ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -การเมืองไทยมะรุมมะตุ้มอยู่กับรัฐธรรมนูญฉบับ"ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์" เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะร่างแรกบริกรรมคาถากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เนื้อหาสำคัญๆ ถูกเผยแพร่กันออกมาให้นักการเมือง นักวิชาการ รุมชยันโตไปหลายบท ไม่ว่าใครจะเขียน ใครจะดีไซน์อย่างไร ก็เหมือนลอกพิมพ์เขียวกันมาเป๊ะๆ สไตล์แป๊ะ นักเลือกตั้งเห็นแล้วถึงกับอาเจียน ออกอาการขยาด ออกตัวตั้งแต่ไก่โห่ ว่ารับไม่ได้ เตรียมจะถือธงรณรงค์คว่ำให้รู้แล้วรู้รอด
ไม่ใช่เพียงแค่พรรคเพื่อไทยขาประจำที่ไม่มีวันจะยอมรับผลไม้พิษจากเผด็จการเท่านั้น แต่งานนี้มีพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ขอกอดคอเฉพาะกิจ ด่าเอาล่อเอาเถิดใส่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ร่างได้สุดโต่ง แบบไม่เห็นหัวนักการเมือง
สถานการณ์รุมยำร่างรัฐธรรมนูญ ดุ เด็ด เผ็ด มัน อุณหภูมิใกล้เคียงกับสมัย “ดร.ปื๊ด”บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อครั้งก่อนจะถูกแป๊ะหักหลังส่งสัญญาณให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทำแท้งเข้าไปทุกที จับยามสามตาตอนนี้ถ้าเอาร่างดิบๆ ฉบับซือแป๋มีชัยไปวัดดวง มีหวังถึงคราวตายตกไปตามกันอีกแน่
แต่เมื่อตายตกไปแล้วทิศทางประเทศจะเป็นอย่างไร คนในประเทศอนาคจะแขวนอยู่บนด้ายของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อีกนานเท่าไหร่ คนในรัฐบาลและทีมงานกฎหมายยังเอาแต่แทงกั๊ก
แม้แต่ตัว “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. วันนี้ก็เลื่อนลอยเป็นไม้หลักปักขี้เลนไป วันดีคืนร้ายอารมณ์บูดก็ขู่ฟ่อจะลากยาว หรือบางวันเบิกบาน ก็ยืนยันเดินตามโรดแมป 1 ปี 6 เดือน
คาดการณ์ล่วงหน้าได้เลยถ้าเข้าอีหรอบนี้ ถึงเวลาจริงๆ จับพลัดจับผลูร่างรัฐธรรมนูญฉบับซือแป๋มีชัยไปไม่ถึงฝั่งฝัน หรือแรงค้านเยอะ เผลอๆ โรดแมปจะยืดยาดลากยาวกันอีกระลอก และเชื่อขนมกินได้ว่า “บิ๊กตู่”และชาวคณะท็อปบูต จะโยนขี้ให้ฝ่ายการเมือง และโอดโอยกับประชาชนว่า ที่ไม่มีรัฐธรรมนูญสักที เป็นเพราะการเมืองภายในประเทศมันยังไม่นิ่งสงบ มีคนจ้องจะดึงขาตลอดเวลา
จับอาการรัฐบาลตอนนี้ก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน มีหวั่นไหวกับแรงต้านจากฝ่ายการเมืองเหมือนกัน โดยเฉพาะท่าทีของซือแป๋มีชัย ที่มาคาบลูกคาบดอกระหว่างกึ่งประชดประชัน กับกึ่งขู่เป็นนัย เกลือจิ้มเกลือกลับใส่นักการเมือง หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ก็หยิบเอารัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 มาใช้ให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป
จะว่าไปเหมือนเป็นการแก้เกมของฝ่ายทีมงานแป๊ะกลายๆ เพราะมุกนี้นักเลือกตั้งอาชีพได้ฟังก็มีสะอึก ออกลูกเหวอ พูดไม่ออก บอกไม่ถูกกันเป็นทิวแถว ลำพังร่างรัฐธรรมนูญฉบับซือแป๋ ก็เกินจะรับได้ ถ้าต้องใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราวกันยาวๆ ไม่มีวันหมดอายุ นักการเมืองทั้งหลายได้กลายเป็นอัมพาตกันหมดแน่
บทประชดประชันของมีชัยเที่ยวนี้ ต้องบอกว่าหนักและเขี้ยว เพราะกลายเป็นการโยนความกดดันกลับไปที่นักการเมืองให้ลังเล เลือกได้แค่ 2 ทางที่มีให้ ไม่มีตัวเลือกอื่น ทางหนึ่งคือ กลั้นใจเอารัฐธรรมนูญฉบับมีชัย รับใช้เผด็จการไปเสียให้จบๆ แต่ถ้าปฏิเสธ ฟาดงวงฟาดงา ก็อยู่กับ มาตรา 44 มันไปเรื่อยๆ แบบนี้ ให้หลอนกันไปข้าง
