xs
xsm
sm
md
lg

บิ๊กตู่วอนสกัดโกง กล้ารวมพลังดันรธน. พท.ท้าขอโหดกว่านี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญ ร่างแรก ที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ได้แถลงรายละเอียดไปเมื่อวันที่ 29ม.ค.ที่ผ่านมา และปรากฏว่ามีกระแสคัดค้านจากฝ่ายการเมืองเป็นจำนวนมากว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอ ชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ขอให้กำลังใจและของคุฯทุกองค์กรที่ทำงานร่วมกันอย่างหนัก เพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เสร็จลุล่วงตามระยะเวลาที่กำหนด
"รัฐบาลเชื่อว่า ร่างรัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาล ล้วนมีความสำคัญ เพร่าะมีเป้าหมายในการสกัดคนโกง คนเลว ไม่ให้เข้าสู่อำนาจในการบริหารประเทศชาติ และแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรของชาติอีก ซึ่งไม่จำกัดวงเฉพาะนักการเมืองเท่านั้น แต่รวมไปถึงเครือข่ายทั้งหลายด้วย ในส่วนของรัฐบาลก็จะมีการหารือเพื่อส่งข้อเสนอแนะ ต่อร่างรัฐธรรมนูญ จากมุมมองของรัฐบาลเช่นกัน"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวด้วยว่า นายกฯระบุว่า นี่คือช่วงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องใช้ความกล้าหาญที่เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดจากระบบเดิมๆ ที่เคยเป็นช่องทางให้ประเทศเสียหาย โดยนักการเมืองที่ใช้รัฐธรรมนูญ และกฎหมายในมือ เพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ประเทศต้องการรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ที่จะช่วยให้ประเทศเดินไปสู่การปฏิรูป และปิดช่องโหว่เหล่านี้
ทุกวันนี้ สิ่งที่นักการเมืองพูดพาดพิงถึงรัฐธรรมนูญ ก็ล้วนกล่าวถึงสิ่งที่กระทบต่อผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่เคยกล่าวถึงประโยชน์ของประเทศ และประชาชนในส่วนรวมเลย รัฐบาลเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ เมื่อประชาชนใช้โอกาสนี้ รวมพลังเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งสำคัญ ร่วมกัน หากเราไม่สามารถก้าวข้ามไปได้ ก้เท่ากับเราทั้งประเทศยื่นดาบกลับไปให้นักการเมือง กลุ่มผลประโยชน์ ได้มีโอกาสกลับมาทำร้ายสังคมไทย และอนาคตลูกหลานไทยทั้งชาติ

