ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
คณะผู้จัดการแต่งรัฐธรรมนูญและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดชะตากรรมประเทศในระบอบประชาธิปไตยแบบแถกเหงือกจะให้ชาวบ้านตัดสินใจวันที่ 31 กรกฎาคม นี้แหละว่าจะยอมรับเอาร่างฉบับมีชัยไทยแลนด์หรือไม่ ถ้าไม่เอา ท่านได้ขู่แล้วว่าจะมีฉบับเนื้อหาโหดกว่ามาใช้บังคับแทน
รูปแบบประชาธิปไตยแถกเหงือกสไตล์ไทยแลนด์จึงเรื่องเยอะสมกับเป็นสังคมคนหัวหมอ แหล่งกำเนิดของศรีธนญชัย ดินแดนอันรุ่งเรืองของมนุษย์ 18 มงกุฎ ร้อยลิ้นกะลาวน สุดยอดกังฉิน คนชั่วได้ดี คนดีแทบไม่มีที่เดิน เพราะเสื่อมโทรมในค่านิยม ชื่นชมผู้กล้ากำมะลอนักตีกินหลายยุค
สภาพบ้านเมืองเสื่อมเกิดจากความขัดแย้งบนผลประโยชน์ของกลุ่มทุรชนหลากหลายประเภทรวมตัวเป็นองค์กรอาชญากรรมใช้พรรคการเมืองเป็นหน้าฉากลงทุนซื้อเสียงเข้ากุมอำนาจรัฐ จากนั้นมุ่งถอนทุนบวกกำไรหลายเท่าตัว ทำให้รากฐานของประเทศอยู่ในความเสี่ยงว่าจะล้มครืน
ความขัดแย้งในการเมือง สังคม ระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องแปลกหรือแตกต่างจากสังคมอื่น เพียงแต่สังคมบ้านเราใช้ความรุนแรง อาวุธเข้าจัดการฝ่ายตรงข้ามแทนการใช้สติปัญญา ความรู้และเหตุผลในการแก้ไขปัญหา และซ้ำร้ายเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมาย
ผู้กระทำความผิดส่วนหนึ่งรอดจากโทษทัณฑ์ไปอย่างน่าอัศจรรย์เพราะสำนวนคดีอ่อนระทวย ตัวการและหัวโจกยังใช้ชีวิตรื่นรมย์เพราะกระบวนการยุติธรรมจมปลักอยู่ในปัญหาความเชื่องช้า ความหวังของวิญญูชนว่าจะมีการปฏิรูปหลังรัฐประหารต้นทุนต่ำจึงเป็นเพียงสภาวะลมๆ แล้งๆ
มองไปข้างหน้า จึงน่ารู้สึกถึงความหดหู่ วังเวงในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไร้ค่าจริงๆ! เราจึงมีสภาพเหมือนสังคมกำลังจมปลักติดกับดักในความด้อยพัฒนาถาวร ดูแล้วคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าสังคมที่นิยมทัศนคติว่าโกงบ้างไม่เป็นไร เพียงขอให้ตัวเองได้รับผลประโยชน์ด้วย
ความหวังผู้นำประเทศยุคนี้จึงเน้นรณรงค์ความปรองดองในกลุ่มประชาชน พร่ำสอนประหนึ่งว่าเป็นอภิมหามนตราว่าบ้านเมืองจะสงบ เรียบร้อย ไร้ความขัดแย้งถ้ามีความปรองดองในสังคม โดยไม่คำนึงถึงสภาวะความเป็นจริงว่าคนดีย่อมไม่เกลือกกลั้วอยู่ร่วมสังคมกับคนชั่วนอกกฎหมาย
