xs
xsm
sm
md
lg

เอ็นจีโอขู่เคลื่อนใหญ่ จี้เลิกม.44 ปลดบอร์ดสสส. หยุดแช่แข็งงบ จวกยับรีดภาษีย้อนหลัง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่อาคารคริสตจักรแห่งประเทศไทย ขบวนการส่งเสริมสุขภาพภาคประชาชน (ขสช.) ซึ่งเป็นการรวมตัวของเครือข่ายภาคประชาสังคม เครือข่ายวิชาการและเครือข่ายองค์กรประชาชน รวม 20 เครือข่าย อาทิ ชมรมแพทย์ชนบท เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายเด็กเยาวชนและครอบครัว เครือข่ายงดเหล้าและบุหรี่ ร่วมประชุมเพื่อแถลงจุดยืนกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้คำสั่งมาตรา44 แก้ไขปัญหากองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยนายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการเครือข่ายองค์กรงดเหล้า กล่าวว่า จุดยืนของ ขสช.มี 5 ประเด็นดังนี้

1.การปลดบอร์ด สสส.จำนวน 7 คน ถือว่าไม่ชอบธรรมเพราะไม่พบการทุจริต ขอให้มีการตรวจสอบ ถ้าไม่พบความผิดต้องคืนความเป็นธรรม และยกเลิกคำสั่งปลดเพื่อให้กลับเข้ามาปฏิบัติงานได้

2. ยกเลิกการระงับการจ่ายเงินสนับสนุนกว่า 2,000 โครงการ รวมกว่า 1,643 ล้านเพราะส่งผลกระทบต่อผู้ปฏิบัติงานในองค์กรต่างๆประมาณ 5,200 คน รวมผู้ปฏิบัติงานในโครงการย่อยกว่า 10,000 คน

3. ขสช.จะร่วมมือกันฟ้องร้องเพื่อให้มีการยกเลิกประกาศกรมสรรพากรในการตรวจสอบภาษีมูลนิธิและองค์กรต่างๆ ที่ร่วมปฏิบัติงานกับ สสส. ย้อนหลัง 5 ปี รวมทั้งค่าปรับกว่า 800 ล้านบาทและขอให้บอร์ดสสส.ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ข้อตกลงการปฏิบัติงานระหว่างภาคีและ สสส. ไม่ใช่การรับจ้างทำ แต่เป็นการดำเนินการเพื่อสาธารณะประโยชน์ และขอให้กรมสรรพากรยุติการคุกคามองค์กรต่างๆ

4.ข้อเสนอการปฏิรูป สสส. เสนอให้เพิ่มการสนับสนุนโครงการแก่องค์กรและประชาชน เพิ่มสัดส่วนคณะกรรมการและกรรมการระดับต่างๆ ให้ผู้ที่มีผลงานและประสบการณ์การพัฒนาด้านต่างๆ เข้ามามีบทบาทใน สสส.มากขึ้น ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มเดิม ทำงานใกล้ชิดภาคประชาสังคมมากขึ้น สนับสนุนให้ออกระเบียบใหม่ที่ป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการและผู้ได้รับประโยชน์จากการรับทุน

5. กรณีโครงการประชารัฐ ทางขสช.จะติดตามการดำเนินโครงการประชารัฐที่รับทุนจาก สสส. โดยเฉพาะโครงการที่มีคณะกรรมการมาจากกลุ่มธุรกิจด้านเกษตร/อาหาร และแอลกอฮอล์ร่วมด้วยว่าดำเนินเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนหรือเพื่อกลุ่มทุน นอกจากนี้ขสช.จะติดตามความคืบหน้าการประชุมของบอร์ด สสส.ในวันที่ 15 มกราคมที่จะถึงนี้หากไม่มีการดำเนินการตามข้อเรียกร้องจะเคลื่อนไหวใหญ่ทั่วประเทศ

ด้านนายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากไม่มีการทบทวนมาตรา 44 ก่อนวันที่ 15 มกราคม ซึ่งจะมีการประชุมบอร์ดสสส. เครือข่ายฯจะเข้าไปพบนายกรัฐมนตรี อธิบดีกรมสรรพากรและผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ส่วนกรณีการระงับงบประมาณโครงการฯควรระงับเฉพาะที่มีการทุจริตไม่ใช่เหมารวมทั้งหมด

นายวิวัฒน์ ตามี่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนบนพื้นที่สูง กล่าวว่า การที่กรมสรรพากรออกประกาศให้องค์กรที่รับทุนจาก สสส.ต้องเสียภาษีย้อนหลัง 5 ปี รวมแล้วเป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท คงไม่มีองค์กรใดมีเงินมากมายมาเสีย เพราะเงินที่ได้รับดำเนินการไปกับกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์หมดแล้ว แต่ท้ายที่สุดหากมีการระบุว่าต้องจ่ายภาษี สสส.ควรมีการตั้งกองทุนเยียวยาขึ้น

ขณะที่พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงทบทวนการใช้คำสั่งม.44 ว่า การใช้คำสั่งกล่าวเพื่อเป็นมาตรการระงับยับยั้งในทางปกครอง ไม่ใช่เป็นคำสั่งเบ็ดเสร็จเหมือนคำสั่งศาลยุติธรรม ถ้าพิสูจน์ได้ก็กลับสู่ตำแหน่งเดิม หรืออย่างกรณีของนพ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตบอร์ดสสส.ที่จะไม่ร้องขอความเป็นธรรม ก็เป็นสิทธิ์ส่วนตัวของท่าน

ส่วนนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเครือข่ายภาคประชาสังคม ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการใช้อำนาจม. 44 สั่งปลดบอร์ดสสส.ทั้ง 7 คนว่า ถ้ามีการสอบถามเข้ามา คสช.ก็ส่งคนไปชี้แจง แต่หากไม่ได้รับความสะดวกก็ให้มาถามตน ทางตนจะได้ไปถามต่อให้แต่จะให้ตนตอบเองไม่ได้ รัฐบาลทราบว่าไม่มีทางที่จะทำอะไรแล้วถูกใจทั้งหมด แต่จำเป็นต้องทำ
กำลังโหลดความคิดเห็น