ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เหตุการณ์ไฟไหม้อาคาร 10 ชั้น ในซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 18 เขตยานนาวา กทม. เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เป็นเหตุให้นางอังคณา อัยศิริ อายุ 65 ปีภรรยา นายวิกรม อัยศิริ อดีต ส.ว.ระนอง พรรคประชาธิปัตย์ สำลักควันเสียชีวิตบนชั้น 6 คงไม่ต้องบรรยายถึงความน่าสะพรึงกลัวของอัคคีภัยในครั้งนี้ เพราะภาพข่าวถูกนำเสนอได้ชัดเจน ทุกซอกมุม
แต่ในความเป็นจริงยังมีภาพอีกมากมายที่ประชาชน หรือผู้เสพข่าวไม่เคยเห็น คนที่เห็นคือ หลายชีวิตในครอบครัว“อัยศิริ” ซึ่งแม้เหตุการณ์จะผ่านไปหลายวันแล้ว แต่คงเป็นแผลติดอยู่ในใจไปตลอดชีวิต มิใช่แค่เพียงทรัพย์สินที่สูญหายไปกับเปลวเพลิง
ที่สุดของชีวตคือ การสูญเสียคู่ชีวิตที่ร่วมกันก่อร่างสร้างตัวมาเป็นเวลานาน เป็นการสูญเสียที่เรียกกลับคืนมาไม่ได้
ภาพจริง เหตุการณ์จริง ที่สังคมควรตระหนักก็คือ อาคารสูงระดับ 10 ชั้นนั้น หน่วยดับเพลิงของกรุงเทพมหานคร สามารถรับมือได้หรือไม่ และคำถามต่อมาคือ เมื่อเกิดเหตุแล้วอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้รถดับเพลิง หรือชุดผจญเพลิงของเจ้าหน้า ที่สามารถเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว รวมทั้งรถกระเช้าที่มีขีดความสามารถดับเพลิงตึกสูง
ประมวลจากกรณีอาคาร 10 ชั้น ของอดีต ส.ว.สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าหน้าที่เริ่มรับแจ้ง เมื่อเวลา 10.20 น. (โดยประมาณ) ของวันที่ 5 ก.พ.59 ต่อจากนั้นได้มีเจ้าหน้าที่อาสาบรรเทาธาณะภัย จากที่ต่างๆ ระดมมายังจุดเกิดเหตุ มีทั้ง จยย. และรถปิกอัพ รวมทั้งรถดับเพลิง เมื่อมาถึงไม่มีการวางแผน หรือสั่งการจากผู้ควบคุมเหตุการณ์ทั้งสิ้น !!??
บรรยากาศเต็มไปด้วยความสับสนอลม่าน มีทั้งการลากสายยางใส่หัวฉีด เพื่อสกัดไฟ บ้างเป็นไทยมุง เป็นเพื่อนบ้านที่แตกตื่น และการอพยพหนีตายของผู้คนภายในตึก
เพื่อนสนิทของครอบครัว“อัยศิริ” เล่าให้ฟังว่า เมื่อเขาทราบข่าวทางโทรทัศน์ ก็รีบขับรถมายังที่เกิดเหตุด้วยความห่วงใย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง สามารถลัดเลาะ เดินบ้าง วิ่งบ้าง นั่งจยย.รับจ้างบ้าง แต่ทันมาเห็นภาพของเจ้าหน้าที่อาสาฯ ทั้งหลายมายืนกระจุกกันที่ชั้น 3 และฉีดน้ำเลี้ยงไว้ ไม่มีการสกัดไปถึงชั้น 5 -6-7
ที่น่าตกใจก็คือ บริเวณชั้น 7 ห้องพักต่างๆ ถูกรื้อค้นอยู่ในสภาพกระจัดกระจาย ประตูห้อง ตู้เตียง มีร่องรอยเสียหายจากการทุบทำลายทรัพย์สินมีค่าต่างๆหายไปทั้งหมด
สิ่งที่ยืนยันปฏิบัติการ“ซ้ำเติม”ครอบครัวผู้ประสบภัยก็คือ การจับกุม นายชัชชัย ศิริโรจน์ปัญญากุล อาสาบรรเทาสาธารณภัยวัดบวรนิเวศ พร้อมของกลางนาฬิกาฟิลิฟ ปาเต๊ะเรือนทอง มูลค่า 2 แสนบาท ของนางอังคณา อัยศิริ ผู้ตาย ซ่อนอยู่ในถุงมือ
จับมาแล้ว ดำเนินคดีกันแล้วในข้อหาลักทรัพย์ แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ กรุงเทพมหานคร เจ้าของ“ม็อตโต้”...ทั้งชีวิตเราดูแล ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ท่านจะว่าอย่างไร หรือให้เรื่องมันเงียบ จบๆไป เพราะผู้เสียหายเขาไม่มีปากมีเสียง