ที่มีชัยกล้าเล่นเจ็บๆ แบบนี้ ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า แม้จะมีการตีรวนจะรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แต่อย่างที่รู้กันว่า ก็มีนักการเมืองอีกจำนวนไม่น้อยโลเล มีแนวความคิดอยากจะรับๆไปก่อน เพื่อให้คสช.ไปพ้นๆ เนื่องจากตกงาน อดอยากปากแห้งมาร่วม 2 ปี เกินครึ่งเทอมปกติของอายุรัฐบาลโดยทั่วไปแล้ว
กระนั้นก็ดี คสช. ก็ไม่ได้จะได้เปรียบเสมอไป ต่อให้นักการเมืองสุมหัวกันคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ แล้วเป็นการส่งต่อให้คสช. อยู่ยาวอัตโนมัติ แต่ก็ไม่ใช่แป๊ะจะพายเรือกันต่อแบบสบายๆ เพราะสภาพตอนนี้ของรัฐบาล แย่เต็มทน การบริหารงานราชการแผ่นดินสไตล์ทหารไม่ค่อยกระเตื้อง อาการมีแค่ทรงกับทรุด ไม่มีอะไรหวือหวาจนเข้าตาประชาชน
โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ ที่วันนี้แม้จะมีพะยี่ห้อการตลาดอย่าง“เฮียกวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามารับเผือกร้อนต่อจาก “ชายอุ๋ย”ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล แต่ผ่านมาแล้วหลายเดือน กลับยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในทางที่เป็นบวก หรือทิศทางที่ดี ชาวบ้านชาวช่องยังไม่เกิดความเชื่อมั่นว่าจะกลับมาอยู่ดีกินดี หลายนโยบายถูกค่อนแคะว่า เป็นเหมือนการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เอาใกล้ตัวอย่างกองทุนหมู่บ้าน วันนี้หายวับเข้ากลีบเมฆไปแล้ว จนหลังๆ โดนแซวว่า พูดเก่งกว่าทำ
ภาพรวมของรัฐบาลนอกจากไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น บางเรื่องยังถูกคนนินทาหมาดูถูกว่าลำดับความสำคัญไม่เป็น ของบางอย่างควรต้องเร่งทำกลับเอ้อระเหยลอยชาย อีลุ่ยฉุยแฉก อย่างเช่น การปฏิรูปตำรวจ การปฏิรูปพลังงาน การแก้ไขปัญหาปากท้องให้ประชาชนในช่วงเศรษฐกิจดิ่งลงเหว แต่กลับไปแตะเรื่องที่สุ่มเสี่ยงจะสร้างปัญหาให้ประเทศชาติ และตัวเองอายุสั้นลง
ที่หนักหนาสาหัส ก็กรณีจะแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายเวลาการเช่าที่ดินของรัฐให้ต่างชาติเช่าจาก 50 ปี เป็น 99 ปี หวังดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนเช่าที่และประกอบธุรกิจในไทย เป็นประเด็นสุดอ่อนไหว จะทำให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ เพราะเป็นการเอาผืนแผ่นดินไปตกอยู่ในมือต่างชาติยาวนานกว่าช่วงอายุคนทั่วๆไปเสียอีก
ตอนนี้ เอ็นจีโอ นักวิชาการ คนมีชื่อเสียง ไม่มีใครยกมือหนุนรัฐบาลในเรื่องนี้สักคน มีแต่ก่นด่าแบบไม่ญาติดี เช่น ในราย ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ด่าไม่ไว้หน้าคนกันเอง
เรื่องของเรื่องเพราะรัฐบาลกำลังนำที่ดินของชาติจำนวนมหาศาลไปประเคนให้ทุนต่างด้าว ท้าวต่างแดน เช่าเป็นร้อยปี ชนิดสามารถทำอะไรก็ได้หากเป็นการลงทุน หนำซ้ำยังได้รับอภิสิทธิ์เหนือเอกชน และคนไทยลงทุนโดยไม่ต้องเสียภาษี ถามว่าคนไทยจะได้ประโยชน์อะไรจากตรงนี้ มีแต่คำตอบกว้างๆ ว่าสร้างเศรษฐกิจให้เข้มแข็ง
ช่วยตอบทีเถอะว่านโยบายนี้ คนไทยจะได้อะไรบ้าง นอกจากกำไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ทุนต่างชาติจะเจียดมาให้ ที่เหลือเขากวาดเรียบ
ถ้านโยบายนี้ดีเลิศประเสริฐศรีจริง คงประกาศใช้ไปตั้งแต่ สมัยทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีแล้ว คงไม่โดนค้านจนต้องเก็บพับเข้าลิ้นชักเงียบกริบ เพราะตัวดี ตัวเอ้ ที่จุดไอเดียและมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ก็อยู่กันครบ ทั้ง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ วิษณุ เครืองาม และ มีชัย ฤชุพันธุ์ ล้วนเป็นคีย์แมนในยุคนั้น
ทักษิณโดนด่ายับว่าเป็นนโยบายขายชาติ แล้วยุคนี้เรียกเป็นนโยบายอะไรดี ท่านนายกฯ ?!?