ผู้จัดการรายวัน360-พลังงานคาดเปิดให้เอกชนยื่นขอสำรวจปิโตรเลียมรอบ 21 ได้ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ล่าช้ากว่าแผนเดิม เผยขณะนี้ร่างแก้ไขพ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2ฉบับอยู่ระหว่างการพิจารณาของกฤษฎีกา ก่อนส่งให้สนช.ชี้ขาดและต้องนำไปใช้ได้จริง ระบุจะเพิ่มจำนวนกรรมาธิการพิจารณ30-35คน เปิดให้ทุกฝ่ายส่งตัวแทนมาหารือ ด้านกกพ.ยันปีนี้ ตรึงค่าไฟเอฟที
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21ว่า ขณะนี้ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับแก้ในประเด็นที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ก่อนที่จะเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ต่อไป โดยคาดว่าจะเปิดให้เอกชนยื่นขอสำรวจปิโตรเลียมรอบใหม่ที่ 21 ได้ในไตรมาส 3/2559 เลื่อนจากเดิมที่กำหนดไว้ในไตรมาส 2/2559
ทั้งนี้ เมื่อร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. จะเพิ่มจำนวนกรรมาธิการขึ้นมาเป็น 30-35 คนจากปกติเพียง 15คน เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.อย่างกว้างขวาง และเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายส่งตัวแทนเข้ามาร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย โดยให้ สนช. เป็นผู้ตัดสินโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและการนำไปใช้ได้จริง
อย่างไรก็ตาม หากการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับไม่แล้วเสร็จ จะส่งผลทำให้การเปิดให้เอกชนยื่นสำรวจปิโตรเลียมรอบ 21 ต้องล่าช้าออกไปกว่าที่ระบุข้างต้น ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการเลื่อนมาจากปลายปีก่อน
ทั้งนี้ ปีนี้คาดว่าความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของไทยจะใกล้เคียงปีก่อนอยู่ที่ 4 พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน แบ่งเป็นก๊าซฯในอ่าวไทย 3 พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และเมียนมา 1พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน โดยจะลดการใช้ก๊าซฯ ในอ่าวไทยลง แล้วหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ราคาLNGในตลาดปรับตัวลดลงมาก
พล.อ.อนันตพร กล่าวถึงสถานการณ์พลังงานปี 2559 ว่า กระทรวงพลังงานคาดการใช้น้ำมันสำเร็จรูปจะปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% ซึ่งเป็นไปตามประมาณการณ์ตัวเลขสอดรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่คาดว่าจะขยายตัว 3-4% โดยปีนี้การใช้น้ำมันเบนซินจะปรับเพิ่มขึ้น 9.7% ดีเซลเพิ่มขึ้น 1.8% ส่วนก๊าซหุงต้ม (LPG) ปรับตัวลด 2.5% เป็นการลดลงต่อเนื่องจากปีก่อนที่ยอดการใช้แอลพีจีลดลง 5.4% โดยประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 35-45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าปี 2559 คาดว่าเพิ่มขึ้น 3.5% ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2015) ที่คาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอัตราดังกล่าว ทั้งนี้ ประมาณการว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) ปี 2559 จะอยู่ไม่เกิน 29,000 เมากะวัตต์ และมีระดับเฝ้าระวังอยู่ที่ 28,500 เมกะวัตต์
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า สำหรับราคาก๊าซฯ ในช่วงพ.ค.-ส.ค.นี้ คาดว่าจะปรับลดลงได้ 6 บาท/ล้านบีทียู แต่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนหลังจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ระดับ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงทุก 1บาทจะกระทบต่อค่าไฟ 5-6 สตางค์/หน่วย ขณะที่ภัยแล้ง และการใช้พลังงานทดแทนที่มีต้นทุนค่าไฟสูง ทำให้ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น แต่ กกพ.จะหาแนวที่จะตรึงอัตราค่าเอฟทีไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้ สำหรับในปี 2559 ไทยจะมีโรงไฟฟ้าใหม่จ่ายไฟเข้าระบบเพิ่มขึ้นหลายโรงคิดเป็นกำลังผลิตเพิ่ม 1,700เมกะวัตต์