** "มีชัย"เมินนักการเมืองโจมตี

นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. กล่าวว่า ไม่กังวลที่ถูกฝ่ายการเมืองออกมาโจมตี เพราะคนพวกนี้ไม่ชอบการทำงานของกรธ.อยู่แล้ว แต่กรธ. ก็พร้อมที่รับฟังเฉพาะคนที่ติติงในเรื่องที่เป็นเหตุเป็นผล
การที่บางพรรคอ้างว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ทำให้พรรคการเมืองอ่อนแอ รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ และกังวลในประเด็นที่มานายกรัฐมนตรีคนนอก ขอถามว่า อ่อนแอตรงไหน ขอแนะนำเลย หากพรรคการเมืองกังวลว่าจะมีการให้คนนอกมาเป็นนายกฯ เวลาที่จะร่างกฏหมายพรรคการเมือง จะเปิดโอกาสให้แก้โดย ห้ามเสนอคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส.เป็นนายกรัฐมนตรี หรือถ้าพรรคใดเสนอไปแล้ว แต่คนๆ นั้นไม่ได้รับเลือกให้เป็นส.ส.ก็จะไม่มีสิทธิเป็นนายกฯ บังคับไว้เลย โดยที่ไม่ต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ง่ายดี
อย่างไรก็ตาม นายมีชัยได้ย้ำถึงจุดเด่นของร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ในการบริหารงานของรัฐบาล ทางกรธ.ได้กำหนดหลักการที่จะทำให้รัฐบาลมีความซื่อสัตย์ สุจริต ในการใช้งบประมาณแผ่นดิน รวมถึงต้องเปิดเผยข้อมูลให้ประชาบนได้รับทราบ และส่งเสริมความเสมอภาคให้เกิดขึ้น โดยไม่นำงบประมาณแผ่นดินไปเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง และเชื่อมั่นว่า หลักการของการร่างรัฐธรรมนูญ มีเจตนาที่ดี และไม่น่าจะทำให้รัฐบาลอ่อนแอ อีกทั้ง สิ่งที่เป็นยุทธศาสตร์ชาติ ก็ยังสามารถดำเนินการได้ปกติ
ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับนี้ ยังมีการแก้ไขปัญหา 3 เรื่องสำคัญ ที่ทำให้บ้านเมืองเกิดปัญหา คือ 1. คนขาดวินัย รู้แต่สิทธิของตัวเอง แต่ละเมิดสิทธิของผู้อื่น 2. การบังคับใช้กฎหมายขาดความเข้มงวด มีการปล่อยปะละเลย เนื่องมาจากระบบอุปถัมภ์ และระบบวิ่งเต้นของตำรวจ ที่ทำลายกระบวนการทำงาน 3.การทุจริตที่เพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่ได้ผล ดังนั้น กรธ.จำเป็นต้องเขียนรัฐธรรมนูญมาแก้และปฏิรูปใน 3 เรื่องนี้
ส่วนในการแก้ปัญหาทุจริต ได้ใช้ยาแรง ด้วยการกำหนดคุณสมบัติเข้มของผู้เข้าสู่การดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะต้องไม่เคยต้องคดี หรือถูกตัดสินเกี่ยวกับการทุจริต หรือละเมิดจริยธรรมร้ายแรง ยังได้ใช้กลไกขององค์กรอิสระ ร่วมตรวจสอบการใช้งบประมาณและการกำหนดนโยบาย หากพบว่า ส่งผลเสียต่อประเทศ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) สามารถหารือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ก่อนเสนอความเห็นไปยังรัฐบาล และรัฐสภาได้ โดยในการตรวจสอบการทำงานขององค์กรอิสระได้วางกลไกให้มีการตรวจสอบกันเองอยู่แล้ว สำหรับ ป.ป.ช. อาจจะกำหนดโทษถึงขั้นประหารชีวิตให้รุนแรงกว่าองค์กรอื่น หากกระทำผิดเอง
นายมีชัย กล่าวด้วยว่า หากเห็นว่าร่างฯฉบับนี้ ยังมีข้อบกพร่อง ก็ขอให้ประชาชน เสนอความเห็นมา เพื่อให้กรธ.นำไปทบทวน ในวันที่ 15 ก.พ.นี้ได้

** ปชช.ชอบกลไกปราบโกงในร่างรธน.

นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษก กรธ. กล่าวถึงการลงพื้นที่รับฟังเสียงประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ต่อรัฐธรรมนูญร่างแรก ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ได้รับการตอบรับจากประชาชนดีมาก มีประชาชนจากทุกภาคส่วน ทั้งข้าราชการ นักธุรกิจ และชาวบ้าน เข้าร่วมจำนวนมาก ซึ่งประเด็นที่ประชาชนสนใจและชอบมากคือ เรื่องกลไกป้องกันการทุจริต ที่กำหนดไว้อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะบทลงโทษสำหรับนักการเมืองที่ทุจริต การกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่เข้มข้น และการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว ที่ผู้เข้าร่วมงานคิดว่าสามารถขจัดการซื้อเสียงได้ รวมถึงการเพิ่มอำนาจองค์กรอิสระ ในการตรวจสอบนักการเมือง ที่คิดว่าจะสามารถทำงานได้จริง ไม่ถูกแทรกแซงจากนักการเมืองเหมือนอย่างที่ผ่านมา รวมถึงให้องค์กรเหล่านี้ถูกตรวจสอบได้
" เราไม่ได้เกลียดนักการเมือง แต่เราต้องการคนดี มีคุณภาพ เราจึงกำหนดคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้เช่นนั้น ซึ่งนักการเมือง หรือพรรคการเมืองส่วนใหญ่มองด้านเดียว มองแต่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำให้พวกเขาเข้ามาสู่อำนาจได้ยากกว่าเดิม แต่ในร่างฉบับนี้ ยังมีข้อดีอีกมากมายทำไมไม่ออกมาพูดถึงกันบ้าง ข้อกำหนดแบบนี้ ประเทศอื่นๆเขาก็ทำกัน แต่ทำไมเขาไม่มีปัญหา ประเทศอื่นเขาพัฒนาไปถึงไหนกันแล้ว ผมคิดว่ามันอยู่ที่พฤติกรรมของคนมากกว่า ทุกวันนี้นักการเมืองออกมาพูดบิดเบือนให้ประชาชนฟังกันทุกวันจนมากไปแล้ว" นายชาติชาย กล่าว
** ปชป.บอกมีส่วนดีที่พอรับได้

