xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จับตาปี 59 “เพื่อแม้ว”เปิดสงครามข่าวหนักมาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่งชมการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตรระหว่างฝ่ายสมุนบริวารของพี่ชาย กับสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ยิ่งมีความชัดเจนว่า รัฐบาลภายใต้การกำกับดูแลของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) จะอยู่ในอำนาจต่อไปอีกไม่เกินช่วงกลางปี 2560 ก็ยิ่งเห็นพลพรรคเพื่อไทย ภายใต้บงการของนายทักษิณ ชินวัตร ออกมาเคลื่อนไหวถี่ขึ้น

โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 ที่ผ่านมา มีเหยื่ออันโอชะให้แก่สมุนบริวารของนายทักษิณ ชินวัตร นำไปขยายผลเพื่อลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาล คสช.ก็คือปัญหาการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

เมื่อผลการสอบสวนของกองทัพบกที่ระบุว่าไม่พบการทุจริตยังสร้างความคลางแคลงใจต่อสังคม พรรคเพื่อไทยได้ฉวยโอกาสออกแถลงการณ์ฺกรณีอุทยานราชภักดิ์อย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าพวกเขาเกลียดกลัวการทุจริตคอร์รัปชั่นเสียเหลือเกิน แต่โดยเนื้อแท้แล้ว มองตาเดียวก็รู้ว่า นี่คือส่วนหนึ่งของเกมที่จะเจาะยาง คสช.

นายทักษิณค่อนข้างจะมั่นใจแล้วว่า คสช.น่าจะอยู่ในอำนาจอีกประมาณ 18 เดือน หรือบวกลบก็คงไม่มาก จึงให้สมุนบริวารเตรียมพร้อมเอาไว้ สำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2560

หลังจากการยึดอำนาจโดย คสช.เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 พรรคเพื่อไทย หรือจะเรียกให้ถูกก็ต้องบอกว่า เครือข่ายสมุนบริวารของนายทักษิณ ชินวัตร อยู่สภาพที่ซวนเซอย่างหนัก เพราะนอกจากอำนาจรัฐจะหลุดลอยไปเป็นอีกคำรบหนึ่งแล้ว ยังถูกไล่บี้อย่างหนักด้วยประเด็นการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศหลายแสนล้านบาท

กรณีโครงการรับจำนำข้าว ไม่เพียงทำให้แกนนำระดับบนของพรรคเพื่อไทย ทั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นาบบุญทรง เตริยาภิรมย์ และอีกหลายคน ต้องมีคดีติดตัว และอาจถูกสั่งให้จ่ายค่าเสียหายจำนวนมหาศาลแล้ว ยังส่งผลลบต่อโครงการประชานิยมที่นายทักษิณ ชินวัตร ใช้ทำมาหากินมาตลอด

เพียงโครงการนี้โครงการเดียวก็ทำให้ภาพลักษณ์การเป็นพรรคการเมืองที่ทุจริตฝังลึกเข้าไปในเนื้อในของพรรคเพื่อไทยยิ่งขึ้น ขณะที่การชูนโยบายประชานิยมหลอกล่อเอาคะแนนเสียงจากประชาชนเหมือนอย่างที่เคยทำมาในช่วงการเลือกตั้งก่อนหน้านี้ทุกครั้ง ก็ทำได้ยากขึ้น

ยังไม่นับโครงการอื่นๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคนายทักษิณเป็นนายกฯ ต่อเนื่องมาถึงยุครัฐบาลนอมินี สมัคร สุนทรเวช สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งกลายเป็นคดีและเริ่มมีผลการตัดสินทยอยออกมาเรื่อยๆ

หากเครือข่ายสมุนบริวารของนายทักษิณ เอาแต่นั่งงอมืองอเท้ารอฟังคำตัดสิน ก็นับถอยหลังสู่วาระสุดท้ายของระบอบทักษิณได้เลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่า คสช.จะลงจากอำนาจในเวลาอีกปีกว่าๆ โอกาสที่ระบบทักษิณ จะฟื้นคืนชีพกลับมาก็ยังพอมี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากสิ่งที่รัฐบาล คสช.โดยเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เรียกว่าการปฏิรูปในด้านต่างๆ นั้น ไม่ได้นำไปสู่การปฏิรูปอย่างแท้จริง