ประเด็นแรก ที่สมควรนำพูดคุยกันก็คือ เรื่องขีดความสามารถของการดับเพลิง หรือบรรดาเครื่องมือเครื่องไม้ ที่กรุงเทพมหานคร มีอยู่ตกลงว่า รถกระเช้าดับเพลิงอาคารสูงได้กี่ชั้น และเมื่อเกิดเหตุ มีวิธีการอย่างไรที่จะเดินทางมาปฏิบัติการอย่างรวดเร็ว เพราะในวันเกิดเหตุไฟไหม้อาคาร 10 ชั้น ของนายวิกรมนั้น ผู้อยู่ในเหตุการณ์ยืนยันว่า รถกระเช้ามาช้ามาก แต่เมื่อมาถึงใช้เวลาเพียง 30 นาที ก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
เหตุเกิดเวลา 10.22 น. ไฟดับเวลา 13.20 น. หรือ 3 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย หากรถกระเช้ามาถึงภายใน 1 ชั่วโมง เป็นอย่างมาก ความเสียหายอาจไม่เป็นตามที่เห็น หรือถ้าเดินทางมาภายใน 30 นาที บางครั้งก็อาจไม่มีการสูญเสีย
คำถามต่อมาก็คือ รอบๆ บริเวณอาคาร 10 ชั้น มีสถานีดับเพลิงมากมาย แม้จะเข้าใจได้ว่า สภาพการจราจรในกรุงเทพฯ มีปัญหา แต่ระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก และยังมีรถดับเพลิงประจำสถานีต่างๆ ล้อมจุดเกิดเหตุจึงกลับมาที่คำถามเดิมว่า กว่ารถกระเช้าจะมาถึงต้องใช้เวลาเดินทางกว่า 2 ชั่วโมง เลยหรือ
อีกคำถามก็คือ เมื่อเกิดเหตุความรับผิดชอบจะขึ้นอยู่กับใคร !!??
มี ผบ.ควบคุมสถานการณ์หรือไม่ หรือว่ากันฟรีสไตล์ ตามมีตามเกิด กระทั่งมีฝูงห่าในคราบอาสาสมัคร (บางคน) เข้ามารุมทึ้งทรัพย์สินของมีค่า ประเด็นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ แต่ไม่มีการแก้ไข ยังรวมไปถึงวิธีการดับเพลิงที่นิยมสูบน้ำครำ จากท่อระบายต่างๆ กลายเป็นยิ่งเพิ่มความเสียหายมากขึ้น เพราะสภาพเพลิง ความหนักเบาไม่เท่ากัน แม้จะควบคุมเพลิงได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ทรัพย์สินต่างๆ แทบนำกลับมาใช้ไม่ได้ การให้ความรู้ การอบรมเทคนิคต่างๆ รวมทั้งการคัดกรองบุคลากร เพื่อมาเป็นอาสาบรรเทาฯ กรุงเทพมหานคร มีวิธีคิด วิธีบริหารจัดการอย่างไร
ฝากให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และทีมงานได้รับทราบปัญหา กรุณาอย่าซุกขยะไว้ใต้พรม เพราะคนเสียหายเขาเป็นถึง อดีต ส.ว. แม้ไม่พูดแต่คนที่มีสติปัญญา รวมทั้งคนกรุงเทพฯ ที่ท่านเอ่ยอ้างว่า “ทั้งชีวิตเราดูแล” นั้น คนที่อาสามาไว้เนื้อเชื่อใจได้แค่ไหน มีสติปัญญา หรือมีวิสัยทัศน์ขนาดไหน และเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ท่านจะเปิดใจน้อมรับกลับไปแก้ไขได้หรือไม่ หรืออย่างที่บอกไว้ในตอนต้นว่า ผู้มีหน้าที่อาจจะปล่อยๆ ให้เรื่องเงียบหายไปเอง
งานนี้ถ้ายังทำเฉย เขาคงใช้เครื่องไม้เครื่องมือทุกอย่างโดยเฉพาะการแพร่ข่าวสาร ประจานผลงานยอดแย่ของท่านล่ะ
ส่วนตัวแล้วบอกตามตรงว่า ไม่เคยคาดหวังอะไรกับกรุงเทพมหานคร ภายใต้การบริหารงานของนักการเมืองชุดนี้ และขอเตือนประชาชน เจ้าของอาคารสูงทั้งหลายว่า วิธีป้องกันอัคคีภัยบนตึกสูงตาม พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2535 คือ เครื่องมือเดียวที่จะทำให้รอดจากความสูญเสีย...
ราคาคุยของดับเพลิงกรุงเทพมหานคร ในเรื่องสกัดไฟตึก 10 ชั้น หรือกว่านั้น กรุณายั้งใจอย่าเพิ่งเชื่อคำโฆษณา...ขอให้ดูกรณีนี้เป็นตัวอย่าง