xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ตุ๊กตาลูกเทพ” เรามาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กตาลูกเทพรูปแบบต่างๆ
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“ลูกเทพคัมแบ็ก” ปรากฏการณ์ครั้งนี้ไม่อาจเกิดขึ้น หากอย่างสายการบินแห่งหนึ่งไม่จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษ “เพิ่มที่นั่ง (Extra Seat) สำหรับตุ๊กตาลูกเทพ (Childs Angel) พร้อมบริการเหนือระดับ” ไม่เพียงเรียกแขกคนสำคัญอย่างบรรดาผู้เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพ ยังช่วงชิงพื้นที่สื่อทุกแขนงทุกตารางนิ้ว

ข่าวคราวการกลับมาของตุ๊กตาลูกเทพด้วยการกระพือโปรโมชันของภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งสายการบินไทย สมายล์, รถทัวร์ นครชัยแอร์, ร้านอาหาร Neta Grill, Barbecue plaza ฯลฯ กระหน่ำโปรโมชันโหนกระแสตุ๊กตาลูกเทพอย่างทันท่วงที

ไม่เพียงได้รับความสนใจเฉพาะในประเทศเท่านั้น สื่อต่างประเทศยังเฮละโลนำเสนอเป็นข่าวดังไปทั่วโลกกับนวัตกรรมจากศรัทธาแห่งไสยศาสตร์

แถมคราวนี้ “ตุ๊กตาลูกเทพ ไม่ได้มาเล่นๆ” เพราะดังเปรี้ยงปร้างเสียยิ่งกว่าตอนเกิดปรากฏการณ์ “ตุ๊กตาลูกเทพฟีเวอร์เมื่อกลางปี 2558” โดยเหล่าพ่อแม่อุปโลกน์ต่างพากันอุ้มชูประคบประหงมประหนึ่งลูกในทรวง พาออกเดินเฉิดฉายไม่ห่างกาย ไม่ว่าจะเข้าร้านอาหาร เดินชอปปิ้ง ลูกเทพหัวแก้วหัวแหวนมักถูกนำตัวไปด้วยเสมอ เพราะเชื่อกันว่าถ้าเลี้ยงดูดีๆ ตุ๊กตาลูกเทพ จะให้คุณกับผู้เลี้ยง ดลบันดาลโชคลาภเงินทอง ส่งผลต่อความศรัทธาหนุนนำให้ผู้เลี้ยงโอบอุ้มมันเสมือนเด็กน้อยผู้มีเลือดเนื้อมีลมหายใจคนหนึ่ง

ลูกเทพแผลงฤทธิ์?

ดูเหมือนความนิยมของตุ๊กตาลูกเทพจะเฟื่องฟูในยุคของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งก็อาจ สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่มีวี่แววว่าจะโงหัวขึ้น ไล่ลำดับตั้งแต่เมื่อกลางปี 2558 ที่บรรดาคนดังเริ่มอุ้มตุ๊กตาลูกเทพออกสื่อ บ้างถ่ายภาพคู่ลงอินสตาแกรม จนคนทั่วไปเริ่มให้ความสนใจซึ่งเป็นจุดเริ่มของปรากฏการณ์ตุ๊กตาลูกเทพฟีเวอร์

ทิ้งช่วงไม่นาน กระแสของตุ๊กตาลูกเทพเริ่มหดหายไปจากพื้นที่สื่อ จนเข้าสู่ต้นปี 2559 ดูเหมือนว่าลูกเทพแผลงฤทธิ์เสียจน บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ สายการบินในเครือบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ออกแถลงการณ์ใหญ่โตเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2559 ว่าจะออกตั๋วบินสำหรับตุ๊กตาลูกเทพ เพิ่มที่นั่งรวมทั้งบริการเครื่องดื่มอาหาร และต้องรัดเข็มขัดระหว่างเครื่องขึ้น-ลง เป็นแนวทางปฏิบัติสำหรับพนักงานต้อนรับและผู้เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารที่ขึ้นเครื่องพร้อมตุ๊กตาลูกเทพ

ความว่า...

