องโหว่ของวงการศัลยกรรม และถือว่าเป็นการทำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด เพราะเรื่องนี้ถือเป็นการโฆษณาที่สร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชน ดังนั้น ในเรื่องนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และแพทยสภา ต้องมาร่วมกันหารือเพื่อออกระเบียบให้สอดคล้องกันทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อทำการควบคุม เพราะระเบียบที่มีขณะนี้ยังไม่ครอบคลุมพอ

ทั้งนี้ การที่แพทยสภามีการระบุว่าจะมีการแก้ไขกฎเกณฑ์มาตรฐานการทำศัลยกรรม ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะกฎหมายที่แพทยสภามีถือว่าเก่ามากแล้ว

น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กล่าวว่า ได้รวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณา ในวันที่ 4 มี.ค.2559 เพื่อให้คณะอนุกรรมการฯ ซึ่งประกอบไปด้วยหลายฝ่าย ตัดสินด้วยความละเอียดรอบคอบ เป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากผลการพิจารณาพบว่าผิดกฎหมายการโฆษณาสถานพยาบาล จะส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาชี้ขาดของคณะกรรมการเปรียบเทียบคดีและเปรียบเทียบปรับ คาดว่าจะสามารถยุติเรื่องไม่เกินเดือนมี.ค.นี้

สำหรับโทษความผิด ปรับ 20,000 บาท และปรับอีกวันละ 10,000 บาท จนกว่าจะยุติโฆษณา โดยการปรับนี้จะดำเนินการกับสถานพยาบาลที่กระทำผิด หากมีสาขาเครือข่ายที่โฆษณาด้วย ก็จะคูณจำนวนสาขาไปด้วย

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ได้สอบสวนข้อเท็จจริงกับโรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล กรณีที่ ดร.เซปิง แนะนำให้ นายสุรชัย สมบัติเจริญ มาใช้บริการในการรักษาแบบเฟซออฟ ซึ่งจากพยานหลักฐาน พบว่าน่าจะเป็นความผิดในประเด็นการชักชวนให้มีผู้มาขอรับบริการจากสถานพยาบาลของตน ซึ่งเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มาตรา 38
กำลังโหลดความคิดเห็น