xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำต้องไร้ปัญหาด้านคุณธรรม

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

ย่างเข้าสัปดาห์ที่ 2 ของปีใหม่ ปัญหาประดังเข้ามาทุกสารทิศ อะไรๆ ที่ไม่เคยนึกว่าจะมีก็ดันเป็นเรื่องแทบไม่มีโอกาสทำให้หายใจ ลีลาต่างๆ บวกกับบุญเก่ายังพอมีเหลือทำท่าว่าจะหมดเร็ว คำพูดเริ่มไร้น้ำหนัก เพราะพูดมาก ขาดการปฏิบัติ ชาวบ้านเริ่มรู้ทันนักตีกิน

แผ่นดินไหนก็ตาม ถ้าผู้นำไร้หลักการแห่งคุณธรรม มือสกปรก มีเจตนาแฝงเร้น มุ่งเน้นผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ต่อให้มีคารมลีลาท่าทางลวงโลกได้เนียนอย่างไร สักวันหนึ่งหน้ากากย่อมหลุด หนังราชสีห์คลุมร่างถูกกระชากให้เห็นตัวจริงของหมาจิ้งจอก

ถึงวันที่ประชาชนกล้าลุกฮือคิดบัญชีเมื่อไหร่ ชะตากรรมของผู้นำกำมะลอยากเกินคาดเดาได้เพราะความอดทนของผู้ถูกกดขี่ย่อมมีวันสิ้นสุด ภาพน่าเกรงขามจะถูกท้าทาย มีคนกล้าขอพิสูจน์ว่าตัวตนที่ชาวบ้านเห็นหน้าทุกวันเป็นของจริงหรือเป็นตัวจอมปลอม

สภาพเช่นนี้มีให้เห็นเป็นระยะๆ ในแผ่นดินต่างๆ มีระดับปัญหาธรรมดา ปรับได้ด้วยการเลือกตั้ง ประชาชนเลือกคนใหม่ ถ้าเผชิญผู้นำอำมหิตมักนำไปสู่การฆ่าฟัน เป็นกลียุค สงครามกลางเมือง บ้านแตกสาแหรกขาด การรบราฆ่าฟันจะเป็นทางเลือกสุดท้าย

มองบ้านเรา ถ้ามีคำถามง่ายๆ ว่าอนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ดีหรือร้าย พวกมองโลกสวยคงพร่ำเพ้อว่าอย่ามองโลกในแง่ร้าย ปัญหาทุกอย่างย่อมมีทางแก้ มีมืดแล้วย่อมมีสว่าง พวกมองโครงสร้างเสื่อมทรามปัจจุบันคงยอมรับว่ายากที่จะแก้ไขได้ง่าย

ยิ่งถ้าบ้านเมืองมีวิกฤตด้านการนำ ผู้นำมีปัญหาด้านความน่าเชื่อถือ เจตนา และความซื่อสัตย์สุจริต คุณธรรมบกพร่อง เอาแต่ใจตัวเอง ถืออำนาจเป็นใหญ่ ปัญหาธรรมดาสามารถขยายตัวเป็นวิกฤตร้ายแรงได้เช่นกัน ต่อให้มีคาถาสาลิกาลิ้นทองก็เอาไม่อยู่

เรามีปัญหาเชิงโครงสร้างที่จำเป็นต้องได้รับการปฏิรูปอย่างจริงจัง ผู้นำต้องมีเจตนาดีเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม มีความกล้าตัดสินใจแม้จะเผชิญแรงต้านจากกลุ่มผลประโยชน์ ถ้ามีความบริสุทธิ์ใจแท้จริง ย่อมได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชนเป็นฐาน

คุณท่านและพวกได้กุมอำนาจรัฐ มีกฎหมายควบคุมการเคลื่อนไหวของประชาชนเข้มข้น เข้ามาด้วยคำมั่นสัญญาสารพัด แล้วเป็นไง? ทุกวันนี้ยังไม่มีร่องรอยวี่แววว่าจะมีการปฏิรูปด้านไหนอย่างจริงจัง ทั้งๆ ที่ได้เป็นปัญหายาวนานจากการเมืองสามานย์

การปฏิรูปการศึกษา กระบวนการยุติธรรมขั้นต้นและขั้นกลาง โดยเฉพาะองค์กรตำรวจไร้สัญญาณว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอย่างจริงจัง ไม่มีเหตุผลอธิบายเรื่องความล่าช้า ซ้ำร้ายเสียงร่ำลือเรื่องการทุจริต การแสวงหาผลประโยชน์ ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม

จากนี้ไป มีประชาชนสักกี่เปอร์เซ็นต์ยังเชื่อว่าอนาคตบ้านเมืองจะดีขึ้น

มีแต่เสียงพร่ำว่าเหลือเวลาตามโรดแหม็บๆ อีกปีกว่า มีเลือกตั้งก็จะไปแล้ว จากนั้นบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะเลือกใครมาจัดการต่อไป ชาวบ้านได้ฟังแล้วก็งง เพราะไอ้หน้าตัวโกงกังฉิน ตัวปัญหาอุบาทว์ต่างๆ ยังอยู่ดีมีสุขกันหน้าสลอน