“ขอชี้แจงดังนี้ เนื่องจากในระยะเวลา 1-2 เดือนที่ผ่านมา พบว่ามีผู้โดยสาร นำตุ๊กตาลูกเทพ ขึ้นเครื่องเป็นจำนวนมากกว่า 20 เคส ซึ่งในแง่ของการปฏิบัติตามกฎความปลอดภัย บางครั้งตุ๊กตามีขนาดใหญ่ ทางพนักงานต้อนรับบนเครื่องจะนำน้องไปไว้บนช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะ หรือใต้เก้าอี้ โดยในกรณีดังกล่าวนี้ ทางผู้โดยสารไม่อนุญาต ซึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อและความศรัทธาส่วนบุคคล อาจส่งผลให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องมีการกระทบกระทั่งกับผู้โดยสารได้

“ทางแผนกบริหารพนักงานต้อนรับ สายการบินไทยสมายล์ จึงได้ออกแนวทางการปฏิบัติให้แก่พนักงานต้อนรับบนเครื่อง โดยเป็นเอกสารภายในแผนก ซึ่งถือเป็นมาตรการพิเศษ เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในเบื้องต้นแก่พนักงานต้อนรับบนเครื่อง ตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องสามารถให้บริการ โดยเข้าใจที่มาที่ไปและสามารถใช้เป็นมาตรการปฏิบัติพิเศษ ให้มีการปฏิบัติต่อผู้โดยสารอย่างถูกต้องเหมาะสม ไม่ขัดต่อระเบียบความปลอดภัยบนเครื่อง”

“ทางสายการบินไทยสมายล์ ขอยืนยันว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารภายใน สำหรับให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องตลอดจนเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติในการให้บริการแก่ผู้โดยสารเพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งนี้ เพื่อความพึงพอใจของผู้โดยสาร ตลอดจนไม่เป็นการลบหลู่ความเชื่อส่วนบุคคล ในขณะเดียวกันก็ดำเนินการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎความปลอดภัยสากลทางการบิน”

นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ มีการเผยแพร่เอกสารข่าวสารด้านบริการ (Service Bulletin) หมายเลข SVC002 - 2016 ของไทยสมายล์เกี่ยวกับนโยบายการดูแลผู้โดยสารที่เดินทางพร้อมตุ๊กตาลูกเทพว่า สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ

1. แบบไม่ได้ซื้อที่นั่งเพิ่ม ให้พนักงานบริการเสมือนการถือสัมภาระขึ้นเครื่องบินปกติ (Carry-on baggage) โดยมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม และพนักงานผู้ทำการจองจะทำการระบุ SSR Note โดยจะระบุเป็น Childs Angel (พร้อมระบุจำนวนลูกเทพ) ซึ่งผู้โดยสารที่นำตุ๊กตาลูกเทพขึ้นเครื่อง จะไม่สามารถนั่ง Exit Row แถวที่ 41-42 และแถวที่ 34 ซึ่งสงวนสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ

2. แบบซื้อที่นั่งเพิ่ม (Extra Seat) ซึ่งผู้โดยสารสามารถซื้อบริการที่นั่งเพิ่มในการเดินทางสำหรับตุ๊กตาลูกเทพได้ โดยการจองนั้นพนักงานผู้ทำการจองจะใส่ข้อมูล (ตุ๊กตาลูกเทพ) เป็นข้อมูลเดียวกันกับผู้เดินทางด้วย และจะระบุ SSR Note โดยจะระบุเป็น Childs Angel (พร้อมระบุจำนวนลูกเทพ) ทุกครั้ง โดยผู้โดยสารที่มีตุ๊กตาลูกเทพจะสามารถนั่งได้เฉพาะแถวริมหน้าต่างเท่านั้น

นอกจากนี้ยังระบุถึงข้อควรระวัง และการบริการด้วยว่า ผู้โดยสารที่ซื้อที่นั่งเพิ่มสำหรับตุ๊กตาลูกเทพ (Extra Seat) จะได้รับอาหารว่างและเครื่องดื่มตามปกติ และตุ๊กตาลูกเทพจะต้องนั่งรัดเข็มขัดระหว่างเครื่องขึ้นและลงด้วย