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 จึงเห็นสมุนบริวารของนายทักษิณออกมาต่อปากต่อคำกับรัฐบาล คสช.มากขึ้น 

นอกจากกรณีโครงการอุทยานราชภักดิ์แล้ว คำแถลงผลงานรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558 ก็ยังถูกพรรคเพื่อไทยนำไปลดความน่าเชื่อถือโดยผ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทย เมื่อวันทที่ 25 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา

แถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยในวันนั้น ได้นำเอาช่องโหว่ในคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์บางส่วนไปขยายผลบิดเบือน เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่น ที่ดูจะกลายเป็นนิสัยถาวรของนักการเมืองประเทศนี้

ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ พรรคเพื่อไทยบอกว่า คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีที่ว่า “คนรายได้น้อยมาเลือก เพราะเขาต้องการเงินไปเลี้ยงครอบครัว” และ “คนมีรายได้ปานกลางไม่ออกมาเลือกตั้ง จะทำให้เสียงของคนที่อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า” นั้น ไม่ต่างจากคำพูดบนเวทีปราศรัยการชุมนุมขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่บอกว่าคนชนบทโง่ คนกรุงเทพฯ ฉลาดกว่า ดังนั้นเสียงต้องไม่เท่ากัน เป็นคำพูดที่แบ่งชนชั้น สะท้อนแนวคิดเพื่อรักษาหน้าตาและผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลที่มีฐานะดีเท่านั้น และไม่ใช่นักประชาธิปไตย เป็นพวกนิยมระบบแต่งตั้งมากกว่า

นี่เป็นมุกที่นายทักษิณใช้ทำมาหากินมานาน จากการที่ตนเองเคยชนะการเลือกตั้ง และเข้าสู่อำนาจรัฐบาลโดยผ่านการเลือกตั้งได้หลายครั้ง แต่ไม่บอกความจริงว่าได้ใช้เงินซื้อตัว ส.ส.และเครือข่ายหัวคะแนนไปเท่าไหร่ ผลาญเงินภาษีของคนทั้งประเทศเพื่อทำโครงการประชานิยมหลอกล่อเอาคะแนนเสียงไปเท่าไหร่ เพียงแค่ตนเองได้เป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็พะยี่ห้อความเป็นนักประชาธิปไตยให้ตัวเองแล้ว และสวมหมวกเผด็จการ-ลากตั้งให้ฝ่ายตรงข้ามทันที

แถลงการณ์พรรคเพื่อไทยวันที่ 25 ธันวาคม ยังหยิบยกเอาคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ที่พูดถึงโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่ว่า “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคของกระทรวงสาธารณสุข เป็นโครงการสุดยอด แต่รายได้ไม่มี” ไปบิดเบือนว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้าใจ มองปัญหาไม่ถูกต้อง โดยอ้างว่าโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคมีวัตถุประสงค์ช่วยคนยากจนไร้โอกาสให้มีหลักประกันในชีวิต โดยอ้างว่าค่าใช้จ่ายมีต้นทุนที่ 30 บาทมาจากภาษีอากรของประชาชน เงินจำนวนนี้มีไว้เพื่อเกื้อกูลคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่เพื่อค้ากำไร

แถลงการณ์ข้อนี้ คนที่ไม่เข้าใจโครงการ 30 บาทฯ น่าจะเป็นคนเขียนแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยกว่า ที่อ้างว่าโครงการมีต้นทุนที่ 30 บาท นายทักษิณน่าจะเขกหัวลูกน้องตัวเองสักหน่อย เพราะต้นทุนโครงการนี้ไม่ใช่ 30 บาท เงิน 30 บาทนั้น คือเงินที่ประชาชนจะต้องจ่ายในการเข้ารับการรักษาแต่ละครั้งต่างหาก ส่วนต้นทุนการบริหารงานที่เหลือทั้งหมดมาจากงบประมาณทั้งสิ้น ซึ่งมากกว่าครั้งละ 30 บาทหลายเท่า