การเรียกร้องให้ปรองดองเป็นการทำงานแบบง่ายๆ ไม่มีมาตรการเสริมอะไร อ้างว่าต้องปรองดองทั้งๆ ที่ปัญหาความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม จะรุนแรงลุกลามเป็นการใช้กำลังอาวุธเข้าจัดการปัญหาขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่ามีจิตสำนึกปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมายหรือไม่
บางมิติ การปรองดองถูกมองว่าเป็นการเกี้ยเซี๊ยะ ซูเอี๋ย หยวนๆ กันไป เพราะไม่อยากเสี่ยงแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือมือไม่ถึง ใจไม่ถึง คนดีพึ่งพาอาศัยไม่ได้
ถ้าสังคมใดประชาชนทุกคนอยู่ภายไต้กฎหมายเดียวกัน กระบวนการยุติธรรมมีความเที่ยงธรรม น่าเชื่อถือ ความขัดแย้งจะไม่เป็นวิกฤติจนขยายตัวเป็นสภาวะเรื้อรัง ยิ่งถ้าผู้บริหารบ้านเมืองเป็นกลุ่มผลประโยชน์ อาชญากรรวมตัวกันกุมอำนาจรัฐ ย่อมไม่มีความปรองดองสันติภาพยั่งยืน
ดูง่ายๆ ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่ถูกเบี่ยงเบนเฉไฉจนไร้หลักการปัญหานักบวชนิกายเพี้ยนในศาสนาพุทธคงไม่เรื้อรังจนมีอิทธิพลมากมาย ใครไม่กล้าจัดการสร้างความถูกต้องเพราะผลประโยชน์ในอำนาจวาสนา เงินตรา ทำให้บุรุษโล้นนิกายเพี้ยนนอกรีตเป็นผู้ทรงอำนาจมหาศาล
พูดได้ว่าหัวโจกนิกายเพี้ยนทรงอำนาจเงิน พลังบารมีอยู่เหนืออาณาจักรและศาสนาจักร! ทั้งองค์กรสงฆ์ นักการเมือง นักรัฐประหาร มีกฎหมายพิเศษก็ยังไม่กล้าแหยม กลัวเผชิญม็อบเหลือง ผู้กล้าแท้จริงกลับเป็นกลุ่มผู้นำมวลชนในชุมชนทนไม่ได้ และกลุ่มอดีตสมาชิกองค์กรนิติบัญญัติ
บุรุษโล้นนิกายเพี้ยนทำให้ผู้บริหารบ้านเมือง องค์กรการเมือง องค์กรศาสนา ดูไร้ค่าจริงๆ! เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ จะให้วิญญูชนคนห่วงใยบ้านเมืองหลับหูหลับตาหลงใหลไปกับความเพ้อฝันของผู้มีอำนาจได้อย่างไรว่าจะจัดการจัดรูปกระบวนการต่างๆ ก่อนคืนสู่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ
วันก่อนคุณท่านผู้นำรำพึงให้ชาวบ้านสงสัยว่ามีแรงกดดันอย่างไรหรือไม่จึงได้บอกว่า "ต้องเร่งทำงาน เวลาเหลือน้อย ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" นั่นก็ไม่นานหลังจากได้ประกาศท้าให้ใครก็ได้ที่กระสันในอำนาจทำรัฐประหาร ซึ่งแสดงให้เห็นสภาวะเลือดลมพลุ่งพล่านจนรู้สึกอัดอั้นตันใจ
เมื่อคำพูดส่อแววเป็นเค้าลางบอกเหตุไม่ปกติ โรดแหม็บๆ ที่จัดไว้ว่าจะต้องมีนั่น มีโน่น มีนี่ย่อมไม่แน่นอนขาดเสถียรภาพ ขณะเดียวกันขบวนการเหลี่ยมได้เริ่มเคลื่อนไหวว่าไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับมีชัยหลังจากท่านเหลี่ยมเร่ร่อนก่นด่าว่าเป็นรัฐธรรมนูญทำบ้านเมืองถอยหลังเข้าคลอง 20 ปี
เห็นได้ชัดว่าขบวนการเหลี่ยมไม่มีวันปรองดอง ตราบใดที่ตัวเองยังเป็นคนหนีคุกมีคดีอาญาติดตัว ดังนั้นต้องพยายามหวนคืนสู่อำนาจรัฐผ่านระบบการเมืองน้ำเน่าซื้อเสียงในศึกเลือกตั้งต้องทุ่มเต็มที่ มีเดิมพันสูง ทั้งยังเป็นโอกาสทองเพื่อฟื้นฟูสถานภาพของตัวเองและขี้ข้าทาสบริวาร
ถ้ากุมอำนาจรัฐได้อีกรอบขบวนการเหลี่ยมย่อมต้อง “เอาคืน” ทุกรูปแบบ ยิ่งมีกฎหมายควบคุมการชุมนุมกดหัวประชาชนด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ยากลำบากสำหรับคนดีจะออกไปชุมนุมขับไล่ขบวนการกังฉิน โอกาสจะโดนอำนาจเถื่อนคุกคาม อันธพาลใช้อาวุธทำร้ายจะมีเหมือนที่เคยเป็น
คุณท่านผู้นำก็ยอมรับแล้วว่าความพยายามสร้างบรรยากาศโลกสวยด้วยการปรองดองล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งยังต้องวุ่นอยู่กับการโดนก่อกวนโดยแกนนำหัวโจกขบวนการเหลี่ยมและเสื้อแดงรุ่นใหม่ จนต้องมีรายการปรับทัศนคติซ้ำซากแต่ไร้ผลสำหรับกลุ่มทาสดักดานของเงินเหลี่ยม
รู้ทั้งรู้ ไม่ใช่แกล้งโง่ว่าการปรองดองไม่มีทางสำเร็จเว้นแต่ต้องการสร้างภาพหลอกตัวเอง แต่ก็ยังทำคงอยากให้ประชาคมโลกมองว่าเป็นนักรัฐประหารจำเป็น แต่โดยธาตุแท้เป็นนักรักสันติภาพ
การ “เยี่ยวไม่สุด” ซ้ำรอยรุ่นพี่จะเป็นมรดกบาป ก่อเวรกรรมต่อเนื่องในบ้านเมืองให้จมปลักอยู่ในวงจรอุบาทว์ ถ้ามีวิกฤตรอบใหม่คนดีรักชาติบ้านเมืองไม่มีวันยอมทนกับข้ออ้างทำรัฐประหารต้นทุนต่ำอีก เพราะขาดความรับผิดชอบ มือไม่ถึง ใจไม่ถึง หรือด้วยเหตุอื่นใด ไม่ต้องเสียเวลาเดา
รัฐธรรมนูญไม่ใช่ยาวิเศษ ใช้ไม่ได้กับขบวนการเหลี่ยม เครือข่ายกลุ่มอาชญากรหน้าฉากเป็นพรรคการเมือง กฎหมายมีบทเข้มอย่างไรก็ไร้ผลถ้ากลไกกระบวนการยุติธรรมยังไม่ได้รับการปฏิรูปแท้จริง ข้าราชการยอมสยบต่ออำนาจการเมืองและอำนาจเงินพ่อค้า ไร้จิตสำนึกรักชาติ
คุณท่านรู้ดี งานท่านไม่เดินเพราะขบวนการเกียร์ว่างในกลุ่มข้าราชการขี้ข้าเหลี่ยมยังเหนียวแน่น นั่งนับวันรอการหวนคืนกลับสู่อำนาจของเจ้านาย หลังจากคุณท่านพ้นจากอำนาจลูกน้องของท่านที่ยังไม่เกษียณน่าจะเผชิญชะตากรรมไม่สวย ถ้าไม่ยอมสยบซูฮกรับใช้อำนาจเหลี่ยมร้าย
นั่นคือผลร้ายของการ “เยี่ยวไม่สุด” แต่ยังมีเวลาจัดการ แก้ไข ว่าแต่คุณท่านยังมีใจถึงๆ ลูกน้องพึ่งได้หรือเปล่าเท่านั้น ไม่ต้องห่วงประชาชนคนรักชาติ ไม่หนีไปไหน ความรักชาติไม่มีวันเกษียณอายุ ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องแบบ ใช้ความกล้ามีพลังหนุนจากจิตสำนึกความรักชาติก็พอ
ประชาชนได้พิสูจน์ให้เห็นหลายครั้ง มีมือเปล่ากล้าวิ่งเข้าหารถถัง คนอาชีพอื่นๆ ทำไม่ได้!