คล้อยหลังโปรโมชั่นของสายการบินดังกล่าวเผยแพร่ออกไป หลายธุรกิจต่างร่อนแถลงการณ์เอาใจลูกค้าทันควัน อาทิ บริษัท นครชัยแอร์ จำกัด พร้อมเปิดขายบัตรโดยสารตุ๊กตาลูกเทพให้กับลูกค้าที่จะเดินทางในทุกเส้นทาง โดยขอให้พนักงานทุกคนให้บริการตุ๊กตาลูกเทพเหมือนผู้โดยสารคนหนึ่ง เพื่อให้การบริการลูกค้าครอบคลุมและเท่าเทียมกันทุกกลุ่มคนดินทาง รวมทั้งร้านอาหารต่างๆ ที่พร้อมให้บริการแก่ตุ๊กตาลูกเทพดุจลูกค้าคนพิเศษ

ครึกโครมเป็นข่าวใหญ่ จนนักข่าวนำประเด็นตุ๊กตาลูกเทพ ไปถามไถ่ “บิ๊กตู่” เพราะเห็นว่ารัฐบาลกำลังแบกรับปัญหาเรื่องยางพารา เลยเสนอแนวทางนำยางพารามาผลิตตุ๊กตาลูกเทพที่กำลังได้รับความนิยม
ตำรวจจับตุ๊กตาลูกเทพหนีภาษี
ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ออกมากล่าวแสดงความกังวลใจ กรณีสายการบินเปิดบริการพิเศษจองที่นั่งสำหรับตุ๊กตาลูกเทพ เนื่องจากอาจเป็นช่องทางในการลักลอบขนยาเสพติดหรือสิ่งผิดกฎหมาย เพราะที่ผ่านมาเคยมีการตรวจพบการกระทำความผิดในลักษณะการซุกซ่อนยาเสพติไว้ข้างในตัวตุ๊กตา

และคล้อยหลังเพียงวันเดียว ก็มีการเผยแพร่ข่าวตำรวจปราบปรามยาเสพติดเชียงใหม่ บุกเข้ายึดยาบ้าจำนวนยาบ้า 200 เม็ด ที่ซุกซ่อนภายในตุ๊กตาลูกเทพ บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่

แม้กระทั่งภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่อง The Boy (ชื่อภาษาไทย : ตุ๊กตาซ่อนผี) กำหนดเข้าฉาย 28 มกราคม ที่ผ่านมา ก็เข้าฉายจังหวะเหมาะเหม็งโหนกระแสลูกเทพอย่างมีลีลา อย่างเช่นจั่วหัวเชิญชมภาพยนตร์ “ผวาบรามส์น้องลูกเทพ หลอนสะท้านทรวง” ความฮอตฮิตของลูกเทพถูกใช้เป็นกิมมิคไปโดยปริยาย

ยิ่งไปกว่านั้น สำนักไสยศาสตร์บางแห่งยังจัดโปรโมชั่นตุ๊กตาลูกเทพเวอร์ชั่นพิเศษ เสนอขายสูงสุดตัวละแสนเลยทีเดียว โดยนำมวลสารกระดูกคนตายจากป่าช้า และสุสานศพไร้ญาติ นำใส่ขวดแก้วเล็กๆ ทำไสยศาสตร์ยัดใส่ในตัวตุ๊กตา อวดอ้างเพิ่มความขลังให้คุณแก่ผู้ครอบครอง สำนักไสยศาสตร์ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง ตั้งราคาขาย 500 - 2,000 บาท ขณะที่สำนักชื่อดังจะตั้งราคาขายสูงกว่า ประมาณ 3,000 - 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับมวลสารที่ใช้ปลุกเสก “ตุ๊กตาลูกเทพสายมาร”
สื่อต่างประเทศรายงานกระแสการบูชาตุ๊กตาลูกเทพของไทย
ตุ๊กตาลูกเทพเวอร์ชันใหม่ “สายมาร” ที่บรรจุกระดูกคนตายราคาหลักแสน โดยลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุด คือ “ชาวจีนและไต้หวัน”
กุมารทอง รีบอนด์

ตุ๊กตาลูกเทพถูกดัดแปลงมาจาก ตุ๊กตารีบอนด์ (Reborn baby dolls) ผลิตจากไวนิลชนิดซอฟต์มีความนิ่มในตัวและผลิตออกมาให้ดูคล้ายเด็กจริง ทั้งแววตา สีผิว ฯลฯ เปรียบดังนวัตกรรมแห่งความศรัทธา ไสยศาสตร์มนต์ดำที่ยุคสมัยขัดเกลารูปลักษณ์ให้ง่ายต่อการเข้าถึง

