ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
เป็นเรื่องจำเป็นอีกรอบเมื่อคุณท่านผู้นำต้องฝากโฆษกรัฐบาลให้ขอโทษผู้สื่อข่าวหลังจากมีช่วงระเบิดอารมณ์ฉุนเฉียวเพราะการซักถามและนำไปสู่การใช้ถ้อยคำ ท่าทีดุดัน หน้าตาเคร่งเครียดเป็นอาการแก้ไม่ตก รักษาไม่หาย จนแทบเป็นการต่อปากต่อคำทุกครั้งเมื่อคุณท่านพบปะสื่อ
ก่อนหน้านี้คุณท่านบอกว่าลูกสาวให้กำไลข้อมือมาใส่เพื่อเตือนให้ระงับอารมณ์ ดูเหมือนได้ผลไม่กี่วัน เจอคำถามผู้สื่อข่าวซ้ำซากก็อยู่ในสภาพควบคุม อารมณ์ตัวเองไม่ได้ ที่เป็นมามีทั้งตบโต๊ะ โยนของใส่ หรือพูดทีเล่นทีจริงออกท่าทางว่าจะยกโพเดียมทุ่มใส่ สร้างความครื้นเครงก็มี
เมื่อเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ท่าทางเหมือนคนธาตุไฟแตก น็อตหลุด ทำให้คุณท่านดูน่าเกลียดในสายตาของชาวบ้าน ทั้งยังเกิดบ่อยครั้งเกินไป ทะเลาะแล้วได้อะไร แม้ชาวบ้านบ้องตื้นชื่นชอบว่า “เก่งจัง ไม่กลัวสื่อ” เหมือนนักการเมืองผู้วายชนม์ไปแล้วได้ทำ จนเป็นต้นแบบ แต่ไม่มีใครตาม
ช่วงแรกคุณท่านล้งเล้งเสียงดังมีตะคอกใส่ผู้สื่อข่าวนอกทำเนียบ เช่นหน้าสนามบิน คนยังไม่คุ้นยังตกอกตกใจ ข้าราชการทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นว่าคุณท่านโมโหจริงจนหน้าดำหูแดงเป็นงิ้วพิโรธ
ช่วงหลังแม้จะทำใจ คุณท่านเป็นแบบนี้เหมือนไม้แก่ดัดยาก เป็นทหารมาตลอดชีวิตราชการต้องดุดันให้ผู้ไต้บังคับบัญชาเกรงกลัว เมื่อมารับภารกิจสำคัญ ต้องยอมให้ท่านระบายอารมณ์คลายเครียดเพราะคุณท่านเองก็เผชิญแรงกดดันเยอะ พยายามแก้ไขปัญหาเรื้อรังมานาน
คุณท่านก็เคยยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดุดันแต่ต้องทำท่าทางน้ำเสียงดุ ห้วน กระโชกโฮกฮากเหมือนตรวจแถวทหาร ไม่อย่างนั้นลูกน้อง ไอ้เณรไม่เกรงกลัว เมื่อแบบไต๋มาแบบนี้พวกสู้แล้วรวยสมุนขบวนการเหลี่ยมก็ไม่กลัวท่าน ลองของอยู่เรื่อยๆ ทำให้เรียกตัวไปปรับทัศนคติบ่อยๆ จนชิน
