xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ทักษิณ” คิด “บิ๊กตู่” ทำ ให้นายทุนเช่าที่หลวง 99 ปี วิญญาณปู่ก็ร้อง....ลูกหลานไทยก็ร้อง...

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เป็นรัฐบาลที่ออกนโยบายเสมือนคนอับจนสิ้นหนทาง คิดอะไรไม่ออก สุดท้ายก็ประกาศเอาที่ดินมรดกตกทอดสมบัติของแผ่นดินที่สมัยปู่ย่าตายายรักษาไว้ด้วยชีวิต ไปเร่ให้นายทุนในชาติและต่างชาติเข้ามาเช่าระยะยาว 99 ปี ด้วยเชื่อว่านายทุนเหล่านั้นจะรีบหอบเงินเข้ามาลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจให้เฟื่องฟูชั่วข้ามคืน

ต้องบอกว่านี่เป็นความคิดย้อนยุคที่มีมาตั้งแต่สมัย นายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็เคยไปร่วมสังฆกรรมอยู่กับนายทักษิณพักใหญ่ มาบัดนี้ เมื่อนายสมคิดมีอำนาจวาสนากลับมาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เอาความคิดเก่ามาปัดฝุ่นสานต่อใหม่ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายทหารใหญ่ที่บุญพาวาสนาส่งได้มานั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งไม่รู้ว่าจะบริหารประเทศให้เศรษฐกิจเติบโต ชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้อย่างไร ก็เห็นดีเห็นงามตามนั้น

และนี่คงเป็นอีกหนึ่งผลงาน “ทักษิณ คิด ประยุทธ์ ทำ”

ความคิดเก่าที่เปิดทางให้นายทุนในชาติและต่างชาติเช่าที่ดินได้ยาวนานจนลืมไปเลย เป็นเหมือนหนังม้วนเก่าที่เอามาฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าแก้ขัดในยามอับจนสิ้นหนทาง ทางหนึ่งคงหวังจะเรียกการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจเหมือนละครบ้านทรายทองที่รีแมกซ้ำแล้วซ้ำเล่าหวังเรียกเรตติ้ง แต่อย่าลืมว่าหนังเก่าม้วนนี้ไม่ได้มีตอนจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้ง ฟินกันสุดๆ เพราะถ้าเรื่องนี้ผลักดันได้สำเร็จ ก็ไม่ต่างอะไรกับการยก “สิทธิเหนือแผ่นดิน” ให้นายทุนทั้งในชาติและต่างชาติ

งานนี้ นอกจากจะสุ่มเสี่ยงถูกวิญญาณปู่กู่ร้องด่าว่าไอ้ลูกหลานในเวลานี้แล้ว ลูกหลานที่จะเกิดมาในอนาคตก็อาจจะก่นด่าสาปแช่งวิธีกระตุ้นเศรษฐกิจแบบสิ้นคิดอีกต่างหาก

หากยังไม่ลืมเลือนกันง่ายดายนัก คงจำกันได้ว่า ไม่ใช่แต่นายสมคิด เท่านั้นที่สมาทานแนวคิดเปิดทางให้เอกชนเช่าที่ดินหลวง 99 ปี บุคคลสำคัญยิ่งที่อยู่ข้างกายพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นคีย์แมนสำคัญในการทำงานเรื่องนี้มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ จนกระทั่งคณะรัฐมนตรีทักษิณ 2 อนุมัติร่างกฎหมายและจ่อทำคลอดรอมร่อก็คือ นายวิษณุ เครืองาม ซึ่งเวลานั้นรั้งตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และอีกหนึ่งคือนักกฎหมายใหญ่ระดับปรมาจารย์ของประเทศ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ คสช. ภูมิใจนำเสนอในเวลานี้ นั่นเอง

ย้อนรอยดูรากเหง้าความคิดคนเหล่านี้สักหน่อย ช่วงเวลานั้น การเตรียมออกกฎหมายเปิดช่องให้เช่าที่ดินรัฐ 99 ปี อยู่ในแผนการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยรัฐบาลทักษิณ ซึ่งมีการจัดทำร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ พ.ศ. ..... ถือเป็นร่างกฎหมายฉบับที่ใหญ่ที่สุดอีกฉบับหนึ่ง มีทั้งสิ้น 110 มาตรา เวลานั้น พ.ต.ท.ทักษิณ (ยศขณะนั้น) ซึ่งมีคะแนนนิยมทางการเมืองพุ่งสูงถึงขีดสุด คงเชื่อมั่นในพลังอำนาจ พลังศรัทธาของมวลมหาประชาชนจึงหาญกล้าผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าวโดยเชื่อว่าคงไม่มีใครกล้าขวาง แต่สุดท้ายคนคำนวณ มิสู้ฟ้าลิขิต ชีวิตของนายใหญ่กลับหักเหเร่ร่อน