แต่เดิมสังคมไทยคุ้นเคยกับ กุมารทอง เครื่องรางของขลังปลุกเสกจากศพทารก เชื่อว่าเมื่อเลี้ยงดูเขาจะให้คุณให้โชคลาภแก่ผู้เลี้ยง ซึ่งอาจจะดูน่ากลัวไปเสียหน่อยสำหรับการนำมาเลี้ยงดูบูชาในยุคนี้ แต่พอมาเป็น ตุ๊กตาลูกเทพ ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูน่ารักเสมือนเด็กจริงๆ ขณะเดียวกัน รากลึกในเรื่องความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ยังฝังแน่นในสังคมไทย จึงย่อมได้รับความสนใจเป็นธรรมดา

ต้นกำเนิดของตุ๊กตาลูกเทพยังไม่มีการยืนยันอย่างชัดเจน แต่โดยคำกล่าวอ้างจาก ร่างทรงพระแม่อุมาเทวี มนัญญา บุญมี หรือที่เรียกกันว่า แม่หนิง ได้เล่าว่า ลูกเทพตัวแรกเกิดขึ้นมานานกว่า 13 ปีแล้ว โดยการนั่งสมาธิอธิษฐานจิตฝังในตุ๊กตาเด็กผู้หญิง ชื่อ “พลอย”ซึ่งเปรียบเหมือนลูกน้อยอีกคนหนึ่ง และเชื่อว่าลูกเทพตัวนี้มาช่วยปรับนิสัยของลูกชายของเธอจากเด็กเกเรจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบ

คล้ายๆ ว่า ตุ๊กตาลูกเทพตัวแรกในประเทศไทย เกิดจากร่างทรงของพระแม่อุมาเทวี จึงเรียกว่า “ลูกเทพ”

แม่หนิงให้นิยามตุ๊กตาลูกเทพเอาไว้ว่า

“ลูกเทพไม่เหมือนกุมารทั่วไป ที่ต้องเอาไว้บนหิ้ง ต้องถวายน้ำแดง ต้องใส่ชุดไทย ลูกเทพคือตุ๊กตาที่เราทำพิธีอธิษฐานจิตขึ้นมาแล้วใส่อยู่ในตุ๊กตา เราเลี้ยงเค้าได้เหมือนลูก พาไปเที่ยว พาไปทำบุญได้เหมือนเลี้ยงเด็กคนหนึ่ง”

ต่อมาถูกปลุกกระแสจากหมอดูชื่อดัง หมอแม็ค ขั้นเทพ เจ้าของเฟซบุ๊กแฟนเพจ บ้านลูกเทพ ผู้อ้างว่าได้ยินความคิดของตุ๊กตาตัวหนึ่งว่าอยากขอมาอยู่ด้วย จากนั้นจึงรับมาเลี้ยงดูพร้อมกับนำไปให้พระอาจารย์ที่นับถือช่วยปลุกเสก ปรากฏว่าตุ๊กตาลูกเทพได้ให้คุณมอบสิ่งดีๆ หลายอย่าง ทั้งยังย้ำเสมอว่า ตุ๊กตาลูกเทพต่างจากพวก กุมารทอง หรือ ลูกกรอก ที่จะใช้วัสดุจากส่วนประกอบของศพ หรือจำพวก ดินเจ็ดป่าช้า ผ้าห่อศพ ฯลฯ

“การที่เราจะมารับน้องๆ บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าน้องไม่ใช่กุมาร / กุมารี เราเลี้ยงเค้าด้วยความรัก ความเอาใจใส่ ที่อยากจะรับเค้ามาเลี้ยง เราก็สามารถพูดคุยและขอเค้าได้ เค้าจะช่วยเราได้แทบทุกเรื่อง ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ตอนนั้นว่าเค้าจะช่วยเราได้แค่ไหน” หมอแม็ค ขั้นเทพ ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อในตอนหนึ่ง

ต่อมาบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงสังคมเริ่มนำ ตุ๊กตาลูกเทพ มาเลี้ยงแล้วโพสต์ภาพอวดโฉมผ่านสังคมออนไลน์ อาทิ ดีเจบุ๊คโก๊ะ- ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล กับ น้องวันใส, ไฮโซม่านฟ้า - อรปภัตร จันทรสาขา กับ น้องน่านฟ้า, กัสจัง - จีราร์ พิทักษ์พรตระกูล กับ น้องตาหวาน หรืออย่าง ดัง - พันกร บุณยะจินดา นักร้องชื่อดัง ที่เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพถึง 4 ตัว โดยให้เหตุผลว่าถ้าเลี้ยงตัวเดียวกลัวลูกเทพของตนจะเหงา

นับแต่นั้นเป็นต้นมา ตุ๊กตาลูกเทพ เริ่มแพร่หลายระบาดโดยเฉพาะในสังคมเมือง จนเกิดกระแสฟีเวอร์ มีร้านจำหน่ายหลายร้อยเจ้า ทั้งจำหน่ายตุ๊กตาเพียงอย่างเดียว และรับดัดแปลงลงอักขระ เจิมเบิกเนตร ชุบชีวิตเป็นตุ๊กตาลูกเทพ พร้อมจัดโปรโมชันเอาใจผู้เลี้ยงอย่างชื่นมื่น

สำหรับราคาแบ่งตามยี่ห้อตามเกรดตามรุ่นซึ่งมีให้เลือกหลายหลายราคา อาทิ ยี่ห้อ Reborn ราคาประมาณ 9,000 - 30,000 บาท ,ยี่ห้อ Adora ราคาประมาณ 5,000 - 10,000 บาท, ยี่ห้อ Madarm 1,000 - 5,000 บาท ฯลฯ ส่วนค่าพิธีกรรมกำเนิดลูกเทพนั้นเริ่มต้นตั้งแต่ ไม่เสียค่าใช้จ่าย ไปจนถึง 20,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าผู้เลี้ยงใช้บริการสำนักใด หรือนำไปให้พระเกจิวัดไหวทำพิธี

ยกตัวอย่าง วัดบัวขวัญ อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังกระแสตุ๊กตาลูกเทพกลับเพราะโปรโมชั่นของภาคธุรกิจการบินข้างต้น ประชาชนแห่แหนนำตุ๊กตาลูกเทพเดินทางเพื่อให้ “ทำพิธีเบิกเนตรและลงอักขระในตัวตุ๊กตาลูกเทพ” โดยพระอาจารย์วินัย ฐิตปญฺโญ อายุ 63 ปี พระลูกวัดบัวขวัญ เป็นผู้ทำพิธีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งท่านเองก็ย้ำเตือนผู้เลี้ยงลูก เทพว่า อย่าเลี้ยงตามกระแส ให้เลี้ยงด้วยความรักความเมตตาเสมือนเป็นคนในครอบครัว และสิ่งสำคัญผู้เลี้ยงต้องมีสัจจะปฏิบัติตัวอยู่ในศีลธรรมที่ดีไม่เล่นการพนันหมกมุ่นในอบายมุข

พระอาจารย์วินัย กล่าวผ่านสื่อมวลชนว่าที่ตนทำการเบิกเนตรตุ๊กตาลูกเทพ ก็เพื่อให้ผู้เลี้ยงได้ตระหนักถึงคุณงามความดีที่พึงกระทำ โดยไม่เคยคิดค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแม่บ้าน แม่ค้า ผู้สูงอายุ ลดระดับลงมาเรื่อยๆ จนถึงกลุ่มนักศึกษา รวมทั้งเหล่าดาราคนดังในแวดวงบันเทิงเมืองไทย ที่นิยมเลี้ยงไว้เป็นของขลังบูชาติดตัวและเป็นเพื่อนแก้เหงา

ปรากฏการณ์ตุ๊กตาลูกเทพฟีเวอร์ พบเห็นผู้เลี้ยงอุ้มไปเดินห้างสรรพสินค้าบ้าง พาไปนั่งกินสุกี้ในร้านดังบ้าง ฯลฯ แต่ไม่นานไอเทมแห่งศรัทธาถูกลดความนิยมลงตามกาลเวลา

ทว่า ลูกเทพยังไม่สิ้นลายเพราะ (ผู้เลี้ยง)ตุ๊กตาลูกเทพ พากันสร้างวีรกรรมแสบ ความที่พวกเข้าต้องการเลี้ยง “น้อง” (สรรพนาม เรียก ตุ๊กตาลูกเทพ) ราวกับสิ่งมีชีวิต จึงเกิดความชุลมุนในเรื่องกิจวัตรประจำวันของบรรดาลูกเทพ ทั้งการรับประทานอาหาร การเดินทางด้วยขนส่งมวลชน แม้กระทั่งที่นั่งชมภาพยนตร์ในโรงหนัง ฯลฯ
ภาคธุรกิจที่หันมาเล่นกับกระแสลูกเทพ