แต่ยังมีคำถามว่า การกระทำ กิริยาเช่นนั้นเหมาะสมหรือไม่สำหรับผู้นำประเทศ ถ้าดูไม่ดี ไม่มีใครเป็นห่วงช่วยเหลือชี้แนะให้คุณท่านปรับปรุงตัวเองบ้างหรือ บ้านเมืองจะได้ไม่เสียหายเมื่อผู้นำเป็นแบบนี้ ผู้นำประเทศอื่นย่อมเกิดความรู้สึกด้านลบในแง่วุฒิภาวะและทัศนคติต่อผู้มีอารมณ์ร้าย
และผู้นำรัฐบาลที่ผ่านมาก็เผชิญปัญหาไม่ต่างกันมากนัก บางคนถูกประชาชนชุมนุมขับไล่นานหลายเดือนก็ยังอยู่เหมือนทองไม่รู้ร้อน ฆ่าฟันกันตาย ลอบยิง ปาระเบิดแทบจะเป็นมิคสัญญี ยังไม่มีใครอารมณ์เสีย ผู้นำบางคนไม่ดุดัน แต่ออกแนวตรงกันข้ามหว่านเสน่ห์ยิ้มเยิ้มดูไร้ราคา
คุณท่านก็บอกว่าตัวเอง “ไร้ค่า” ที่ผ่านมาทำงานหนักไม่รู้เห็นบ้างหรือไง! ทำเอาคนได้ฟังงุนงงว่าหมายถึงใครกันแน่ จึงได้พูดแบบน้อยอกน้อยใจเหมือนคนทำงานปิดทองหลังพระ เสี่ยงทำรัฐประหารเพื่อหยุดวิกฤตยืดเยื้อซึ่งอาจนำไปสู่การใช้อาวุธ เกิดสงครามกลางเมืองก็เป็นได้
หรือผู้นำรัฐบาลคนก่อนๆ ไม่ “อิน” ไม่รู้สึกอินังขังขอบกับปัญหา เข้ามาเพื่อจ้องกอบโกยผลประโยชน์ ความมั่งคั่ง ใครจะเป็นจะตายก็ช่าง? ในบรรยากาศแบบนี้ จะมีแต่ความวุ่นวาย ชาวบ้านตกเป็นเหยื่อ ไม่รู้แน่ชัดว่าควรเชื่อถือฝ่ายใดเพราะขาดความสัมพันธ์ เกิดความอึดอัด
ไม่มีประโยชน์อันใดที่ผู้นำรัฐบาลจะตั้งป้อมเป็นปฏิปักษ์กับสื่อ เว้นแต่จะเป็นรัฐเผด็จการเต็มขั้นเหยียบสื่อไว้ไต้เท้าจนโงหัวไม่ขึ้น จะเป็นสังคมซึ่งขาดข่าวสารข้อมูล การแสดงความคิดเห็น
รัฐบาลคุณท่านยังไม่ได้เผชิญกับการกดดันมีมวลชนรวมตัวขับไล่ มีทั้งอำนาจพิเศษ มีกองทัพรับประกันความมั่นคง มีกฎหมายควบคุมการชุมนุมลิดรอนสิทธิประชาธิปไตย ห้ามชุมนุมเกิน 5 คนคุยเรื่องการเมือง เป็นบรรยากาศสวนกับประชาธิปไตยแต่ชาวบ้านยอมทนให้คุณท่านทำงาน หรือเป็นเพราะมีกระแสความผิดหวังของชาวบ้าน ผลงานไม่เข้าตา มีเสียงบ่นทำให้หงุดหงิด?
