ช่วงนี้บรรดาพรรคพวก เพื่อนฝูง น้องนุ่ง ลูกหลาน เวลาอยู่กับผม ไม่ว่าจะเป็นทานข้าวเช้า หรือ นั่งสนทนากัน มักจะบ่นว่า หมู่นี้ผมดูเหม่อลอย บางทีนั่งคุยกันทั้งโต๊ะ แต่ผมนั่งเงียบๆ และไม่ได้ฟังพวกเขา ใจลอยไปคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ คำถามที่จะโดนประจำช่วงนี้ คือ "คิดอะไรอยู่" - "มีอะไรในใจหรือครับ" - "เอาความในใจมาเล่าให้ฟังกันบ้างสิ" ฯลฯ
ไม่รู้มันเป็นเพราะช่วงนี้ปัญหาชาติบ้านเมืองมันเยอะ หรือเป็นเพราะชีวิตผ่านมามากเหลือเกิน เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเรา - รอบตัวเรา - ในโลกของเรา และประกอบกับถึงวัยไม่อยากคุยกับใคร ก็เลยทำให้คิดคนเดียว
ยังดีนะนี่ ที่ได้ปฏิบัติธรรมทุกวัน นั่งภาวนาสมาธิอย่างน้อยวันละ 3 เวลา มันทำให้คิดและปล่อยวางได้ทันที โดยไม่เอาเข้ามารบกวนจิตใจ หรือให้เป็นขยะในใจได้ พยายามรักษาความเป็นประภัสสรของใจ ไม่ให้มัวหมอง
ลักษณะแบบนี้จะเป็นเรื่อยๆ ช่วงหลังนี้ ยิ่งเห็นข่าวของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จะขายที่ดินของประเทศไทยให้ต่างชาติเป็นเวลา 99 ปี ก็อดคิดถึงวันที่สมคิดตายไปแล้ว แล้วลูกหลานคนไทยก็ไม่มีสิทธิที่จะทำอะไรได้นอกจากต้องรับสภาพที่น่าขมขื่น ก็อดคิดถึงในยุคล่าอาณานิคมแล้วไทยต้องต่อสู้จนเลือดตาแทบกระเด็นในเรื่องของการยกเลิกสิทธินอกอาณาเขต ยุคนั้นบรรพบุรุษไทยสู้เพื่อคนไทยจะได้มีสิทธิเสรีภาพ ยืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทยได้อย่างสง่าผ่าเผย ประวัติศาสตร์ยังไม่ทันจะเลือนลางหายไป มายุคนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตผู้บัญชาการทหารบก กับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กลับกำลังจะให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้าของสิทธิในผืนแผ่นดินที่กรมธนารักษ์เป็นเจ้าของเป็นเวลาถึง 99 ปี โดยอ้างถึงการลงทุนของต่างชาติ
หรือจู่ๆ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็บอกว่าเรื่องสมเด็จพระสังฆราชเป็นเรื่องที่ต้องทำตามกฎหมาย กฎหมายว่าอย่างไรก็ต้องอย่างนั้น โดยไม่ดูที่มาที่ไป คนจะมีคุณธรรมหรือไม่ ไม่สำคัญ ขอให้ประชาคมของมหาเถรสมาคมเลือกก็ต้องตั้ง
เรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ยังมีอีกมากที่อยู่ในความคิดและในใจของผม เป็นเรื่องราวที่ส่วนใหญ่แล้ว เกิดขึ้นในประเทศไทยได้อย่างไร ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าแท้ที่จริงแล้ว มันเป็นเรื่องของคนหรือระบบกันแน่ ซึ่งถ้าจะนั่งถกกัน ก็คงจะเป็นเรื่องเก่า ซ้ำซากที่วนกันไประหว่างไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อน
แต่ที่แน่ๆ คือ สังคมไทยเป็นสังคมที่มีวิกฤตในเรื่องคุณภาพของคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหัวข้อคุณธรรมของคน ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นอดีตพลเอก จบโรงเรียนนายร้อย จปร. เป็นถึงอดีตผู้บัญชาการทหารบก หรือคนๆ นั้นจบธรรมศาสตร์ แล้วไปจบด็อกเตอร์มาจากอเมริกาก็ล้วนแล้วแต่เผชิญในเรื่องวิกฤตคุณธรรมทั้งสิ้น การอ้างว่าทำตามกฏหมาย กับการอ้างว่าให้ต่างชาติมาลงทุน โดยการยกแผ่นดินให้เขาถึง 99 ปี โดยเอามูลค่าเงินเป็นตัวนำหน้า ชาติบ้านเมืองเป็นอย่างไรในรุ่นลูกรุ่นหลานไม่สนใจ
นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่า การเป็นถึง นายพล หรือ การจบด็อกเตอร์นั้น ไม่ได้ทำให้มาตรฐานคุณธรรมในตัวเองดีขึ้นเลย
