ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กต๊อก" ลั่นไม่ชี้แจงปมปลดบอร์ด สสส. ต่อสังคมภายนอก ต้องร้องขอความเป็นธรรมมาที่ ศอตช. เท่านั้น ระบุเป็นหลักการ ยันไม่ยุบตระกูล ส. ด้าน"วิเชียร" อดีตบอร์ด สสส.จ่อพบ "บิ๊กต๊อก" แจงไร้ประโยชน์ทับซ้อน ชี้ลาออกจากกรรมการมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมก่อนเข้ารับตำแหน่ง ส่วนมูลนิธิเพื่อคนไทยไม่ได้ลาออก เหตุไม่ได้ขอทุน สสส.แต่เป็นการร่วมทุน 2 โครงการ "คนไทยขอมือหน่อย-ต่างใจไทยเดียว" โฆษกสสส.เผยตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษีแก่ภาคีที่ได้รับผลกระทบ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึง กรณีภาคีเครือข่ายสุขภาพ 20 เครือข่าย ออกมาเรียกร้องให้ทบทวนคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ให้กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 7 คน พ้นจากตำแหน่ง ว่า หลักการตั้งแต่ออกบัญชี 1 และ 2 เกี่ยวกับผู้ที่พัวพันทุจริต คือ ต้องยื่นขอความเป็นธรรมขึ้นมา จากนั้นศอตช.จะให้องค์คณะที่ทำหน้าที่ตรวจสอบชี้แจง ซึ่งปฏิบัติกันมาตลอด
"ตระกูล ส.ทั้งหลาย รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะยุบเลย แต่ในหลักการทำงาน เมื่อทำไปแล้วมีข้อที่ต้องปรับปรุง ก็ต้องทำ "
***“วิเชียร”จ่อพบ“บิ๊กต๊อก”เคลียร์ประโยชน์ทับซ้อน
วานนี้ (12 ม.ค.) ที่อาคารพรีเมียร์คอเปอเรทปาร์ค นายวิเชียร พงศธร ประธานคณะกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านการบริหาร คณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) ให้สัมภาษณ์กรณีถูกคำสั่งมาตรา 44 ปลดออกจากบอร์ด สสส.พร้อมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 6 คน ว่า ที่ผ่านมาเรื่องนี้มีข้อมูลปรากฏว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน แต่น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนมีตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิเพื่อคนไทยและมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม แต่เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. วันที่ 7 ส.ค. 2557 ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งในมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2557 เนื่องจากมูลนิธินี้ยังมีโครงการต่อเนื่องที่รับทุนจาก สสส.อยู่ ส่วนมูลนิธิเพื่อคนไทยตนไม่ได้ลาออก เพราะไม่ได้ขอทุน สสส.มาดำเนินโครงการ แต่เป็นการร่วมทุนในโครงการคนไทยขอมือหน่อยครั้งที่ 1 ปี 2556 และโครงการต่างใจไทยเดียว ปี 2557 ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นก่อนเข้ามารับตำแหน่งในบอร์ด สสส.
"ยอมรับว่าแม้จะลาออกและเข้าไปเป็นบอร์ด สสส. แต่ยังมีความใกล้ชิดกับมูลนิธิอยู่ แต่ไม่มีผลต่อการอนุมัติงบประมาณโครงการต่างๆ เพราะไม่มีอำนาจสั่งการอนุมัติ และยืนยันว่าช่วงเป็นบอร์ด สสส.ไม่เคยรับผลตอบแทนใดๆ ซึ่งผมจะเข้าไปชี้แจงต่อ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และประธานศอตช. ด้วย โดยมีการประสานด้วยวาจาแล้ว "
**สสส.ยังต้องเดินหน้าทำงาน
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีขบวนการส่งเสริมสุขภาพภาคประชาชน (ขสช.) เตรียมฟ้อง สสส.ต่อศาลปกครอง หากการประชุมบอร์ด สสส. วันที่ 15 มกราคม ไม่มีการดำเนินการใดตามข้อเรียกร้องหรือมีความชัดเจนเรื่องแก้ไขปัญหาการแช่แข็งงบประมาณสนับสนุนโครงการต่างๆ ว่า ขอให้ใจเย็นๆ ซึ่งล่าสุดได้ปรึกษา พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ด สสส.แล้ว ซึ่งชัดเจนว่าจะมีการประชุมบอร์ดวันที่ 15 ม.ค.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาในประเด็นต่างๆ
***สสส.เร่งติดตามผลยกเลิกมาตรการ คตร. บรรเทาผลกระทบภาคี
ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ โฆษกสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวถึงกรณีการชะลอการเบิกจ่ายงบประมาณ สสส. ไปยังภาคีเครือข่ายฯ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนฯ ลงนาม พร้อมได้ทำหนังสือเสนอผ่ านประธานคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อเสนอไปยังประธาน คตร. ให้ยกเลิกมาตรการตรวจสอบการเบิกจ่ายโครงการต่างๆ ของ สสส. เพื่อยุติการชะลอโครงการต่างๆ