การพบปะกับสื่อมีเพียงคำถามทั่วไปจากผู้สื่อข่าว ไม่ใช่คำถามเจาะไชลึกซึ้งมากมายอะไร ถามเพียงพื้นๆ แต่อาจซ้ำซากเพราะมีผู้สื่อข่าวเยอะมาไม่ซ้ำ ก็ไม่น่าทำให้อารมณ์เสียต้องชี้หน้าด่ากราดบางครั้ง ทำให้ดูอาการผิดปกติ ถ้าไม่อยากตอบ ก็ไม่ต้องตอบ ไม่ต้องยอกย้อนชวนทะเลาะ
การพบปะผู้สื่อข่าว ตอบคำถามถือว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ชี้แจงข้อมูลเรื่องราวต่างๆ ของภาครัฐเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ ถ้าผู้สื่อข่าวรู้แล้วคงไม่ถาม หรือถามเพื่อต้องการรู้รายละเอียด เพื่อคำยืนยัน การให้ข้อมูลยังดีกว่าปล่อยให้สื่อเขียนเอาเอง มีข้อมูลผิดๆ ถูกๆ ไปบอกชาวบ้าน
หลักการง่ายๆ ในการปฏิบัติกับสื่อคือ ให้สื่อมาหาเราเพื่อต้องการจะเอาข้อมูลดีกว่าสภาวะที่เราต้องไปหาสื่อเพื่อให้สื่อช่วยเผยแพร่ข่าวสาร ข้อมูล เพราะถ้าสื่อไม่สนใจก็ทำให้เสียเปล่า
ถ้าสื่อมาหาเรา เรามีโอกาสเลือกให้ข้อมูลข่าวสารอย่างไร เท่าไหร่ก็ได้ มีอำนาจต่อรองได้เต็มที่ แต่ต้องปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพ มีความเป็นมืออาชีพ ในทุกสังคมย่อมมีสื่อและรัฐบาลอยู่ร่วมกัน นักการเมืองชั่วร้ายมักไม่ชอบสื่อดีมีความน่าเชื่อถือเพราะเป็นวัวสันหลังหวะ โกงกิน
นักการเมืองดีไม่หวั่นเกรงสื่อชั่วร้าย ไม่มีแผล หรือจุดอ่อนให้ขุดคุ้ย ถ้าล้ำ เส้นเกินไป หมิ่นประมาททำให้เสียหายก็ใช้กระบวนการทางกฎหมายจัดการ นักการเมืองเลว สื่อเลวย่อมอยู่ร่วมกันได้เพราะผลประโยชน์ลงตัว สภาวะที่เหมาะคือมีรัฐบาลดี สื่อมืออาชีพ ประชาชนได้ประโยชน์
ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีสภาพอย่างประการหลัง ซ้ำร้ายการเมือง สามานย์ผสมกับทุนนิยมสามานย์ทำให้เกิดสื่อเทียม สื่อมือรับจ้างการเมือง บิดเบือนข้อมูล ปลุกปั่นชาวบ้านให้ชื่นชอบนักการเมืองกังฉิน สื่อชั่วร้ายนั่นแหละต้องการแหย่คุณท่านให้ล้งเล้งเม้งแตกเป็นตัวตลกตัวโจ๊ก
คุณท่านได้โปรดรับรู้ไว้ด้วยว่าสื่อชั่วร้ายเป็นตัวปัญหาหลักของประเทศ สร้างความคิด ความเชื่อผิดๆ ให้ชาวบ้านโดนปั่นหัวเป่าหู จนเกิดความแตกแยกในกลุ่มประชาชน ไม่มีใครจัดการ
คุณท่านต้องสามารถแยกแยะระหว่างสื่อดี สื่อชั่ว เหมือนกลุ่มมวลชนเช่นกัน ไม่ควรเหมารวมว่าเลวร้ายจะทำให้เสียแนวร่วมผู้ให้การสนับสนุนแม้ท่านได้เคยประกาศว่าไม่ง้อก็ตาม ความล้มเหลวในด้านนี้จะเป็นตัววัดความสามารถในการชี้ผิดชี้ถูก อันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานสำคัญของผู้นำ
มีเสียงชาวบ้านหนุน สื่อมองว่าเป็นรัฐบาลดี ย่อมดีกว่าถูกด่า เกลียดชัง เป็นตัวประเมินว่าคุณท่านทำหน้าที่จนประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ให้ประวัติศาสตร์จารึกไว้กับแผ่นดิน
ความเป็นอารยชน มีมธุรสวาจา ผูกใจคนย่อมดีกว่าคำพูดกระโชกโฮกฮาก ขวานผ่าซาก!
เชื่อเถอะ ทะเลาะต่อปากต่อคำกับสื่อไม่มีประโยชน์ เสียเวลา เสียอารมณ์ และสื่อยังจะอยู่อีกนานแสนนาน หลังจากพวกคุณท่านพ้นจากอำนาจไปแล้ว ไม่ว่าชาวบ้านจะอาลัยหรือไม่ก็ตาม
โดย โสภณ องค์การณ์
เป็นเรื่องจำเป็นอีกรอบเมื่อคุณท่านผู้นำต้องฝากโฆษกรัฐบาลให้ขอโทษผู้สื่อข่าวหลังจากมีช่วงระเบิดอารมณ์ฉุนเฉียวเพราะการซักถามและนำไปสู่การใช้ถ้อยคำ ท่าทีดุดัน หน้าตาเคร่งเครียดเป็นอาการแก้ไม่ตก รักษาไม่หาย จนแทบเป็นการต่อปากต่อคำทุกครั้งเมื่อคุณท่านพบปะสื่อ
ก่อนหน้านี้คุณท่านบอกว่าลูกสาวให้กำไลข้อมือมาใส่เพื่อเตือนให้ระงับอารมณ์ ดูเหมือนได้ผลไม่กี่วัน เจอคำถามผู้สื่อข่าวซ้ำซากก็อยู่ในสภาพควบคุม อารมณ์ตัวเองไม่ได้ ที่เป็นมามีทั้งตบโต๊ะ โยนของใส่ หรือพูดทีเล่นทีจริงออกท่าทางว่าจะยกโพเดียมทุ่มใส่ สร้างความครื้นเครงก็มี
เมื่อเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ท่าทางเหมือนคนธาตุไฟแตก น็อตหลุด ทำให้คุณท่านดูน่าเกลียดในสายตาของชาวบ้าน ทั้งยังเกิดบ่อยครั้งเกินไป ทะเลาะแล้วได้อะไร แม้ชาวบ้านบ้องตื้นชื่นชอบว่า “เก่งจัง ไม่กลัวสื่อ” เหมือนนักการเมืองผู้วายชนม์ไปแล้วได้ทำ จนเป็นต้นแบบ แต่ไม่มีใครตาม
ช่วงแรกคุณท่านล้งเล้งเสียงดังมีตะคอกใส่ผู้สื่อข่าวนอกทำเนียบ เช่นหน้าสนามบิน คนยังไม่คุ้นยังตกอกตกใจ ข้าราชการทำหน้าไม่ถูกเมื่อเห็นว่าคุณท่านโมโหจริงจนหน้าดำหูแดงเป็นงิ้วพิโรธ
ช่วงหลังแม้จะทำใจ คุณท่านเป็นแบบนี้เหมือนไม้แก่ดัดยาก เป็นทหารมาตลอดชีวิตราชการต้องดุดันให้ผู้ไต้บังคับบัญชาเกรงกลัว เมื่อมารับภารกิจสำคัญ ต้องยอมให้ท่านระบายอารมณ์คลายเครียดเพราะคุณท่านเองก็เผชิญแรงกดดันเยอะ พยายามแก้ไขปัญหาเรื้อรังมานาน
คุณท่านก็เคยยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่คนดุดันแต่ต้องทำท่าทางน้ำเสียงดุ ห้วน กระโชกโฮกฮากเหมือนตรวจแถวทหาร ไม่อย่างนั้นลูกน้อง ไอ้เณรไม่เกรงกลัว เมื่อแบบไต๋มาแบบนี้พวกสู้แล้วรวยสมุนขบวนการเหลี่ยมก็ไม่กลัวท่าน ลองของอยู่เรื่อยๆ ทำให้เรียกตัวไปปรับทัศนคติบ่อยๆ จนชิน