อ้างจาก “ไทยโพสต์” ฉบับเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2548 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายฝ่ายออกมาวิจารณ์ร่าง พ.ร.บ.เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็นการเอื้อผลประโยชน์ให้ทุนต่างชาติว่า “กฎหมายฉบับนี้เป็นการร่างโดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี....” แต่คนสำคัญอีกหนึ่งที่นายทักษิณ ไม่เอ่ยถึงทั้งที่เป็นคนต้นร่างกฎหมายดังกล่าว คือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ นั่นเอง

จากบันทึกการประชุม เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2547 สมัยที่รัฐบาลทักษิณ เถลิงอำนาจอยู่นั้น มีการประชุมการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ส่วนผู้ร่วมประชุม ประกอบด้วย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนากฎหมาย ที่แต่งตั้งโดยรัฐบาล พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกกระทรวงทบวงกรม รวมทั้งสภาพัฒน์ สภาความมั่นคงแห่งชาติ และการนิคมอุตสาหกรรมฯ เป็นการประชุมตระเตรียมการให้พร้อมสรรพ ก่อนที่จะนำเสนอร่างกฎหมายจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.)

จากนั้น ร่างกฎหมายดังกล่าว ก็ผ่านมติ ครม. ออกมาเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2548 โดยเนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมาย นอกจากจะอยู่ที่การได้มาซึ่งที่ดินเขตเศรษฐกิจฯ ที่เอาหมดทั้งที่ธรณีสงฆ์, ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน, ป่าสงวน, เขตคุ้มครองและรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ฯลฯ แล้ว ประเด็นสำคัญยังอยู่ที่การเปิดให้เอกชนเช่าไม่น้อยกว่า 50 ปี - ไม่เกิน 99 ปี

คราครั้งนั้น ทุนชาติและทุนต่างชาติทั้งฝรั่งหัวดำหัวแดงตีปีกพึ่บพั่บพรั่บ บิ๊ก อสังหาริมทรัพย์ บิ๊กน้ำเมาที่ขยายธุรกิจสู่ที่ดิน ฯลฯ ต่างโห่ร้องในใจได้เวลาหวานคอแร้ง ขณะที่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร ก็จับจ้องทำเลทอง กว้านซื้อที่เข้าแลนด์แบงก์กันจ้าละหวั่น เพราะ “เขตเศรษฐกิจพิเศษ” ที่ว่านั้น สามารถประกาศไปได้ครอบคลุมทั่วทุกหัวระแหง ทั้งในเขตเมืองหลวง ปริมณฑล ซึ่งเป้าหมายนำร่องคือ เมืองใหม่สุวรรณภูมิ เมืองใหม่นครนายก และหัวเมืองชายแดน อย่างอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย หรือ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นต้น

หากวิญญาณปู่เห็นร่างกฎหมายฯ ในตอนนั้น คงหลั่งน้ำตา ร่ำร้องด่าว่าไอ้ลูกหลาน เพราะในรายละเอียดร่างกฎหมายฯ หนึ่งคือ การได้มาซึ่งที่ดิน มาตรา 23 ระบุว่า ในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษถ้ามี ความจำเป็นต้องได้มาซึ่งที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่น ให้ดำเนินการโดยวิธี จัดซื้อ, เช่าซื้อ, เช่าระยะยาว, แลกเปลี่ยน, ถมทะเล หรือ เวนคืน วิธีการดังกล่าวให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดโดย คณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (ประธาน คือ นายกรัฐมนตรี) ที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อื่นที่ได้มาให้ตกเป็น กรรมสิทธิ์ของเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเมื่อ ได้พัฒนาแล้ว ให้เขตเศรษฐกิจแต่ละเขตมีอำนาจ ขาย, ให้เช่าซื้อ, ให้เช่า หรือ แลกเปลี่ยน

นอกจากนี้ ตาม มาตรา 26 ยังได้กำหนดว่าการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือใช้ประโยชน์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษนั้นให้เช่าเป็นระยะเวลาคราวหนึ่ง ไม่น้อยกว่า 50 ปี - ไม่เกิน 99 ปี