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบ 21ว่า ขณะนี้ร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ปิโตรเลียม และร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อปรับแก้ในประเด็นที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ก่อนที่จะเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ต่อไป โดยคาดว่าจะเปิดให้เอกชนยื่นขอสำรวจปิโตรเลียมรอบใหม่ที่ 21 ได้ในไตรมาส 3/2559 เลื่อนจากเดิมที่กำหนดไว้ในไตรมาส 2/2559
ทั้งนี้ เมื่อร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. จะเพิ่มจำนวนกรรมาธิการขึ้นมาเป็น 30-35 คนจากปกติเพียง 15คน เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.อย่างกว้างขวาง และเปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายส่งตัวแทนเข้ามาร่วมพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวด้วย โดยให้ สนช. เป็นผู้ตัดสินโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและการนำไปใช้ได้จริง
อย่างไรก็ตาม หากการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมทั้ง 2 ฉบับไม่แล้วเสร็จ จะส่งผลทำให้การเปิดให้เอกชนยื่นสำรวจปิโตรเลียมรอบ 21 ต้องล่าช้าออกไปกว่าที่ระบุข้างต้น ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการเลื่อนมาจากปลายปีก่อน
ทั้งนี้ ปีนี้คาดว่าความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติของไทยจะใกล้เคียงปีก่อนอยู่ที่ 4 พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน แบ่งเป็นก๊าซฯในอ่าวไทย 3 พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน และเมียนมา 1พันล้านลูกบาศก์ฟุต/วัน โดยจะลดการใช้ก๊าซฯ ในอ่าวไทยลง แล้วหันมาใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) นำเข้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ราคาLNGในตลาดปรับตัวลดลงมาก
พล.อ.อนันตพร กล่าวถึงสถานการณ์พลังงานปี 2559 ว่า กระทรวงพลังงานคาดการใช้น้ำมันสำเร็จรูปจะปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% ซึ่งเป็นไปตามประมาณการณ์ตัวเลขสอดรับกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ที่คาดว่าจะขยายตัว 3-4% โดยปีนี้การใช้น้ำมันเบนซินจะปรับเพิ่มขึ้น 9.7% ดีเซลเพิ่มขึ้น 1.8% ส่วนก๊าซหุงต้ม (LPG) ปรับตัวลด 2.5% เป็นการลดลงต่อเนื่องจากปีก่อนที่ยอดการใช้แอลพีจีลดลง 5.4% โดยประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 35-45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ส่วนแนวโน้มการใช้ไฟฟ้าปี 2559 คาดว่าเพิ่มขึ้น 3.5% ตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะปรับตัวดีขึ้น สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP 2015) ที่คาดว่าจะมีความต้องการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอัตราดังกล่าว ทั้งนี้ ประมาณการว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (Peak) ปี 2559 จะอยู่ไม่เกิน 29,000 เมากะวัตต์ และมีระดับเฝ้าระวังอยู่ที่ 28,500 เมกะวัตต์
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล กรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) กล่าวว่า สำหรับราคาก๊าซฯ ในช่วงพ.ค.-ส.ค.นี้ คาดว่าจะปรับลดลงได้ 6 บาท/ล้านบีทียู แต่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนหลังจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ระดับ 35 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงทุก 1บาทจะกระทบต่อค่าไฟ 5-6 สตางค์/หน่วย ขณะที่ภัยแล้ง และการใช้พลังงานทดแทนที่มีต้นทุนค่าไฟสูง ทำให้ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) มีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น แต่ กกพ.จะหาแนวที่จะตรึงอัตราค่าเอฟทีไม่ให้ปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้ สำหรับในปี 2559 ไทยจะมีโรงไฟฟ้าใหม่จ่ายไฟเข้าระบบเพิ่มขึ้นหลายโรงคิดเป็นกำลังผลิตเพิ่ม 1,700เมกะวัตต์