เป็นผลพวงให้ธุรกิจตุ๊กตาลูกเทพฟีเวอร์ ทั้งร้านจำหน่ายเสื้อผ้า แต่งหน้าทำผม รวมทั้งภาคธุรกิจที่ชิงเด่นจัดโปรโมชั่นโหนกระแส รวมทั้งเกิดบริการแปลกๆ แบบโอเวอร์ๆ โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์มีทั้งผู้ให้บริการเลี้ยงลูกเทพ รับจ้างเลี้ยงดูเป็นชั่วโมง (500 บาท : ชั่วโมง) พร้อมบริการป้อนข้าวป้อนน้ำ แม้กระทั้ง ให้บริการด้านการศึกษาและกิจกรรมสันทนาการ อย่าง สอนหนังสือ สอดวาดภาพ สอนเต้นลีลาศ ฯลฯ (ซึ่งส่วนใหญ่ต้องการเสียดสีผู้เลี้ยงตุ๊กตาลูกเทพที่กู่ไม่กลับเสียมากกว่า)

ศรัทธามีวันหมดอายุ

อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ได้ติดตามประเด็นตุ๊กตามลูกเทพมาโดยตลอด ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเชื่อในเรื่องเครื่องรางของขลัง รวมไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังคงได้รับความนิยมเนื่องเพราะใช้ตอบสนองความต้องการบางอย่างของมนุษย์

อ.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตุ๊กตาลูกเทพไว้ความว่า วัตถุ สิ่งของที่นิยมนำมาเคารพบูชามักจะเปลี่ยนรูปแบบภายนอกไปเรื่อยๆ ดังนั้นเปลี่ยนจากกุมารทองในรูปแบบเดิมเป็นตุ๊กตาลูกเทพ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล

“โลกปัจจุบันกลายเป็นว่าความเร็วเป็นความดี เพราะคนไม่มีความอดทน ไสยศาสตร์มันมาตอบโจทย์ตรงนี้เป๊ะ ถ้าเรามัวแต่ทำงาน กว่าเราจะรวยเป็น 10 ปี แต่วันหนึ่งฉันซื้อกุมารทองในราคาไม่กี่บาท เดี๋ยวกูรวยเลย มันกลายเป็นตัวช่วยที่แมตช์กับคุณค่าโลกสมัยใหม่พอดี โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมืองกรุง คนชั้นกลางต้องการสิ่งนี้มาก ชีวิตในกรุงเทพฯ เราก็รู้ว่าถ้าไม่เร็วชีวิตแย่เลย อะไรที่ทำให้เร็วกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ผมมองว่ามันเป็นปัญหา เพราะมันไม่ได้มองชีวิตตามความเป็นจริง อยากได้เร็วทุกอย่าง แม้กระทั่งความรวย สุดท้ายของพวกนี้เลยกลับมาบูม มันไม่ใช่เรื่องใหม่ครับ มันอยู่คู่สังคมไทยมานานแล้ว เพียงแต่ตัวรูปแบบภายนอกมันอาจจะทำให้เกิดความน่าสนใจ ความสะดุดตา อีกส่วนหนึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องการตลาดของสำนักต่างๆ ที่ใช้สื่อสมัยใหม่เข้ามาจนเกิดเป็นเทรนด์ใหม่ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ เดี๋ยวมันก็หายไป”

ขณะที่หากพิจารณาในแง่การตลาด อ.กอบกิจ ประดิษฐผลพานิช หัวหน้าสาขาการสื่อสารการตลาด คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ได้กล่าวอ้างอิงถึง ดร.สุวรรณ จันทิวาสารกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านปรากฏการณ์ทางสังคม ซึ่งวิเคราะห์ปรากฏการณ์ตุ๊กตาลูกเทพเอาไว้ว่า เป็นเรื่องปกติใน “สังคมอุดมความเชื่อ” อย่างเช่นประเทศไทย มีความคล้ายกับปรากฏการณ์โหยหาสิ่งเหนือธรรมชาติในยามที่เศรษฐกิจ หรือ มนุษย์เกิดความเครียด ซึ่งปรากฏการณ์จะเกิดเสมอในทุก ๆ สังคม

อย่างเช่นประเทศไทยในปัจจุบันนี้ทุกคนตกอยู่ในภาวะความเครียดทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม หุ้นทำสถิติดิ่งลงในทุกสัปดาห์ ข่าวปลดพนักงานฝ่ายผลิต ลดโบนัส ย้ายฐานการผลิต โรงงานอุตสาหกรรมปิดตัว ปัญหาแรงงาน คนไทยทำงานปากกัดตีนถีบกันมากขึ้นแค่เพียงเพื่อที่จะเอาชีวิตรอดไปวันๆ ภาวะตึงเครียดเช่นนี้ ทำให้สังคมต้องการที่เกาะยึดที่มากกว่าเดิม จนเกิดมาเป็นตุ๊กตาลูกเทพนี้เอง

สำหรับภาคธุรกิจที่จัดโปรโมชั่นสำหรับตุ๊กตาลูกเทพ สร้างกระแสลูกเทพ เพื่อช่วงชิงพื้นที่สื่อ ให้สามารถนำเสนอแบรนด์ตัวเองในสื่อต่างๆ ได้นั้น ถึงแม้ว่าจะได้พื้นที่สื่อฟรี แต่อีกมุมหนึ่งก็ได้รับผลกระทบทางลบต่อแบรนด์เช่นกัน แบรนด์ที่ไปข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ จะได้รับภาพลักษณ์ไปด้วยว่า 'เชื่อในสิ่งที่จับต้องไม่ได้' ซึ่งจะนำไปสู่การรับรู้ต่อแบรนด์ว่า เป็นแบรนด์ที่เข้าถึงยาก ดูงมงาย มีสิ่งเร้นลับเกาะเกี่ยวอยู่

“ลูกเทพกับกุมารทองซึ่งมีมาแต่เดิมนั้น มีความคล้ายกันมาก นวัตกรรมที่เพิ่มขึ้นคือลูกเทพมีฟังก์ชั่นการพกพาไปด้วย เพราะเป็นตุ๊กตาแบบทั่วไปที่อุ้มได้ ตกไม่แตก ไม่เหมือนกุมารทองที่ส่วนมากเป็นปูนปั้น ซึ่งเรื่องการพกพาไปด้วยนี้ คือจุดที่ทำให้ลูกเทพดัง เพราะการพกพาไปด้วย ทำให้คนเห็นมาก และเกิดกระแสตาม ๆ กัน รวมไปถึงเกิดภาพข่าวออกสื่อต่าง ๆ ทำให้หลายต่อหลายแบรนด์เอาเล่นเป็นกระแสต่ออีกด้วย ซึ่งกรณีลูกเทพไม่ต่างอะไรกับการเห่อพวงกุญแจสัตว์เลี้ยงอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง ทามาก็อตจิ ที่กระแสมาแล้วก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“ถ้าเอาแว่นพระพุทธศาสนามาใส่แล้วมองเรื่อง ลูกเทพ หรือ กุมารทอง ก็คงมองได้ว่า ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปเพื่อการหลุดพ้น ยิ่งถ้าสิ่งนั้นทำให้เกิดมิจฉาทิฐิ เชื่อในการอ้อนวอน การดลบันดาล มากกว่าเรื่องกรรม อันนั้นก็ยิ่งไปกันใหญ่ ย่อมไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง และ การนำไปใช้ให้คนเห็นก็ยิ่งเป็นการสื่อสารให้คนเกิดมิจฉาทิฐิมากขึ้น แต่ถ้ามองว่าเป็นของเล่นแบบตุ๊กตาเฟอร์บี้ อันนั้นก็จะมองได้ว่าเป็นสิทธิอันชอบของเขา ที่จะซื้อหาของเล่นไว้เพื่อความบันเทิง ในพระพุทธศาสนาเรามองว่าให้พิจารณาตัวเองก่อนสิ่งอื่นใด จึงอยากจะให้ผู้ที่สนใจเรื่องลูกเทพพิจารณารูปแบบการใช้ลูกเทพสำหรับตัวเองก่อน ว่าเป็นไปเพื่อความหลงหรือเพื่อความบันเทิง” อ.กอบกิจฝากความเห็นเอาไว้ให้ได้คิดทิ้งท้าย



กำลังโหลดความคิดเห็น