ก็ต้องมานั่งถกเถียงกันอีกว่า คนๆ หนึ่งมีการศึกษาสูง แต่ไม่มีคุณธรรม กับคนๆ หนึ่งการศึกษาไม่สูง แต่คุณธรรมสูง สังคมไทยจะเลือกใคร ท่านผู้อ่านจะเลือกใคร - สำหรับผม ไม่ต้องถามเลย ผมรู้คำตอบของผมดีอยู่แล้ว เพราะผมรู้มานานแล้วว่า เมืองไทย เรียนสูง มีอำนาจสูง มักจะถูกลาภ ยศ กิเลส ทำให้ดัชนีคุณธรรมตกต่ำลงไปหรือในหลายกรณีก็เป็นศูนย์เช่นกัน
ยิ่งมองย้อนหลังไปยังอดีตเมื่อไม่นานมานี้ ยิ่งเห็นภาพ วิษณุ เครืองาม ยืนข้างๆ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะรองนายกฯ เห็น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ยืนข้างๆ ทักษิณ ชินวัตร ในฐานะรองนายกฯเช่นกัน ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า มันก็คือ ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนั่นเอง เป็นจาก ทักษิณ ชินวัตร มาเป็น พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา
"แล้วยังงัย"
"สมบัติผลัดกันชม" ใช่มั้ย?
สองปีกว่าที่คณะคสช.ขึ้นมานี้ ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เดินหน้าทำ และทำมากกว่าด้วยซ้ำ ถ้าจะพูดกันอย่างยุติธรรม รัฐบาลชุดนี้กับชุดทักษิณ ชินวัตรไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว ต่างกันคือ ยุคทักษิณ ชินวัตร กับยุคนอมินีทักษิณ ชินวัตรเป็นการกินรวบเพื่อตัวเขา พรรคพวกเขา และญาติพี่น้องเขา
แต่ยุคนี้ เป็นการกินแบ่งให้กับกลุ่มนายทุนทั้งหลาย เอามาแบ่งสรรปันส่วนกัน
ที่ตลกร้ายที่สุด และเป็นเรื่องที่ผมมองเห็นหน้า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพวก ติ่งสุเทพ ติ่งประยุทธ์ ติ่งกกปส. ติ่งประชาธิปัตย์ ผมเห็นหน้าพวกเขาแล้ว ถ้าใช้คำว่าสมเพช สังเวช ก็ดูออกจะเกินไป ไม่รู้จะหาคำไหนมาอธิบายพฤติกรรม ความคิด และปัญญาของคนพวกนี้เลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประท้วง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องราคายางจาก 60 บาท ขอเป็น 120 แต่มาถึงยุคนี้ก็บอกชาวสวนยางว่าอย่าไปประท้วงเขา ให้อดทนไป
ประท้วงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เรื่องการใช้งบประมาณสร้างเครือข่ายคมนาคม 1.2 ล้านล้านบาท แต่วันนี้เขาลงเครือข่ายโดยมีนอกมีในเป็นเงินเกินกว่า 1.5 ล้านล้านบาท คนที่เคยประท้วงยิ่งลักษณ์ก็เงียบ ฯลฯ
จริงๆ แล้วยังมีความคิดที่จะระบายแบ่งปันกันอีกเยอะ เอาเป็นว่าวันนี้อยากจะโยนหินถามทางว่า ถ้าผมจะเอาความคิดของผมเองมาลงเป็นตัวอักษรทุกเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ วัฒนธรรม ฯลฯ ลงในเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ไม่รู้ว่า ยังสนใจที่จะอ่านกันหรือเปล่า ก็ลองบอกมาแล้วกัน แล้วจะพยายามทำให้
เฉพาะวันนี้ขอเป็นการโหมโรงกันก็แล้วกัน
เรื่องราวที่เขียนวันนี้ เขียนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2559 เวลาเที่ยงตรง
ถ้าต้องการอ่านกันเยอะๆ ก็จะปล่อยความคิดออกมาเป็นตัวอักษรให้ได้ปุจฉา-วิสัชนา กันบ่อยๆ
คิดอย่างไรก็ให้บอกกันบ้าง
..........................................
คุณสนธิปล่อยความคิดผ่านมาเป็นตัวอักษรถึงพี่น้องแฟนๆ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ " มีความคิดเห็นกันอย่างไรฝากความคิดเห็นไว้นะครั...
Posted by คุยทุกเรื่องกับสนธิ on Saturday, January 16, 2016