แต่ยังมีคำถามว่า การกระทำ กิริยาเช่นนั้นเหมาะสมหรือไม่สำหรับผู้นำประเทศ ถ้าดูไม่ดี ไม่มีใครเป็นห่วงช่วยเหลือชี้แนะให้คุณท่านปรับปรุงตัวเองบ้างหรือ บ้านเมืองจะได้ไม่เสียหายเมื่อผู้นำเป็นแบบนี้ ผู้นำประเทศอื่นย่อมเกิดความรู้สึกด้านลบในแง่วุฒิภาวะและทัศนคติต่อผู้มีอารมณ์ร้าย
และผู้นำรัฐบาลที่ผ่านมาก็เผชิญปัญหาไม่ต่างกันมากนัก บางคนถูกประชาชนชุมนุมขับไล่นานหลายเดือนก็ยังอยู่เหมือนทองไม่รู้ร้อน ฆ่าฟันกันตาย ลอบยิง ปาระเบิดแทบจะเป็นมิคสัญญี ยังไม่มีใครอารมณ์เสีย ผู้นำบางคนไม่ดุดัน แต่ออกแนวตรงกันข้ามหว่านเสน่ห์ยิ้มเยิ้มดูไร้ราคา
คุณท่านก็บอกว่าตัวเอง “ไร้ค่า” ที่ผ่านมาทำงานหนักไม่รู้เห็นบ้างหรือไง! ทำเอาคนได้ฟังงุนงงว่าหมายถึงใครกันแน่ จึงได้พูดแบบน้อยอกน้อยใจเหมือนคนทำงานปิดทองหลังพระ เสี่ยงทำรัฐประหารเพื่อหยุดวิกฤตยืดเยื้อซึ่งอาจนำไปสู่การใช้อาวุธ เกิดสงครามกลางเมืองก็เป็นได้
หรือผู้นำรัฐบาลคนก่อนๆ ไม่ “อิน” ไม่รู้สึกอินังขังขอบกับปัญหา เข้ามาเพื่อจ้องกอบโกยผลประโยชน์ ความมั่งคั่ง ใครจะเป็นจะตายก็ช่าง? ในบรรยากาศแบบนี้ จะมีแต่ความวุ่นวาย ชาวบ้านตกเป็นเหยื่อ ไม่รู้แน่ชัดว่าควรเชื่อถือฝ่ายใดเพราะขาดความสัมพันธ์ เกิดความอึดอัด
ไม่มีประโยชน์อันใดที่ผู้นำรัฐบาลจะตั้งป้อมเป็นปฏิปักษ์กับสื่อ เว้นแต่จะเป็นรัฐเผด็จการเต็มขั้นเหยียบสื่อไว้ไต้เท้าจนโงหัวไม่ขึ้น จะเป็นสังคมซึ่งขาดข่าวสารข้อมูล การแสดงความคิดเห็น
รัฐบาลคุณท่านยังไม่ได้เผชิญกับการกดดันมีมวลชนรวมตัวขับไล่ มีทั้งอำนาจพิเศษ มีกองทัพรับประกันความมั่นคง มีกฎหมายควบคุมการชุมนุมลิดรอนสิทธิประชาธิปไตย ห้ามชุมนุมเกิน 5 คนคุยเรื่องการเมือง เป็นบรรยากาศสวนกับประชาธิปไตยแต่ชาวบ้านยอมทนให้คุณท่านทำงาน หรือเป็นเพราะมีกระแสความผิดหวังของชาวบ้าน ผลงานไม่เข้าตา มีเสียงบ่นทำให้หงุดหงิด?