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากที่ได้พิจารณาดูทั้ง 270 มาตรา 15 หมวดแล้ว พบว่า มีทั้งส่วนดีที่ยอมรับได้ และมีส่วนที่ต้องแก้ไข โดยส่วนที่ยอมรับได้ คือมีความพยายามจะหาทางป้องกันการทุจริตอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะเรื่องการเข้าสู่อำนาจรัฐ การใช้อำนาจรัฐ และการตรวจสอบอำนาจรัฐ รวมทั้ง การบัญญัติให้มีกฎหมายวินัยการเงินการคลังของรัฐ ใน มาตรา 259 ที่ระบุว่า กฎหมายวินัยการเงินการคลังนั้นจะเป็นหนึ่งในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ที่กรธ. จะไปร่าง อีกสิ่งหนึ่งที่รับได้ก็คือในมาตราที่ 241 ที่บัญญัติให้ 3 องค์กร ได้แก่ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ช่วยกันมีส่วนทักท้วง เพื่อระงับยับยั้งความเสียหายต่อการเงินการคลังของรัฐ ที่เกิดจากนโยบายของรัฐบาล
ส่วนเรื่องที่คิดว่าต้องปรับแก้ คือ มาตรา 50 ที่ระบุว่า รัฐต้องดำเนินการให้เกิดการศึกษาภาคบังคับโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพราะที่ผ่านมารัฐธรรมนุญปี 40 และ ปี 50 และรัฐบาลของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้จัดให้การศึกษาให้กับประชาชนเลยการศึกษาภาคบังคับไปแล้ว คือถึง 12 ปี ซึ่งตามภาคบังคับ คือ 9 ปี รวมถึงการจัดการพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียน ควรกำหนดมาตรการต่างๆให้ชัดเจน เพื่อกันรัฐบาลหลีกเลี่ยงที่จะดำเนินการ
นอกจากนี้ ยังไม่มีการระบุว่าให้รองประธานสภาผู้แทนราษฎร 1 ตำแหน่งมาจากฝ่ายค้าน ซึ่งตรงนี้ ตนอยากให้มีด้วย จะได้เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบถ่วงดุล เพราะการที่ไม่บัญญัติตรงนี้ลงไปนั้นก็อาจจะทำให้พรรคการเมืองที่เป็นเสียงข้างมาก ซึ่งมีสมาชิกดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ดำเนินการไม่เหมาะสมกับประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ อีกทั้งเรื่องของการตั้งกระทู้สด เพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลนั้น ตนก็ไม่มั่นใจว่าจะดำรงอยู่หรือไม่ ดังนั้น อยากจะฝากกรธ.ช่วยสร้างความมั่นใจว่า สิ่งนี้จะมีอยู่ด้วย
สำหรับเรื่องนายกรัฐมนตรีคนนอก ในร่างฯฉบับนี้กลับระบุว่า แต่ละพรรคสามารถเสนอชื่อใครก็ได้ เพื่อให้เข้ามาเป็นนายกฯจำนวน 3 ชื่อ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นส.ส.ก็ได้ ตนขอติงว่า ความคิดนายกฯ คนนอกนั้น เกิดขึ้นเพราะต้องการนายกฯ คนนอกเข้ามาแก้วิกฤติ แต่เหตุผลนี้คงจะไม่จำเป็นอีกแล้ว หลังจากการเข้ามาบริหารประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำให้ไม่มีวิกฤติ อีกทั้งที่ผ่านมามีการพูดว่า ต้องมีนายกฯ คนกลาง แต่ข้อบัญญัติเรื่องการเสนอชื่อเช่นนี้ คงไม่ทำให้เกิดนายกรัฐมนตรีคนกลางแน่นอน เพราะเป็นผู้ที่ถูกพรรคการเมืองเสนอชื่อ
" ตามหลักการประชาธิปไตยถ้าบัญญัติให้นายกฯ มาจากส.ส.นั้น ก็น่าจะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ว่าถ้า กรธ.ยืนยันว่า การมีนายกฯคนนอกนั้นจำเป็น หากเกิดวิกฤติ ก็อยากจะให้กรธ.อธิบายให้ชัดเจนว่า จะมีนายกฯ คนนอก จากการวิกฤติอย่างไร และวิกฤติแบบไหน"
อีกเรื่องที่อยากให้แก้ไข ก็คือ เรื่องหมวดพระมหากษัตริย์ใน มาตรา 24 ที่ระบุว่า “การถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ตามรัฐธรรมนูญ ที่ให้ผู้ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณ สามารถถวายสัตย์ต่อพระรัชทายาทซึ่งบรรลุนิติภาวะ หรือต่อผู้แทนพระองค์ก็ได้ ในระหว่างที่ยังไม่ได้ถวายสัตย์ ผู้ถวายสัตย์ สามารถปฏิบัติหน้าที่ระหว่างที่รอการเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณ" ซึ่งตนสงสัยว่า ทำไมถึงไปบัญญัติว่า ให้ปฏิบัติหน้าที่ระหว่างรอการถวายสัตย์ไปก่อนได้ ก็อยากจะให้ กรธ. แสดงความชัดเจนตรงนี้ด้วย
ส่วนท่าที่ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าจะรับ หรือไม่รับ ร่างรัฐธรรมนูญนั้น ขณะนี้ยังเร็วไปที่จะบอกว่ารับหรือไม่รับ เพราะต้องดูเนื้อหา สาระ ในร่างสุดท้ายก่อน