ทุกวันนี้พวกตัวเวรตะไลทั้งหลายยังแลบลิ้นเลียปากอยู่รอบเวทีการเมือง รอวันซื้อเสียงตามระบบการเมืองอุบาทว์เข้ามาสุมหัวกันโกงบ้านกินเมืองต่อไป ชาวบ้านมีแต่ซวยหนัก เท่ากับว่าระบบต่างๆ วางไว้ตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะดีเลวอย่างไร ไม่มีใครรู้

แต่งรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว จะมีประชามติหรือไม่ ถ้ามีแล้ว จะผ่านหรือไม่ ยังเป็นคำถามซึ่งไม่มีใครกล้ารับประกัน และปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ซึ่งเป็นอยู่ขณะนี้และยังไม่มีการปฏิรูป จะนำไปสู่การขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างกลุ่มต่างๆ อีกแน่นอน

ถ้าอย่างนั้น ประชาชนย่อมอยากถามว่าเจตนาดั้งเดิมในการเข้ามากุมอำนาจรัฐนั้นทำไมถึงไม่บรรลุเป้าหมาย ทั้งยังทิ้งเรื่องต่างๆ โครงการใหญ่ๆ เป็นภาระของประชาชน ผู้บริหารบ้านเมืองจะกล้าตากหน้ารับผิดชอบกับความเสียหาย ความล้มเหลวหรือไม่

อนาคตประเทศไทยน่าห่วง หลังจากการรัฐประหารครั้งแรกในปี 2475 เป็นต้นมา และตามมาด้วยการรัฐประหารอีกเกือบ 20 ครั้ง ได้พิสูจน์ชัดว่าเป็นการรัฐประหารล้มเหลว เพราะถ้าการรัฐประหารดีจริง ได้ผล คงไม่ต้องทำมากถึงเกือบ 20 ครั้ง

แน่นอน ที่ล้มเหลวเพราะไม่ทำตามเจตนาบริสุทธิ์ หวังดีต่อผลประโยชน์ส่วนรวม มุ่งแต่การปกป้องผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม แสวงหาความมั่งคั่งอย่างไร้ยางอาย จะว่าเป็นการเสียของคงไม่ถูกต้องหมด เพราะความประสงค์แท้จริงคือการทำเพื่อส่วนตัวและพวกพ้อง

บางยุคการรัฐประหารเกิดขึ้นเพราะผู้นำกองทัพกำลังจะโดนปลดจากตำแหน่ง แต่มีข้ออ้างเดิมๆ เช่น นักการเมืองโกงกิน การโยกย้ายไร้หลักการคุณธรรม แล้วแต่จะหาเหตุ

แล้วรัฐบาลปัจจุบันอยู่ในสภาวะเช่นใด? ถ้าไม่โกหกตัวเอง ต้องยอมรับความมีปัญหาด้านความนิยม ความน่าเชื่อถือ ภาพลักษณ์เสื่อมเพราะผลงานไม่เข้าตา ยิ่งคำอ้างที่ว่าทำงานโดยไม่หวังคะแนนเสียง เท่ากับว่าไม่จำเป็นต้องฟังเสียงทุกข์ร้อนของชาวบ้าน

เมื่อความน่าเชื่อถือเริ่มเป็นปัญหา จะทำอะไรย่อมไม่ราบรื่น ประชาชนไม่ไว้ใจในเจตนาและความซื่อสัตย์ ชาวบ้านทั่วไปถูกมองว่าเป็นกลุ่มเสียงนกเสียงกา ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญของสังคม น่าเสียดายที่ท่าทีลักษณะนี้เด่นชัดจนชาวบ้านหมดใจ ถอดใจ สิ้นศรัทธา

ผู้มีอำนาจบริหารบ้านเมืองไร้สติปัญญา ไม่มีความสามารถ เช่นนั้นหรือ? ไม่หรอก

ปัญหาต่างๆ ย่อมมีทางแก้ ยากง่ายต่างกัน สำคัญแต่ว่าผู้รับผิดชอบมีเจตนาทำงานมุ่งมั่นเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวมหรือเฉพาะกลุ่ม มือสะอาดซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ ที่ผ่านมาชาวบ้านได้ยินแต่คำอ้างต่างๆ ด้านความตั้งใจ แต่ผลงานไม่เป็นไปตามสภาพความจำเป็น

ที่เป็นตลกร้ายคือปัญหาเก่ายังไม่แก้ไข ดันสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาพันคอตัวเองดันทุรังด้วยทัศนคติ “ต้องเชื่อฟังผู้นำ ห้ามค้าน ห้ามเถียง” แม้หายนะรออยู่ข้างหน้านั่นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น