กฎหมายใหญ่ฉบับดังกล่าว ยังมีอำนาจเข้าไป จัดระเบียบพื้นที่เขตป่าสงวน โดยระบุไว้ใน มาตรา 30 คือในกรณีที่เขตเศรษฐกิจพิเศษมีวัตถุประสงค์เพื่อ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และมีพื้นที่ครอบคลุมพื้นที่ อุทยานแห่งชาติ, ป่าสงวนแห่งชาติ, เขตคุ้มครองและรักษาพันธุ์สัตว์ป่า การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานในพื้นที่นั้นๆ ตามกฎหมายเดิมที่ให้อำนาจไว้ ต้องสอดคล้องกับแผนและแนวทางในการดำเนินการของเขตเศรษฐกิจพิเศษ

ขณะเดียวกันตาม มาตรา 31 เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงเขตเศรษฐกิจพิเศษแต่ละเขตตามแล้ว “...ให้มีผลต่อสาธารณสมบัติของแผ่นดินและที่ธรณีสงฆ์ที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษด้วย.” เช่นในกรณีของ ที่ธรณีสงฆ์ เมื่อเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้รับความยินยอมจากวัด, จ่ายค่าผาติกรรมให้แก่วัด แล้วให้มีผล “...กรรมสิทธิ์ในที่ดินตกเป็นของเขตเศรษฐกิจพิเศษโดยไม่ต้องดำเนินการตามพ.ร.บ.โอนที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์.” หรือในกรณีที่วัดประสงค์จะ ให้เช่าแทนการโอน ก็ให้ดำเนินการ เช่าระยะยาว ตามระยะเวลาที่กำหนดในมาตรา 26 ได้

มาบัดนี้ นายทักษิณ นายใหญ่เจ้าความคิดเขตเศรษฐกิจพิเศษให้นายทุนเช่าที่หลวง 99 ปี ที่ฮึกเหิมจัดหนักจัดเต็ม ลาลับจากอำนาจไปจากเมืองไทยหลายปีแล้ว และร่างกฎหมายดังกล่าวก็ค้างคาหิ้ง แต่เนติบริกรข้างกายนายทักษิณ ทั้งนายวิษณุ เครืองาม ทั้งนักกฎหมายใหญ่ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยังอยู่ยั้งยืนยงอยู่เคียงข้างพล.อ.ประยุทธ์ ร่วมด้วยช่วยผลักดันให้ฝันของนายทักษิณ เป็นจริง ด้วยอำนาจเบ็ดเสร็จที่อยู่ในมือ คสช. ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อว่า วันเวลาที่ล่วงเลยนับสิบปีถัดมา ไม่อาจทำให้พวกเขาสูญสิ้นความพยายามทำฝันของนายใหญ่ให้เป็นจริง

การตีปี๊บขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ เริ่มมาตั้งแต่ปี 2558 ที่ผ่านมาแล้ว และเนื้อหาสาระในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษก็แทบไม่แตกต่างไปจากสมัยรัฐบาลทักษิณ เมื่อพิจารณาจากถ้อยแถลงของ ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2558ถึงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาล ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ นั่งหัวโต๊ะว่า นายกรัฐมนตรี สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ดำเนินการและผลักดันการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ 6 แห่ง ให้เป็นรูปธรรมให้เสร็จสิ้นภายในปี 2558

ภายใต้คำสั่งของนายกรัฐมนตรี การประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กนพ.)ได้มีมติให้มีการจัดสรรพื้นที่ในการดูแลของราชการ เช่น พื้นที่ป่าไม้ พื้นที่อุทยาน หรือ พื้นที่ประเภทอื่นๆ เช่น พื้นที่สำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร(ส.ป.ก.) พื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เพื่อให้เอกชนเช่าจากรัฐ การเช่าพื้นที่ของภาคเอกชนให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรมพ.ศ.2542 ซึ่งให้สิทธิเอกชนในการเช่าพื้นที่สูงสุด 50 ปี และขยายระยะเวลาในการเช่าต่อได้อีก 49 ปี รวมสิทธิในการเช่ารวม 99 ปี

สำหรับพื้นที่ที่จัดสรรให้เอกชนเช่า เป็นไปตามประกาศของ กนพ.ใน 6 เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษแล้ว รวม 24,871 ไร่ ได้แก่ 1. พื้นที่จังหวัดตาก ในตำบลท่าสายลวด และตำบลแม่ปะ อำเภอแม่สอด รวม 14,858 ไร่ 2. จังหวัดสระแก้ว ในตำบลบ้านป่าไร่และตำบลบ้านใหม่หนองไทร อำเภออรัญประเทศ รวม 2,944 ไร่ 3. จังหวัดตราด ใน ตำบลไม้รูด อำเภอคลองใหญ่ 740 ไร 4. จังหวัดมุกดาหาร ใน ตำบลคำอาฮวน อำเภอเมือง 1,085ไร่ 5. จังหวัดมุกดาหาร ในตำบลสำนักขาม อำเภอสะเดา จำนวน 1,095 ไร่ และ 6. จังหวัดหนองคาย ในพื้นที่ตำบลหนองกอมเกาะ ตำบลมีชัย ตำบลโพนสว่าง อำเภอเมือง และ ตำบลสระใคร อำเภอสระใคร รวม4,149ไร่

ไม่แต่เขตเศรษฐกิจพิเศษเท่านั้น โครงการลงทุนขนาดใหญ่ก็ต้องการเช่าที่ดินระยะยาวเช่นเดียวกัน และเป็นที่มาของข่าว นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เร่งรัดให้กรมธนารักษ์ เร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข้อยุติการแก้ไขกฎหมายเช่าที่ดินได้ยาว 99 ปี เพื่อเอาใจนักลงทุนที่ต้องการเข้ามาลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของประเทศ โดยขีดเส้นให้ทำให้ได้ภายในสิ้นเดือนมกราคม 2559 นี้เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบและดำเนินการแก้ไขกฎหมาย

กฎหมายที่จะแก้ไข นั่นคือ พระราชบัญญัติการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ. 2542 ที่กำหนดเวลาเช่าไว้ในมาตรา 3 “‘การเช่า’ หมายความว่า การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมหรืออุตสาหกรรมที่กำหนดเวลาเช่าไว้เกินสามสิบปีแต่ไม่เกินห้าสิบปี” มาตรา 5 วรรค 2 กำหนดเงื่อนไขสำคัญข้อหนึ่งไว้ว่า “การเช่าที่ดินที่มีเนื้อที่เกินกว่าหนึ่งร้อยไร่จะต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง”

สอดรับกับก่อนหน้านี้ กรมธนารักษ์ ได้เสนอ ครม.แก้ไข พ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์ฯ จาก 50 ปี เป็น 99 ปี ตามมติคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือ ซูเปอร์บอร์ด ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ นั่งเป็นประธาน ที่จะพัฒนาพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โดยให้ รฟท. โอนที่ดินมาให้กรมธนารักษ์เพื่อนำมาบริหารให้เอกชนเข้ามาทำประโยชน์เป็นระยะเวลา 99 ปี

ซูเปอร์บอร์ด มีสูตรคิดกันว่า รฟท.มีหนี้สะสมเยอะราวแสนล้านบาท ก็ให้โอนสิทธิการเช่าที่ดินย่านมักกะสันของรฟท.มาให้กระทรวงการคลัง เป็นเวลา 99 ปี คิดเป็นมูลค่า 61,846 ล้านบาท เพื่อให้การบริหารสัญญาเช่าเป็นไปอย่างต่อเนื่องและคุ้มค่าการลงทุน และเป็นการล้างหนี้ให้กับ รฟท. และให้ไปรีบแก้ไขกฎหมายการเช่าอสังหาริมทรัพย์ฯ ให้เสร็จเรียบร้อยโดยเร็ว ซึ่งนอกจากจะส่งผลให้กระทรวงการคลัง สามารถเช่าที่ดินมักกะสันของ รฟท. ได้แล้ว ยังจะมีผลให้การเช่าที่ดินเพื่อการพาณิชย์และอุตสาหกรรมในกรณีอื่นเป็นไปตามกฎหมายที่จะได้รับสิทธิการเช่าเป็นเวลา 99 ปี เช่นกัน เป็นมาตรการดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนอย่างดียิ่ง

การเปิดให้เช่าสมบัติแผ่นดินระยะยาวที่รัฐบาลบิ๊กตู่กำลังเร่งมืออยู่ในเวลานี้เพื่อดึงดูดทุนใหญ่น้อยเข้ามาลงทุน ทั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือทำเลใจกลางเมือง ช่างเป็นความคิดที่ไม่ต่างไปจากรัฐบาลทักษิณ แม้แต่น้อย เพราะมีที่มาจากรากเหง้าความคิดของทีมกุนซือเดียวกัน

ดังนั้น ไม่ว่าจะ “อัศวินควายดำ” หรือ “นายกฯ เป็นคนตลกจริงๆ” ก็แทบไม่มีอะไรต่างตรงที่เสี่ยงถูกสาปแช่งจากวิญญาณปู่อย่างสาดเสียเทเสีย


กำลังโหลดความคิดเห็น