** ติง"มีชัย"ควรลดความแข็งกร้าว

นายองอาจ ยังเตือนไปยัง นายมีชัย ว่า ควรระวังท่าทีต่างๆ ด้วย ขณะที่บรรยายที่รัฐสภา โดยมีถ้อยคำตอบโต้บุคคลที่ว่า ร่างรัฐธรรมนูญของนายมีชัย นั้นโหด โดยระบุว่า หากร่างรัฐธรรมนูญของตนไม่ผ่าน อาจจะมีร่างที่โหดกว่านี้ออกมาอีก ซึ่งตนคิดว่าประธานกรธ. ควรจะต้องระวัดระวังท่าทีให้มากกว่านี้ เพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการทำหน้าที่ของกรธ.ต่อการร่างรัฐธรรมนูญได้
"การทำแบบนี้จะไม่ทำให้เกิดประโยชน์ และทำให้เกิดปัญหาต่อร่างรัฐธรรมนูญโดยไม่จำเป็น ผมอยากจะให้นายมีชัย พยายามทำให้สังคมนั้นเข้าใจกับร่างรัฐธรรมนูญให้มากที่สุด เพราะเชื่อว่า นายมีชัย และ กรธ. คงอยากจะให้ประชาชนนั้นยอมรับในร่างรัฐธรรมนูญ และหวังว่าหลังจากนี้ คงจะไม่เห็นท่าทีของ กรธ. ที่ออกมาในเชิงข่มขู่ หรือชี้นำเช่นนี้อีก" นายองอาจ กล่าว