การพบปะกับสื่อมีเพียงคำถามทั่วไปจากผู้สื่อข่าว ไม่ใช่คำถามเจาะไชลึกซึ้งมากมายอะไร ถามเพียงพื้นๆ แต่อาจซ้ำซากเพราะมีผู้สื่อข่าวเยอะมาไม่ซ้ำ ก็ไม่น่าทำให้อารมณ์เสียต้องชี้หน้าด่ากราดบางครั้ง ทำให้ดูอาการผิดปกติ ถ้าไม่อยากตอบ ก็ไม่ต้องตอบ ไม่ต้องยอกย้อนชวนทะเลาะ
การพบปะผู้สื่อข่าว ตอบคำถามถือว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ชี้แจงข้อมูลเรื่องราวต่างๆ ของภาครัฐเพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ ถ้าผู้สื่อข่าวรู้แล้วคงไม่ถาม หรือถามเพื่อต้องการรู้รายละเอียด เพื่อคำยืนยัน การให้ข้อมูลยังดีกว่าปล่อยให้สื่อเขียนเอาเอง มีข้อมูลผิดๆ ถูกๆ ไปบอกชาวบ้าน
หลักการง่ายๆ ในการปฏิบัติกับสื่อคือ ให้สื่อมาหาเราเพื่อต้องการจะเอาข้อมูลดีกว่าสภาวะที่เราต้องไปหาสื่อเพื่อให้สื่อช่วยเผยแพร่ข่าวสาร ข้อมูล เพราะถ้าสื่อไม่สนใจก็ทำให้เสียเปล่า
ถ้าสื่อมาหาเรา เรามีโอกาสเลือกให้ข้อมูลข่าวสารอย่างไร เท่าไหร่ก็ได้ มีอำนาจต่อรองได้เต็มที่ แต่ต้องปฏิบัติต่อกันด้วยความเคารพ มีความเป็นมืออาชีพ ในทุกสังคมย่อมมีสื่อและรัฐบาลอยู่ร่วมกัน นักการเมืองชั่วร้ายมักไม่ชอบสื่อดีมีความน่าเชื่อถือเพราะเป็นวัวสันหลังหวะ โกงกิน
นักการเมืองดีไม่หวั่นเกรงสื่อชั่วร้าย ไม่มีแผล หรือจุดอ่อนให้ขุดคุ้ย ถ้าล้ำ เส้นเกินไป หมิ่นประมาททำให้เสียหายก็ใช้กระบวนการทางกฎหมายจัดการ นักการเมืองเลว สื่อเลวย่อมอยู่ร่วมกันได้เพราะผลประโยชน์ลงตัว สภาวะที่เหมาะคือมีรัฐบาลดี สื่อมืออาชีพ ประชาชนได้ประโยชน์
ที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีสภาพอย่างประการหลัง ซ้ำร้ายการเมือง สามานย์ผสมกับทุนนิยมสามานย์ทำให้เกิดสื่อเทียม สื่อมือรับจ้างการเมือง บิดเบือนข้อมูล ปลุกปั่นชาวบ้านให้ชื่นชอบนักการเมืองกังฉิน สื่อชั่วร้ายนั่นแหละต้องการแหย่คุณท่านให้ล้งเล้งเม้งแตกเป็นตัวตลกตัวโจ๊ก
คุณท่านได้โปรดรับรู้ไว้ด้วยว่าสื่อชั่วร้ายเป็นตัวปัญหาหลักของประเทศ สร้างความคิด ความเชื่อผิดๆ ให้ชาวบ้านโดนปั่นหัวเป่าหู จนเกิดความแตกแยกในกลุ่มประชาชน ไม่มีใครจัดการ
คุณท่านต้องสามารถแยกแยะระหว่างสื่อดี สื่อชั่ว เหมือนกลุ่มมวลชนเช่นกัน ไม่ควรเหมารวมว่าเลวร้ายจะทำให้เสียแนวร่วมผู้ให้การสนับสนุนแม้ท่านได้เคยประกาศว่าไม่ง้อก็ตาม ความล้มเหลวในด้านนี้จะเป็นตัววัดความสามารถในการชี้ผิดชี้ถูก อันเป็นคุณสมบัติพื้นฐานสำคัญของผู้นำ
มีเสียงชาวบ้านหนุน สื่อมองว่าเป็นรัฐบาลดี ย่อมดีกว่าถูกด่า เกลียดชัง เป็นตัวประเมินว่าคุณท่านทำหน้าที่จนประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว ให้ประวัติศาสตร์จารึกไว้กับแผ่นดิน
ความเป็นอารยชน มีมธุรสวาจา ผูกใจคนย่อมดีกว่าคำพูดกระโชกโฮกฮาก ขวานผ่าซาก!
เชื่อเถอะ ทะเลาะต่อปากต่อคำกับสื่อไม่มีประโยชน์ เสียเวลา เสียอารมณ์ และสื่อยังจะอยู่อีกนานแสนนาน หลังจากพวกคุณท่านพ้นจากอำนาจไปแล้ว ไม่ว่าชาวบ้านจะอาลัยหรือไม่ก็ตาม