การอ้างว่า โครงการนี้มีค่าใช้จ่ายต้นทุนที่ 30 บาท หากไม่ใช่การจงใจบิดเบือน ก็เป็นความโง่บัดซบของคนในพรรคเพื่อไทยเอง

แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีการไปสร้างกระแสดราม่าต่อเนื่องอีกว่า รัฐบาลจะยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค จนเกิดกระแสคัดค้านคุกรุ่นขึ้นมา

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีต้องรีบออกมาดับไฟแต่ต้นลม เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม โดยยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีแนวคิดที่จะยกเลิกโครงการดังกล่าวตามที่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยจงใจสร้างข้อมูลเท็จเพื่อให้เกิดความตื่นตระหนกและวุ่นวายในสังคม สิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือการปรับปรุงโครงการให้สามารถดูแลพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้รับการดูแลมากที่สุด ดีที่สุด และทั่วถึงที่สุด ขณะเดียวกันก็แก้ไขช่องโหว่ ความทับซ้อนของการจัดการและการใช้งบประมาณเพื่อมิให้เป็นภาระต่อการบริหารงบประมาณแผ่นดินในอนาคต

พล.ต.สรรเสริญยังตอกกลับสมุนบริวารของนายทักษิณว่า ในอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนได้แสดงพฤติกรรมชี้นำ ชักจูง ให้ผู้หลงผิดเผาบ้านเผาเมือง เป็นภาพสลดที่คนไทยทุกคนยังติดตาไม่รู้ลืม มาวันนี้พฤติกรรมโอหังฝ่าฝืนกฎหมายเช่นนั้นกระทำไม่ได้แล้ว เพราะ คสช.และรัฐบาลเข้ามาดูแลความสงบปลอดภัยในประเทศ แต่ ส.ส.พรรคเพื่อไทยก็ยังใช้วิธีเผาความรัก เผาความสามัคคีของคนในชาติ ด้วยการโกหก สร้างข้อมูลเท็จอย่างไม่ละอายใจ ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความวิตกกังวลและสังคมสับสนวุ่นวาย

ถึงกระนั้น สมุนบริวารของนายทักษิณก็ยังยกประเด็นใหม่ขึ้นมาตอดเล็กตอดน้อย คสช. เช่น นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ที่ออกมาเยาะเย้ยว่าการแถลงผลงานรอบ 1 ปีของรัฐบาลไม่มีอะไรเท่าไหร่ เพราะเป็นสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูดอยู่แล้วทุกสัปดาห์ ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญก็มีเจตนาให้มีตำหนิเพื่อไม่ให้ผ่านประชามติ เพราะเขียนขัดต่อหลักประชาธิปไตยสากลมาตั้งแต่ต้น

วันที่ 27 ธันวาคม ทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง นายภูมิธรรม เวชยชัย และพานทองแท้ ชินวัตร ต่างก็ออกมาโพสต์ข้อความแขวะรัฐบาล คสช.ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ราวกับนัดกันไว้ล่วงหน้า ขณะที่นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาต่อปากต่อคำกับ พล.ต.สรรเสริญ แบบเถียงคำไม่ตกฟาก

นี่เป็นสัญญาณที่บอกให้ คสช.รับรู้ว่า แม้การเคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะการชุมนุม การจัดเวทีปราศรัยจะทำไม่ได้ แต่สมุนบริวารของระบอบทักษิณก็ยังมีวิธีที่จะตอดเล็กตอดน้อย ทำลายความน่าเชื่อถือของ คสช.ลงไปได้ ทั้งผ่านแถลงการณ์ การให้สัมภาษณ์สื่อ โซเชียลมีเดีย ตลอดจนการให้ข้อมูลเป่าหูผ่านเครือข่ายหัวคะแนนลงไปสู่ฐานเสียงระดับรากหญ้า

และในปี 2559 นี้ นายทักษิณจะสั่งสมุนบริวารเปิดเกมรุกหนักผ่านช่องทางเหล่านี้ อย่างแน่นอน



กำลังโหลดความคิดเห็น