** "ภูมิธรรม"เมินคำขู่จาก"มีชัย"

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร จุดที่คนพูดถึงความต้องการประชาธิปไตยถูกบิดเบือน กล่าวหาว่ากำลังเห็นแก่ประโยชน์ของตน หรือไม่ต้องการให้ประเทศมีทางออก ขณะที่คนที่ไม่เอาประชาธิปไตย แต่ฝักใฝ่เผด็จการ กลับกลายเป็นคนดีที่กำลังช่วยเหลือประเทศ ประชาธิปไตย คือ ระบบและกติกาที่ให้หลักประกันคนส่วนใหญ่ของประเทศได้เป็นผู้กำหนด คิด และตัดสินใจอนาคตของสังคมและชีวิตของพวกเขาเอง ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ไม่ใช่พวก 10-20 คน ที่เรียกตัวเองว่า กรธ. จะมีสิทธิ์ มากำหนด หรือเอาอำนาจของประชาชนไป
วันนี้สังคมไทยกำลังถูกกลุ่มผู้มีอำนาจ พยายามโฆษณาชวนเชื่อว่า กติกาที่จะกำหนดการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องมีความเป็นประชาธิปไตย โดยใช้วาทกรรมเปรียบเทียบที่น่าขันว่า จะขอเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ แบบตุ๊กๆ หรือแบบเรือหางยาว ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ประเทศถูกทำให้รู้สึกหรือเข้าใจว่า มีวิกฤต และวิกฤตนั้นเกิดขึ้นเพราะการทะเลาะขัดแย้งของประชาชน โดยระบอบประชาธิปไตยไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องใช้ประชาธิปไตยแบบไทยๆ จึงจะฝ่าวิกฤตได้ แท้ที่จริงแล้วระบอบประชาธิปไตยที่ประชาชนช่วยกันร่าง ช่วยกันผลักดันกันมา ไม่ได้เกิดวิกฤต เพราะตัวระบบของมันเอง ระบอบประชาธิปไตยมีทางออกเสมอ เพราะเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้น ประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายควรคืนอำนาจกลับไปให้ประชาชนตัดสินใจใหม่ทุกๆ รอบวาระที่รัฐธรรมนูญกำหนด
"ผมไม่เชื่อ และไม่กลัวคำขู่ของนายมีชัย ที่ว่าถ้าไม่รับรัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว จะได้รัฐธรรมนูญที่โหดกว่า เพราะถ้าประชาชนร่วมกันไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แสดงว่า ประชาชนพร้อมใจกันไม่ยอมรับความไม่เป็นประชาธิปไตย และเท่ากับช่วยกันตะโกนเสียงดังๆว่า ไม่เอารัฐธรรมนูญ ที่ฝักใฝ่เผด็จการ ไม่เอารัฐธรรมนูญที่โกงอำนาจประชาชน แบบบวรศักดิ์ ก็ไม่เอา แบบมีชัย ก็ยิ่งไม่เอา ถ้ากล้าเอาที่โหดกว่าเดิมมายัดเยียดใส่มือประชาชนอีก นายมีชัยกล้า ก็ลองดู ลองเลยครับ" นายภูมิธรรม กล่าว

** ท้าแม่น้ำ 5 สายลงเลือกตั้งแข่งกัน

นายอำนวย คลังผา ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับบทเฉพาะกาล ที่ให้สภาปฏิรูปการขับเคลื่อนประเทศ (สปท.) อยู่ต่ออีก 1 ปี เพราะเมื่อได้ ส.ส.มาแล้ว จะอยู่ต่อทำไม ต้องปล่อยให้เขาทำ ถามว่าช่วงนี้มีเวลาอีกเยอะแยะ ทำไมไม่ลงมือทำให้เห็นความก้าวหน้า ส่วนการจะให้สมาชิก สปท. หรือ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงเลือกตั้งได้หลังเว้นวรรค 90 วันนั้น ไม่มีปัญหา และไม่จำเป็นต้องเว้นวรรคด้วย ไม่ว่า สปท.-สนช.-คสช. - ครม. หรือแม้แต่ กรธ. ลงมาให้หมดเลยไม่ต้องวางเงื่อนไขอะไร เพราะประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจเอง
ส่วนกรณีที่นายมีชัยบอกว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่อีกครั้ง อาจได้ฉบับที่โหดกว่าเดิมนั้น นายมีชัย ป็นผู้หลักผู้ใหญ่ รู้ดีว่าควรทำอย่างไร เว้นเสียแต่ว่ามีอะไรมากดดันท่าน
"ผมยังยืนยันว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ควรให้หยิบฉบับปี 40 หรือ 50 มาใช้ก่อน ไม่มีความชอบธรรมที่จะไปเอาฉบับนายบวรศักดิ์ หรือนายมีชัย มาใช้ เพราะประชาชนไม่เคยให้การยอมรับ" นายอำนวย ระบุ.
กำลังโหลดความคิดเห็น