โดย โสภณ องค์การณ์
คณะผู้จัดการแต่งรัฐธรรมนูญและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดชะตากรรมประเทศในระบอบประชาธิปไตยแบบแถกเหงือกจะให้ชาวบ้านตัดสินใจวันที่ 31 กรกฎาคม นี้แหละว่าจะยอมรับเอาร่างฉบับมีชัยไทยแลนด์หรือไม่ ถ้าไม่เอา ท่านได้ขู่แล้วว่าจะมีฉบับเนื้อหาโหดกว่ามาใช้บังคับแทน
รูปแบบประชาธิปไตยแถกเหงือกสไตล์ไทยแลนด์จึงเรื่องเยอะสมกับเป็นสังคมคนหัวหมอ แหล่งกำเนิดของศรีธนญชัย ดินแดนอันรุ่งเรืองของมนุษย์ 18 มงกุฎ ร้อยลิ้นกะลาวน สุดยอดกังฉิน คนชั่วได้ดี คนดีแทบไม่มีที่เดิน เพราะเสื่อมโทรมในค่านิยม ชื่นชมผู้กล้ากำมะลอนักตีกินหลายยุค
สภาพบ้านเมืองเสื่อมเกิดจากความขัดแย้งบนผลประโยชน์ของกลุ่มทุรชนหลากหลายประเภทรวมตัวเป็นองค์กรอาชญากรรมใช้พรรคการเมืองเป็นหน้าฉากลงทุนซื้อเสียงเข้ากุมอำนาจรัฐ จากนั้นมุ่งถอนทุนบวกกำไรหลายเท่าตัว ทำให้รากฐานของประเทศอยู่ในความเสี่ยงว่าจะล้มครืน
ความขัดแย้งในการเมือง สังคม ระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องแปลกหรือแตกต่างจากสังคมอื่น เพียงแต่สังคมบ้านเราใช้ความรุนแรง อาวุธเข้าจัดการฝ่ายตรงข้ามแทนการใช้สติปัญญา ความรู้และเหตุผลในการแก้ไขปัญหา และซ้ำร้ายเจ้าหน้าที่ไม่ปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมาย
ผู้กระทำความผิดส่วนหนึ่งรอดจากโทษทัณฑ์ไปอย่างน่าอัศจรรย์เพราะสำนวนคดีอ่อนระทวย ตัวการและหัวโจกยังใช้ชีวิตรื่นรมย์เพราะกระบวนการยุติธรรมจมปลักอยู่ในปัญหาความเชื่องช้า ความหวังของวิญญูชนว่าจะมีการปฏิรูปหลังรัฐประหารต้นทุนต่ำจึงเป็นเพียงสภาวะลมๆ แล้งๆ
มองไปข้างหน้า จึงน่ารู้สึกถึงความหดหู่ วังเวงในด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ไร้ค่าจริงๆ! เราจึงมีสภาพเหมือนสังคมกำลังจมปลักติดกับดักในความด้อยพัฒนาถาวร ดูแล้วคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าสังคมที่นิยมทัศนคติว่าโกงบ้างไม่เป็นไร เพียงขอให้ตัวเองได้รับผลประโยชน์ด้วย
ความหวังผู้นำประเทศยุคนี้จึงเน้นรณรงค์ความปรองดองในกลุ่มประชาชน พร่ำสอนประหนึ่งว่าเป็นอภิมหามนตราว่าบ้านเมืองจะสงบ เรียบร้อย ไร้ความขัดแย้งถ้ามีความปรองดองในสังคม โดยไม่คำนึงถึงสภาวะความเป็นจริงว่าคนดีย่อมไม่เกลือกกลั้วอยู่ร่วมสังคมกับคนชั่วนอกกฎหมาย
