ตลาดหุ้นเทรดวันแรกของปีลิง สะดุดเศรษฐกิจจีนหดตัวรุนแรง ปัจจัยในประเทศโดนแรงขายกองทุนฉุดดัชนีร่วง1.91 % โบรกคาดวันนี้ (5 ม.ค.) รีบาวน์ แต่ระวังแรงขายที่จะยังอยู่ 1-2 วัน ขณะที่จีนประกาศลดค่าเงินหยวนอ่อนสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บ.กสิกรไทย ระบุ เปิดเทรดวันแรกของปี 59 SET Index ปรับตัวลดลง 1.21% โดยปรับร่วงลงเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับลดลง และหลายๆกลุ่มปรับร่วงกันเกินกว่า 1% "การปรับร่วงกันเกือบทุกกลุ่มในตลาด อาจเกิดจากแรงขายของสถาบันในประเทศที่ทำการ Redeem เพื่อเตรียมเงินสดรองรับคำสั่งขาย LTF ที่จะมีเข้ามาในช่วงต้นปี โดยกลุ่มสื่อสารซึ่งวันนี้ดิ่งลง 4.3% เป็นเป้าหมายหลักในการเทขายของสถาบัน" นายประกิต กล่าว
ซึ่งฝ่ายวิจัย ประเมินในเบื้องต้น ปริมาณคำสั่งขาย LTF ไม่น่าจะเกินระดับ 8 พันล้านบาท
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกร กล่าวถึงตลาดหุ้นในภูมิภาค พร้อมใจกันปรับตัวลง อาทิ นิกเกอิปิดตลาดติดลบไป 3.06% ฮั่งเสงล่าสุดร่วง2.8% และที่หนักที่สุดคือ เซี่ยงไฮ้ ลงถึง 6.85% จนตลาดหุ้นจีนต้องใช้circuit breaker เพื่อลดความร้อนแรงของแรงขายลงชั่วคราว
นอกจากจะมีแรงกดดัน จาก PMI ภาคการผลิตที่ออกมาย่ำแย่ แล้ว ยังมีประเด็นเรื่องความกังวลต่อการสิ้นสุดของมาตรการห้ามผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนขายหุ้นออกในวันที่ 8 ม.ค.2559 นี้
อย่างไรก็ตาม นายประกิต คาดว่าแรงขายหลักๆได้ขายไปเยอะแล้ววันนี้จึงน่าจะเริ่มเห็นแรงซื้อคืนซึ่งน่าจะทำให้ SET Index ย้อนกลับมาทดสอบ 1,278 จุดอีกครั้ง
ด้านนายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ ระบุ โดยภาพรวมนักลงทุนมีความกังวลต่อ 1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก 2.การเติบโตของจีน 3.การที่ธนาคารสหรัฐฯ (Fed) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง และ 4.ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปี 2558 เป็นตัวฉุดตลาดลงมา แต่เมื่อมีข่าวความขัดแย้งในตะวันออกกลาง จึงทำให้นักวิเคราะห์ต้องมาประเมินกันใหม่ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกมากแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเดิม ๆ ยังคงมีอยู่
ด้านปัจจัยในประเทศ การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ ดังนั้น ปี 2559 จะเป็นปีที่น่าสนใจอีกปีหนึ่ง และต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 4 มกราคม 2559 ปิดที่ 1,263.41จุด ลดลง 24.61 จุด เปลี่ยนแปลง -1.91% มูลค่าการซื้อขายรวมสุทธิ 30,766.06 ล้านบาท
จีนลดค่าเงินหยวนอ่อนสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง
ล่าสุด ธนาคารแห่งประชาชนจีน หรือธนาคารกลาง ประกาศอัตราอ้างอิงรายวันในวันนี้ที่ 6.5032 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2554 ตามที่เคยประกาศว่า กำลังทำให้เงินหยวนเป็นไปตามตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราแลกเปลี่ยนหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ในตลาดจะขึ้นลงได้ไม่เกินร้อยละ 2 จากอัตราอ้างอิงของธนาคารกลาง
