ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ข่าวศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง 3 ผู้ต้องหา คดีปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุมกปปส.จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 คงทำให้มวลชนแนวร่วม กปปส.ตกตะลึงกันไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจะรอด
เหตุการณ์ปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุมกลุ่ม กปปส.เกิดขึ้นถี่ยิบ ในระหว่างปี 2556 ถึง 2557 โดยตำรวจไม่สามารถให้ความคุ้มครองดูแลผู้ชุมนุมได้ และในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีการจับกุมคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว
กลุ่ม กปปส.ทำใจกันแล้ว สำหรับการลอบทำร้าย การปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุม และเลิกหวังการพึ่งพาตำรวจ โดยพร้อมเผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงซึ่งถูกบงการจากคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตอำมหิต
แต่การลอบปาระเบิดที่สร้างความสลดใจให้คนทั้งประเทศมีอยู่ 2 เหตุการณ์คือ การปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุม กปปส.ที่ตลาดยิ่งเจริญ อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ซึ่งมีเด็กถูกลูกหลงเสียชีวิต 2 คน สตรี 1 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 33 คน
ส่วนอีกเหตุการณ์ เกิดขึ้นที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ บริเวณราชประสงค์ ซึ่งมีเด็กไร้เดียงสาและเป็นพี่น้องกันเสียชีวิต 2 คน ทำให้พ่อและแม่ต้องหมดสิ้นทายาทในเหตุการณ์เดียวกัน
ทั้งสองเหตุการณ์สามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่จับได้ภายหลังจากการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
คดียิงระเบิดเอ็ม 79 หน้าห้างฯบิ๊กซี เช้าตรู่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 จับคนร้ายได้ 4 คน อยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 3 คนโดยคนร้ายทั้ง4 ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และต้องชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 5 แสนบาท
คดีปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราด จับผู้ต้องหาได้ 3 คน พร้อมของกลาง รถที่ใช้ก่อเหตุ อาวุธสงคราม และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยช่วงการจับกุม 1 ใน3 ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นคนปาระเบิด
ระหว่างการบุกเข้าจับกุมคดีปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราด มีนาวิกโยธินทหารเรือ ต้องพลีชีพ 1 นาย โดยคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุต่อสู้ และใช้อาวุธปืนยิงนาวิกโยธิน ก่อนหลบหนีเข้ากลีบเมฆ จนวันนี้ยังจับตัวไม่ได้
การปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริและตลาดยิ่งเจริญ จังหวัดตราด ถูกสังคมรุมประณามอย่างรุนแรง เพราะถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรม ไม่คำนึงถึงผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง และไม่เว้นแม้แต่เด็กไร้เดียงสา
คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุถูกสาปแช่งอย่างหนัก และขอให้เวรกรรมตามทัน
เมื่อมีข่าวว่า จับกุมคนร้ายได้ สังคมเริ่มมีความรู้สึกที่ดีขึ้น และหวังว่า จะมีการสอบเค้น เพื่อสาวถึงตัวผู้บงการ แต่ความเคลื่อนไหวของคดีก็หยุดอยู่เพียงแค่การจับกุมคนร้ายได้เท่านั้น
ส่วนผู้บงการที่มีความอำมหิตถือว่า น่าจะลอยนวลไปตลอดกาลแล้ว เว้นแต่เวรกรรมจะมีจริงเท่านั้น จึงจะได้เห็นผู้บงการต้องรับกรรม ไม่ว่าจะหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม
3 ผู้ต้องหาปาระเบิดใส่เวที กปปส.จังหวัดตราด เมื่อมีการรับสารภาพ และถูกจับพร้อมหลักฐานของกลางมากมาย สังคมจึงตัดสินไปล่วงหน้าแล้ว ต้องเจอโทษหนักแน่ อาจถึงขั้นประหาร
ไม่มีใครคิดว่า มือปาระเบิดพรากชีวิตเด็กจะรอด
แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ถือว่าผู้ต้องหาคดีปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราดรอดหมดแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี ในคดีครองอาวุธสงคราม ส่วนคดีปาระเบิด ศาลยกฟ้อง เพราะหลักฐานโจทย์ไม่ชัด
และคดีนี้ อัยการจังหวัดตราด ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ทั้งที่คดีใหญ่ เป็นข่าวครึมโครม และสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ ไม่มีเหตุผลใดที่อัยการจะไม่อุทธรณ์
ไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใดๆในคำตัดสินของศาล เพราะพิจารณาไปตามสำนวน ตามพยานและหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งไป
แต่สิ่งที่ติดใจสงสัยอยู่ที่ขั้นตอนการสอบสวน การรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ และการทำสำนวนของอัยการ เพราะเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้ผู้ต้องหาปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุม กปปส.หลุดคดีทั้งหมด
ถ้าผู้ต้องหาปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราดที่ถูกจับได้พร้อมของกลางลอยนวลไป คงไม่ต้องตามล่าคนร้ายปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราดที่ไหนอีกแล้ว
ส่วนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ต้องถือว่าตายฟรี โดยญาติพี่น้องที่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจะไม่ได้รับการชดใช้ได้ สำหรับผู้บาดเจ็บ ต้องถือว่าเป็นคราวซวย เจ็บฟรีไป
ทหารเรือที่ยกกำลังไปล้อมจับคนร้าย จนต้องพลีชีพไป 1 ราย ต้องถือว่าเหนื่อยเปล่า ความรู้สึกเศร้าสลดของสังคม จากเหตุการณ์อำมหิตก็ไม่ได้รับการเยียวยา
อย่างไรก็ตาม คดีปาระเบิด กปปส.ที่จังหวัดตราด ยังไม่สิ้นสุด เพราะยังมีขั้นตอนการอุทธรณ์และฎีกา ซึ่งไม่ควรวางใจในการทำงานของอัยการ
เพราะการที่ 3 ผู้ต้องหาหลุดในศาลชั้นต้น ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้แล้วว่า น่าจะมีการตรวจสอบขั้นตอนการสอบสวนของตำรวจและการทำสำนวนของอัยการ
ระเบิดที่ถูกลอบยิงและลอบปาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ช่วงระหว่างปี 2556 ถึง 2557 ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องถือว่า กปปส.เป็นผู้เสียหาย เป็นเจ้าทุกข์ จึงต้องติดตามขั้นตอนการดำเนินคดี ตรวจสอบการทำงานของตำรวจและอัยการอย่างใกล้ชิด
และคนที่ควรทำหน้าที่ เป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่น้อง กปปส. รับอาสาเป็นเจ้าทุกข์ในทุกคดีของ กปปส. ไม่มีใครเหมาะสมกว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ
มวลชนนับสิบล้านคนที่ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ยอมเหน็ดยอมเหนื่อย ลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เพราะความศรัทธานายสุเทพ
พี่น้องที่บาดเจ็บล้มตายด้วยน้ำมือของกลุ่มคนในระบอบทักษิณ ก็เพราะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนายสุเทพ
ถ้างานไม่ยุ่งจนเกินไป ถ้าไม่มีธุระอะไรมากมาย ลุงกำนันของชาว กปปส. ควรตามติดการอุทธรณ์คดีปาระเบิด กปปส.ที่ตราด
จะถือโอกาส รื้อฟื้นคดีลอบทำร้าย ลอบยิง ลอบปาระเบิดกลุ่มชุมนุม กปปส.ที่เกิดขึ้นยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ในทุกกรณีก็ยิ่งดี
พี่น้อง กปปส.คงไม่ขออะไรมากมายจากนายสุเทพ ขอเพียงให้ช่วยทำหน้าที่ตามชำระบัญชีกลุ่มคนที่ทำร้ายพี่น้อง กปปส.เท่านั้น แต่จะขอมากไปหรือเปล่านี่
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ข่าวศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง 3 ผู้ต้องหา คดีปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุมกปปส.จังหวัดตราด เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2557 คงทำให้มวลชนแนวร่วม กปปส.ตกตะลึงกันไม่น้อย เพราะไม่คิดว่าผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจะรอด
เหตุการณ์ปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุมกลุ่ม กปปส.เกิดขึ้นถี่ยิบ ในระหว่างปี 2556 ถึง 2557 โดยตำรวจไม่สามารถให้ความคุ้มครองดูแลผู้ชุมนุมได้ และในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่มีการจับกุมคนร้ายได้แม้แต่คนเดียว
กลุ่ม กปปส.ทำใจกันแล้ว สำหรับการลอบทำร้าย การปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุม และเลิกหวังการพึ่งพาตำรวจ โดยพร้อมเผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงซึ่งถูกบงการจากคนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตอำมหิต
แต่การลอบปาระเบิดที่สร้างความสลดใจให้คนทั้งประเทศมีอยู่ 2 เหตุการณ์คือ การปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุม กปปส.ที่ตลาดยิ่งเจริญ อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ซึ่งมีเด็กถูกลูกหลงเสียชีวิต 2 คน สตรี 1 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 33 คน
ส่วนอีกเหตุการณ์ เกิดขึ้นที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริ บริเวณราชประสงค์ ซึ่งมีเด็กไร้เดียงสาและเป็นพี่น้องกันเสียชีวิต 2 คน ทำให้พ่อและแม่ต้องหมดสิ้นทายาทในเหตุการณ์เดียวกัน
ทั้งสองเหตุการณ์สามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่จับได้ภายหลังจากการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
คดียิงระเบิดเอ็ม 79 หน้าห้างฯบิ๊กซี เช้าตรู่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2557 จับคนร้ายได้ 4 คน อยู่ระหว่างการหลบหนีอีก 3 คนโดยคนร้ายทั้ง4 ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต และต้องชดใช้ค่าเสียหายประมาณ 5 แสนบาท
คดีปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราด จับผู้ต้องหาได้ 3 คน พร้อมของกลาง รถที่ใช้ก่อเหตุ อาวุธสงคราม และเอกสารที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยช่วงการจับกุม 1 ใน3 ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นคนปาระเบิด
ระหว่างการบุกเข้าจับกุมคดีปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราด มีนาวิกโยธินทหารเรือ ต้องพลีชีพ 1 นาย โดยคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุต่อสู้ และใช้อาวุธปืนยิงนาวิกโยธิน ก่อนหลบหนีเข้ากลีบเมฆ จนวันนี้ยังจับตัวไม่ได้
การปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่หน้าห้างบิ๊กซี ราชดำริและตลาดยิ่งเจริญ จังหวัดตราด ถูกสังคมรุมประณามอย่างรุนแรง เพราะถือเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม ไร้มนุษยธรรม ไม่คำนึงถึงผู้บริสุทธิ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง และไม่เว้นแม้แต่เด็กไร้เดียงสา
คนที่บงการอยู่เบื้องหลัง คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุถูกสาปแช่งอย่างหนัก และขอให้เวรกรรมตามทัน
เมื่อมีข่าวว่า จับกุมคนร้ายได้ สังคมเริ่มมีความรู้สึกที่ดีขึ้น และหวังว่า จะมีการสอบเค้น เพื่อสาวถึงตัวผู้บงการ แต่ความเคลื่อนไหวของคดีก็หยุดอยู่เพียงแค่การจับกุมคนร้ายได้เท่านั้น