“สสส.เข้าใจความเดือดร้ อนของภาคีฯ และพยายามประสานช่วยเหลือในด้ านต่างๆ อย่างเต็มที่ อาทิ ปัญหาจากการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากมูลนิธิและองค์กรต่างๆที่ได้รับทุนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกรมสรรพากรซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติ อย่างไรก็ตามได้มีการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษี เพื่อให้คำปรึกษาและประสานงานในระดับพื้นที่แก่ภาคีที่ได้รับผลกระทบควบคู่ ไปด้วย” ดร.ประกาศิต กล่าว
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึง กรณีภาคีเครือข่ายสุขภาพ 20 เครือข่าย ออกมาเรียกร้องให้ทบทวนคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ให้กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 7 คน พ้นจากตำแหน่ง ว่า หลักการตั้งแต่ออกบัญชี 1 และ 2 เกี่ยวกับผู้ที่พัวพันทุจริต คือ ต้องยื่นขอความเป็นธรรมขึ้นมา จากนั้นศอตช.จะให้องค์คณะที่ทำหน้าที่ตรวจสอบชี้แจง ซึ่งปฏิบัติกันมาตลอด
"ตระกูล ส.ทั้งหลาย รัฐบาลไม่มีนโยบายที่จะยุบเลย แต่ในหลักการทำงาน เมื่อทำไปแล้วมีข้อที่ต้องปรับปรุง ก็ต้องทำ "
***“วิเชียร”จ่อพบ“บิ๊กต๊อก”เคลียร์ประโยชน์ทับซ้อน
วานนี้ (12 ม.ค.) ที่อาคารพรีเมียร์คอเปอเรทปาร์ค นายวิเชียร พงศธร ประธานคณะกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคเอกชนด้านการบริหาร คณะกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (บอร์ด สสส.) ให้สัมภาษณ์กรณีถูกคำสั่งมาตรา 44 ปลดออกจากบอร์ด สสส.พร้อมกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก 6 คน ว่า ที่ผ่านมาเรื่องนี้มีข้อมูลปรากฏว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ทับซ้อน แต่น่าจะเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนมีตำแหน่งเป็นประธานมูลนิธิเพื่อคนไทยและมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม แต่เมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติแต่งตั้งเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. วันที่ 7 ส.ค. 2557 ก็ได้ลาออกจากตำแหน่งในมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม เมื่อวันที่ 13 ส.ค. 2557 เนื่องจากมูลนิธินี้ยังมีโครงการต่อเนื่องที่รับทุนจาก สสส.อยู่ ส่วนมูลนิธิเพื่อคนไทยตนไม่ได้ลาออก เพราะไม่ได้ขอทุน สสส.มาดำเนินโครงการ แต่เป็นการร่วมทุนในโครงการคนไทยขอมือหน่อยครั้งที่ 1 ปี 2556 และโครงการต่างใจไทยเดียว ปี 2557 ซึ่งเป็นโครงการที่เกิดขึ้นก่อนเข้ามารับตำแหน่งในบอร์ด สสส.
"ยอมรับว่าแม้จะลาออกและเข้าไปเป็นบอร์ด สสส. แต่ยังมีความใกล้ชิดกับมูลนิธิอยู่ แต่ไม่มีผลต่อการอนุมัติงบประมาณโครงการต่างๆ เพราะไม่มีอำนาจสั่งการอนุมัติ และยืนยันว่าช่วงเป็นบอร์ด สสส.ไม่เคยรับผลตอบแทนใดๆ ซึ่งผมจะเข้าไปชี้แจงต่อ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และประธานศอตช. ด้วย โดยมีการประสานด้วยวาจาแล้ว "
**สสส.ยังต้องเดินหน้าทำงาน
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะรองประธานกรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) คนที่ 1 กล่าวถึงกรณีขบวนการส่งเสริมสุขภาพภาคประชาชน (ขสช.) เตรียมฟ้อง สสส.ต่อศาลปกครอง หากการประชุมบอร์ด สสส. วันที่ 15 มกราคม ไม่มีการดำเนินการใดตามข้อเรียกร้องหรือมีความชัดเจนเรื่องแก้ไขปัญหาการแช่แข็งงบประมาณสนับสนุนโครงการต่างๆ ว่า ขอให้ใจเย็นๆ ซึ่งล่าสุดได้ปรึกษา พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานบอร์ด สสส.แล้ว ซึ่งชัดเจนว่าจะมีการประชุมบอร์ดวันที่ 15 ม.ค.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาในประเด็นต่างๆ
***สสส.เร่งติดตามผลยกเลิกมาตรการ คตร. บรรเทาผลกระทบภาคี
ดร.ประกาศิต กายะสิทธิ์ โฆษกสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวถึงกรณีการชะลอการเบิกจ่ายงบประมาณ สสส. ไปยังภาคีเครือข่ายฯ ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนฯ ลงนาม พร้อมได้ทำหนังสือเสนอผ่ านประธานคณะกรรมการกองทุนฯ เพื่อเสนอไปยังประธาน คตร. ให้ยกเลิกมาตรการตรวจสอบการเบิกจ่ายโครงการต่างๆ ของ สสส. เพื่อยุติการชะลอโครงการต่างๆ
“สสส.เข้าใจความเดือดร้ อนของภาคีฯ และพยายามประสานช่วยเหลือในด้ านต่างๆ อย่างเต็มที่ อาทิ ปัญหาจากการเรียกเก็บภาษีย้อนหลังจากมูลนิธิและองค์กรต่างๆที่ได้รับทุนนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับกรมสรรพากรซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติ อย่างไรก็ตามได้มีการจัดตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษี เพื่อให้คำปรึกษาและประสานงานในระดับพื้นที่แก่ภาคีที่ได้รับผลกระทบควบคู่ ไปด้วย” ดร.ประกาศิต กล่าว