การเรียกร้องให้ปรองดองเป็นการทำงานแบบง่ายๆ ไม่มีมาตรการเสริมอะไร อ้างว่าต้องปรองดองทั้งๆ ที่ปัญหาความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม จะรุนแรงลุกลามเป็นการใช้กำลังอาวุธเข้าจัดการปัญหาขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองว่ามีจิตสำนึกปฏิบัติหน้าที่รักษากฎหมายหรือไม่
บางมิติ การปรองดองถูกมองว่าเป็นการเกี้ยเซี๊ยะ ซูเอี๋ย หยวนๆ กันไป เพราะไม่อยากเสี่ยงแก้ปัญหาแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือมือไม่ถึง ใจไม่ถึง คนดีพึ่งพาอาศัยไม่ได้
ถ้าสังคมใดประชาชนทุกคนอยู่ภายไต้กฎหมายเดียวกัน กระบวนการยุติธรรมมีความเที่ยงธรรม น่าเชื่อถือ ความขัดแย้งจะไม่เป็นวิกฤติจนขยายตัวเป็นสภาวะเรื้อรัง ยิ่งถ้าผู้บริหารบ้านเมืองเป็นกลุ่มผลประโยชน์ อาชญากรรวมตัวกันกุมอำนาจรัฐ ย่อมไม่มีความปรองดองสันติภาพยั่งยืน
ดูง่ายๆ ถ้ากระบวนการยุติธรรมไม่ถูกเบี่ยงเบนเฉไฉจนไร้หลักการปัญหานักบวชนิกายเพี้ยนในศาสนาพุทธคงไม่เรื้อรังจนมีอิทธิพลมากมาย ใครไม่กล้าจัดการสร้างความถูกต้องเพราะผลประโยชน์ในอำนาจวาสนา เงินตรา ทำให้บุรุษโล้นนิกายเพี้ยนนอกรีตเป็นผู้ทรงอำนาจมหาศาล
พูดได้ว่าหัวโจกนิกายเพี้ยนทรงอำนาจเงิน พลังบารมีอยู่เหนืออาณาจักรและศาสนาจักร! ทั้งองค์กรสงฆ์ นักการเมือง นักรัฐประหาร มีกฎหมายพิเศษก็ยังไม่กล้าแหยม กลัวเผชิญม็อบเหลือง ผู้กล้าแท้จริงกลับเป็นกลุ่มผู้นำมวลชนในชุมชนทนไม่ได้ และกลุ่มอดีตสมาชิกองค์กรนิติบัญญัติ
บุรุษโล้นนิกายเพี้ยนทำให้ผู้บริหารบ้านเมือง องค์กรการเมือง องค์กรศาสนา ดูไร้ค่าจริงๆ! เมื่อเห็นสภาพเช่นนี้ จะให้วิญญูชนคนห่วงใยบ้านเมืองหลับหูหลับตาหลงใหลไปกับความเพ้อฝันของผู้มีอำนาจได้อย่างไรว่าจะจัดการจัดรูปกระบวนการต่างๆ ก่อนคืนสู่ประชาธิปไตยแบบไทยๆ
วันก่อนคุณท่านผู้นำรำพึงให้ชาวบ้านสงสัยว่ามีแรงกดดันอย่างไรหรือไม่จึงได้บอกว่า "ต้องเร่งทำงาน เวลาเหลือน้อย ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น" นั่นก็ไม่นานหลังจากได้ประกาศท้าให้ใครก็ได้ที่กระสันในอำนาจทำรัฐประหาร ซึ่งแสดงให้เห็นสภาวะเลือดลมพลุ่งพล่านจนรู้สึกอัดอั้นตันใจ
เมื่อคำพูดส่อแววเป็นเค้าลางบอกเหตุไม่ปกติ โรดแหม็บๆ ที่จัดไว้ว่าจะต้องมีนั่น มีโน่น มีนี่ย่อมไม่แน่นอนขาดเสถียรภาพ ขณะเดียวกันขบวนการเหลี่ยมได้เริ่มเคลื่อนไหวว่าไม่เอารัฐธรรมนูญฉบับมีชัยหลังจากท่านเหลี่ยมเร่ร่อนก่นด่าว่าเป็นรัฐธรรมนูญทำบ้านเมืองถอยหลังเข้าคลอง 20 ปี
เห็นได้ชัดว่าขบวนการเหลี่ยมไม่มีวันปรองดอง ตราบใดที่ตัวเองยังเป็นคนหนีคุกมีคดีอาญาติดตัว ดังนั้นต้องพยายามหวนคืนสู่อำนาจรัฐผ่านระบบการเมืองน้ำเน่าซื้อเสียงในศึกเลือกตั้งต้องทุ่มเต็มที่ มีเดิมพันสูง ทั้งยังเป็นโอกาสทองเพื่อฟื้นฟูสถานภาพของตัวเองและขี้ข้าทาสบริวาร
ถ้ากุมอำนาจรัฐได้อีกรอบขบวนการเหลี่ยมย่อมต้อง “เอาคืน” ทุกรูปแบบ ยิ่งมีกฎหมายควบคุมการชุมนุมกดหัวประชาชนด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ยากลำบากสำหรับคนดีจะออกไปชุมนุมขับไล่ขบวนการกังฉิน โอกาสจะโดนอำนาจเถื่อนคุกคาม อันธพาลใช้อาวุธทำร้ายจะมีเหมือนที่เคยเป็น
คุณท่านผู้นำก็ยอมรับแล้วว่าความพยายามสร้างบรรยากาศโลกสวยด้วยการปรองดองล้มเหลวไม่เป็นท่า ทั้งยังต้องวุ่นอยู่กับการโดนก่อกวนโดยแกนนำหัวโจกขบวนการเหลี่ยมและเสื้อแดงรุ่นใหม่ จนต้องมีรายการปรับทัศนคติซ้ำซากแต่ไร้ผลสำหรับกลุ่มทาสดักดานของเงินเหลี่ยม
รู้ทั้งรู้ ไม่ใช่แกล้งโง่ว่าการปรองดองไม่มีทางสำเร็จเว้นแต่ต้องการสร้างภาพหลอกตัวเอง แต่ก็ยังทำคงอยากให้ประชาคมโลกมองว่าเป็นนักรัฐประหารจำเป็น แต่โดยธาตุแท้เป็นนักรักสันติภาพ
การ “เยี่ยวไม่สุด” ซ้ำรอยรุ่นพี่จะเป็นมรดกบาป ก่อเวรกรรมต่อเนื่องในบ้านเมืองให้จมปลักอยู่ในวงจรอุบาทว์ ถ้ามีวิกฤตรอบใหม่คนดีรักชาติบ้านเมืองไม่มีวันยอมทนกับข้ออ้างทำรัฐประหารต้นทุนต่ำอีก เพราะขาดความรับผิดชอบ มือไม่ถึง ใจไม่ถึง หรือด้วยเหตุอื่นใด ไม่ต้องเสียเวลาเดา
รัฐธรรมนูญไม่ใช่ยาวิเศษ ใช้ไม่ได้กับขบวนการเหลี่ยม เครือข่ายกลุ่มอาชญากรหน้าฉากเป็นพรรคการเมือง กฎหมายมีบทเข้มอย่างไรก็ไร้ผลถ้ากลไกกระบวนการยุติธรรมยังไม่ได้รับการปฏิรูปแท้จริง ข้าราชการยอมสยบต่ออำนาจการเมืองและอำนาจเงินพ่อค้า ไร้จิตสำนึกรักชาติ
คุณท่านรู้ดี งานท่านไม่เดินเพราะขบวนการเกียร์ว่างในกลุ่มข้าราชการขี้ข้าเหลี่ยมยังเหนียวแน่น นั่งนับวันรอการหวนคืนกลับสู่อำนาจของเจ้านาย หลังจากคุณท่านพ้นจากอำนาจลูกน้องของท่านที่ยังไม่เกษียณน่าจะเผชิญชะตากรรมไม่สวย ถ้าไม่ยอมสยบซูฮกรับใช้อำนาจเหลี่ยมร้าย
นั่นคือผลร้ายของการ “เยี่ยวไม่สุด” แต่ยังมีเวลาจัดการ แก้ไข ว่าแต่คุณท่านยังมีใจถึงๆ ลูกน้องพึ่งได้หรือเปล่าเท่านั้น ไม่ต้องห่วงประชาชนคนรักชาติ ไม่หนีไปไหน ความรักชาติไม่มีวันเกษียณอายุ ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องแบบ ใช้ความกล้ามีพลังหนุนจากจิตสำนึกความรักชาติก็พอ
ประชาชนได้พิสูจน์ให้เห็นหลายครั้ง มีมือเปล่ากล้าวิ่งเข้าหารถถัง คนอาชีพอื่นๆ ทำไม่ได้!