ส่วนผู้บงการที่มีความอำมหิตถือว่า น่าจะลอยนวลไปตลอดกาลแล้ว เว้นแต่เวรกรรมจะมีจริงเท่านั้น จึงจะได้เห็นผู้บงการต้องรับกรรม ไม่ว่าจะหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ที่ไหนในโลกก็ตาม
3 ผู้ต้องหาปาระเบิดใส่เวที กปปส.จังหวัดตราด เมื่อมีการรับสารภาพ และถูกจับพร้อมหลักฐานของกลางมากมาย สังคมจึงตัดสินไปล่วงหน้าแล้ว ต้องเจอโทษหนักแน่ อาจถึงขั้นประหาร
ไม่มีใครคิดว่า มือปาระเบิดพรากชีวิตเด็กจะรอด
แต่คำพิพากษาของศาลชั้นต้น ถือว่าผู้ต้องหาคดีปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราดรอดหมดแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี ในคดีครองอาวุธสงคราม ส่วนคดีปาระเบิด ศาลยกฟ้อง เพราะหลักฐานโจทย์ไม่ชัด
และคดีนี้ อัยการจังหวัดตราด ก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า จะยื่นอุทธรณ์หรือไม่ ทั้งที่คดีใหญ่ เป็นข่าวครึมโครม และสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ ไม่มีเหตุผลใดที่อัยการจะไม่อุทธรณ์
ไม่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ใดๆในคำตัดสินของศาล เพราะพิจารณาไปตามสำนวน ตามพยานและหลักฐานที่ตำรวจและอัยการส่งไป
แต่สิ่งที่ติดใจสงสัยอยู่ที่ขั้นตอนการสอบสวน การรวบรวมพยานหลักฐานของตำรวจ และการทำสำนวนของอัยการ เพราะเป็นต้นตอสำคัญที่ทำให้ผู้ต้องหาปาระเบิดใส่เวทีการชุมนุม กปปส.หลุดคดีทั้งหมด
ถ้าผู้ต้องหาปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราดที่ถูกจับได้พร้อมของกลางลอยนวลไป คงไม่ต้องตามล่าคนร้ายปาระเบิด กปปส.จังหวัดตราดที่ไหนอีกแล้ว
ส่วนผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ต้องถือว่าตายฟรี โดยญาติพี่น้องที่ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจะไม่ได้รับการชดใช้ได้ สำหรับผู้บาดเจ็บ ต้องถือว่าเป็นคราวซวย เจ็บฟรีไป
ทหารเรือที่ยกกำลังไปล้อมจับคนร้าย จนต้องพลีชีพไป 1 ราย ต้องถือว่าเหนื่อยเปล่า ความรู้สึกเศร้าสลดของสังคม จากเหตุการณ์อำมหิตก็ไม่ได้รับการเยียวยา
อย่างไรก็ตาม คดีปาระเบิด กปปส.ที่จังหวัดตราด ยังไม่สิ้นสุด เพราะยังมีขั้นตอนการอุทธรณ์และฎีกา ซึ่งไม่ควรวางใจในการทำงานของอัยการ
เพราะการที่ 3 ผู้ต้องหาหลุดในศาลชั้นต้น ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้แล้วว่า น่าจะมีการตรวจสอบขั้นตอนการสอบสวนของตำรวจและการทำสำนวนของอัยการ
ระเบิดที่ถูกลอบยิงและลอบปาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ช่วงระหว่างปี 2556 ถึง 2557 ในยุครัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ต้องถือว่า กปปส.เป็นผู้เสียหาย เป็นเจ้าทุกข์ จึงต้องติดตามขั้นตอนการดำเนินคดี ตรวจสอบการทำงานของตำรวจและอัยการอย่างใกล้ชิด
และคนที่ควรทำหน้าที่ เป็นเดือดเป็นร้อนแทนพี่น้อง กปปส. รับอาสาเป็นเจ้าทุกข์ในทุกคดีของ กปปส. ไม่มีใครเหมาะสมกว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ
มวลชนนับสิบล้านคนที่ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย ยอมเหน็ดยอมเหนื่อย ลุกฮือขึ้นมาขับไล่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็เพราะความศรัทธานายสุเทพ
พี่น้องที่บาดเจ็บล้มตายด้วยน้ำมือของกลุ่มคนในระบอบทักษิณ ก็เพราะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนายสุเทพ
ถ้างานไม่ยุ่งจนเกินไป ถ้าไม่มีธุระอะไรมากมาย ลุงกำนันของชาว กปปส. ควรตามติดการอุทธรณ์คดีปาระเบิด กปปส.ที่ตราด
จะถือโอกาส รื้อฟื้นคดีลอบทำร้าย ลอบยิง ลอบปาระเบิดกลุ่มชุมนุม กปปส.ที่เกิดขึ้นยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ในทุกกรณีก็ยิ่งดี
พี่น้อง กปปส.คงไม่ขออะไรมากมายจากนายสุเทพ ขอเพียงให้ช่วยทำหน้าที่ตามชำระบัญชีกลุ่มคนที่ทำร้ายพี่น้อง กปปส.เท่านั้น แต่จะขอมากไปหรือเปล่านี่