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนลดค่าเงินหยวนหลายครั้งรวมเกือบร้อยละ 5 ในหนึ่งสัปดาห์เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน
นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บ.กสิกรไทย ระบุ เปิดเทรดวันแรกของปี 59 SET Index ปรับตัวลดลง 1.21% โดยปรับร่วงลงเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับลดลง และหลายๆกลุ่มปรับร่วงกันเกินกว่า 1% "การปรับร่วงกันเกือบทุกกลุ่มในตลาด อาจเกิดจากแรงขายของสถาบันในประเทศที่ทำการ Redeem เพื่อเตรียมเงินสดรองรับคำสั่งขาย LTF ที่จะมีเข้ามาในช่วงต้นปี โดยกลุ่มสื่อสารซึ่งวันนี้ดิ่งลง 4.3% เป็นเป้าหมายหลักในการเทขายของสถาบัน" นายประกิต กล่าว
ซึ่งฝ่ายวิจัย ประเมินในเบื้องต้น ปริมาณคำสั่งขาย LTF ไม่น่าจะเกินระดับ 8 พันล้านบาท
ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกร กล่าวถึงตลาดหุ้นในภูมิภาค พร้อมใจกันปรับตัวลง อาทิ นิกเกอิปิดตลาดติดลบไป 3.06% ฮั่งเสงล่าสุดร่วง2.8% และที่หนักที่สุดคือ เซี่ยงไฮ้ ลงถึง 6.85% จนตลาดหุ้นจีนต้องใช้circuit breaker เพื่อลดความร้อนแรงของแรงขายลงชั่วคราว
นอกจากจะมีแรงกดดัน จาก PMI ภาคการผลิตที่ออกมาย่ำแย่ แล้ว ยังมีประเด็นเรื่องความกังวลต่อการสิ้นสุดของมาตรการห้ามผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจดทะเบียนขายหุ้นออกในวันที่ 8 ม.ค.2559 นี้
อย่างไรก็ตาม นายประกิต คาดว่าแรงขายหลักๆได้ขายไปเยอะแล้ววันนี้จึงน่าจะเริ่มเห็นแรงซื้อคืนซึ่งน่าจะทำให้ SET Index ย้อนกลับมาทดสอบ 1,278 จุดอีกครั้ง
ด้านนายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ ระบุ โดยภาพรวมนักลงทุนมีความกังวลต่อ 1.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก 2.การเติบโตของจีน 3.การที่ธนาคารสหรัฐฯ (Fed) ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง และ 4.ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปี 2558 เป็นตัวฉุดตลาดลงมา แต่เมื่อมีข่าวความขัดแย้งในตะวันออกกลาง จึงทำให้นักวิเคราะห์ต้องมาประเมินกันใหม่ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกมากแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเดิม ๆ ยังคงมีอยู่
ด้านปัจจัยในประเทศ การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ ดังนั้น ปี 2559 จะเป็นปีที่น่าสนใจอีกปีหนึ่ง และต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันที่ 4 มกราคม 2559 ปิดที่ 1,263.41จุด ลดลง 24.61 จุด เปลี่ยนแปลง -1.91% มูลค่าการซื้อขายรวมสุทธิ 30,766.06 ล้านบาท
จีนลดค่าเงินหยวนอ่อนสุดในรอบ 4 ปีครึ่ง
ล่าสุด ธนาคารแห่งประชาชนจีน หรือธนาคารกลาง ประกาศอัตราอ้างอิงรายวันในวันนี้ที่ 6.5032 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม 2554 ตามที่เคยประกาศว่า กำลังทำให้เงินหยวนเป็นไปตามตลาดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราแลกเปลี่ยนหยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ในตลาดจะขึ้นลงได้ไม่เกินร้อยละ 2 จากอัตราอ้างอิงของธนาคารกลาง
ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนลดค่าเงินหยวนหลายครั้งรวมเกือบร้อยละ 5 ในหนึ่งสัปดาห์เมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน