นายกฯ เผย อยากให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ แย้มทางออกรับถูกคว่ำ แค่ขออุบ ถึงผ่าน - ไม่ผ่านต้องมีเลือกตั้ง มุบมิบไม่ตอบเลือกตั้งปี 60 หรือไม่ ลั่นการปรองดองต้องไม่ยกเลิกคดีด้วยนิรโทษกรรม ยันไม่ยกเลิก 30 บาทรักษาทุกโรค แม้รัฐรับภาระ ลั่นพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม ขออย่าบิดเบือน หากข้องใจผลสอบราชภักดิ์ ก็ให้ ป.ป.ช. สตง. สอบต่อ ไม่มีปรับ ครม. หลังปีใหม่ เผยปี 59 น้ำยังพอมีใช้ แต่ขอร้องทุกภาคส่วนต้องมีวินัยการใช้น้ำ ไม่งั้นต้องอาบน้ำห้าขัน
วันนี้ (29 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า วันนี้ได้มีการทบทวนเรื่องกฎหมายกระบวนการปฏิรูปประเทศ และการร่างรัฐธรรมนูญ รัฐบาลยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าเราพยายามทำทุกอย่างให้มีการเลือกตั้งให้ได้ ให้มีการทำประชามติ ส่วนจะผ่านหรือไม่ผ่าน ตนไม่ใช่ผู้รับผิดชอบ ตนรับผิดชอบในการบริหารประเทศให้มันเดินหน้าไปได้ ถ้าประชามติไม่ผ่านทำอย่างไรให้มีการเลือกตั้งให้ได้ ซึ่งขณะนี้มีวิธีแล้วแต่ไม่บอก ดังนั้น อย่ามากดดันตนตรงนี้ อย่ามาโยนความรับผิดชอบให้ตน เพราะมี กรธ. อยู่แล้ว เขาก็ตั้งใจอยู่แล้ว สิ่งที่สื่อจะช่วยได้ คือ เอาหลักการและเหตุผล ความจำเป็นมาดู ทำไมต้องมีการปฏิรูป ต้องทำให้ประชาชนรับรู้ก่อน มีโรดแมปต่อไปเสร็จแล้วมีกฎหมายตามมา ถ้าท่านพูดคำว่าสิทธิเสรีภาพ มันก็จบที่เดิมรัฐธรรมนูญยังก็มาเหมือนเดิม ประเภทที่ว่าผิดจากตรงนั้นก็ไม่ผ่านหมด เพราะฉะนั้นเป็นเรื่องของประชาชนทั้งประเทศ เลือกเอาว่าเมื่อเลือกตั้งแล้วจะอย่างไรก็ได้ ก็อย่าหวังว่าจะปฏิรูปได้ ถ้าทุกคนไม่หวังตรงนั้น ตนอะไรก็ได้ก็ไปว่ากันมา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า จะให้ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการ กรธ. โดนตำหนิทุกวันอย่างนี้มันไม่ได้ เขาก็ตั้งใจที่จะทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ถ้าทุกคนมองว่าไม่เป็นประชาธิปไตย อย่างไรมันก็เป็นอย่างนั้น จะให้เป็นที่พอใจของทุกคนไม่ได้ เขียนให้ทุกคนพอใจนั้นไม่มี แต่เขียนให้ประเทศไปได้ ให้ประเทศมันปฏิรูป มันมีหนทาง มันต้องสร้างความเข้าใจกันแบบนี้ ไม่ใช่เขียนว่ารัฐธรรมนูญจะผ่านไม่ผ่าน นายกฯต้องรับผิดชอบ ตนว่ามันไม่ใช่ วันนี้ตนรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ต้องถึงรัฐธรรมนูญ รับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว เพราะตนยืนอยู่ตรงนี้ แต่การจะให้ตนรับผิดชอบเมื่อรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะทำอย่างไร ส่วนจะรับผิดชอบอย่างไรก็เป็นเรื่องของตน จะให้มีเลือกตั้งหรือไม่มีเลยมันก็เรื่องของผม รับธรรมนูญไม่ผ่านแล้วผมจะทำอย่างไรก็เรื่องของผม เข้าใจหรือไม่ ถ้าท่านหาข้อตกลงตรงนั้นไม่ได้เดี๋ยวผมจัดการเองความรับผิดชอบของผมเป็นแบบนั้น ถ้าไม่ผ่านแล้วจะเอาผมไปขึ้นตะแลงแกงหรืออย่างไร ผมไม่ได้นึกถึงเรื่องของอำนาจอย่าไปเถียงกันมาก ทุกเล่มทุกฉบับเขียนกันอยู่อย่างนั้นแหละ สร้างเครือข่ายรักคนนั้นคนนี้มากกว่าไม่มีหรอครับผมไม่มีอย่างนั้น
เมื่อถามว่า ที่นายกฯระบุว่า หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่านประชามติ ก็จะนำไปสู่การเลือกตั้งนั้น ถ้าไม่ผ่าน การเลือกตั้งจะยังเป็นปี 60 เช่นเดิมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ทำไมใจร้อน ผมไม่ได้สนใจ เดี๋ยวคนก็รู้เองอย่ามาถามผมตอนนี้ ถ้ามาถามตอนนี้ก็ตีกันตอนนี้ ผมไม่อยากให้ตรงนั้น ทุกอย่างอยู่ในหัวผมหมดแล้ว ผมยากให้รัฐธรรมนูญผ่าน แล้วอย่าไปเขียนว่าผมต้องรับผิดชอบนั้น รับผิดชอบนี้ ถ้าไม่ผ่านผมก็ต้องหาวิธีแก้ปัญหา ไม่ใช่ต้องรับผิดชอบถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน แค่ท่านตอนผมว่าประเทศต้องการปฏิรูปหรือไม่ รัฐธรรมนูญต้องมีความแตกต่างหรือไม่ ต้องไม่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนใช่มั้ย ผมต้องรับผิดชอบอยู่แล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมคงไม่ปล่อยประเทศย่อยสลายไปต่อหน้าผม ผมไม่ยอม ผมคิดว่าคนไทยอีกเยอะ เดี๋ยวถามไปเลยได้ไหมว่าใครที่พร้อมจะอยู่กับผมบ้าง ถามไหมล่ะ”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในเรื่องความมั่นคง ตนได้บอกในที่ประชุมว่าต้องดูในหลาย ๆ มิติ โดยการเอาประสบการณ์ที่ผ่านมาว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วจะทำอย่างไร ประชาชนจะร่วมมือกันได้อย่างไร ไม่ใช่แค่ช่วงเทศกาลปีใหม่แต่ต้องตลอดไป เพราะวันนี้ภัยคุกคามเกิดขึ้นทั่วโลก พร้อมจะเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือเราอย่าไปตกในท่ามกลางความขัดแย้งเสียเองในเมื่อมันไม่ใช่ปัญหาของประเทศเราโดยตรง ฉะนั้นต้องขอร้องสื่อซึ่งมีหลายอย่างแล้วที่เห็นว่ามันบานปลายไปเรื่อย เพราะสื่อไม่เข้าใจแล้ว เขียน วิจารณ์ซึ่งเป็นสิทธิท่าน แต่ต้องไม่ทำให้ประเทศเกิดความเสียหาย ไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศ ระหว่างผู้นำประเทศ เพราะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสำคัญที่สุดในเรื่องของการที่จะทำให้อาเซียนเข้มแข็ง จะสามารถพูดกันได้ทุกเรื่องถ้าไม่ทะเลาะกัน
นายกฯ กล่าวอีกว่า ในเรื่องกระบวนการยุติธรรมก็เหมือนกัน ต้องคิดว่าถ้าเขียนไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้นมาแล้วเราจะเสียหายหรือไม่ แม้กระทั่งเรื่องคดีคงไม่ต้องพูดกันอีกแล้ว เป็นเรื่องของสื่อที่ควรจะคิดเอาเอง ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ซึ่งก็ต้องไปเข้ากระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีอยู่แล้วเหมือนกับคดีอื่น ๆ อย่าทำให้เกิดผลกระทบ ประเทศเพื่อนบ้านเขาก็เป็นห่วงเป็นใยคนของเขา ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เขาไม่ได้มาจี้อะไร เขาฝากดูแลซึ่งเราก็ตอบไปแล้วว่าโอเคก็จบ
“อย่าไปให้เกิดการปลุกระดมอะไรต่าง ๆ แล้วทำให้ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย มันไม่ได้ มันเสียหาย ทั้งหมดอยู่ที่พยานหลักฐาน ซึ่งก็รู้อยู่แล้วว่าการตัดสินจากวัตถุพยานคืออะไร เป็นไปได้หรือไม่ อย่าไปเขียนคล้อยตามคนพูดไปเรื่อยฟังเขาบ้างมันจะได้ชั่งน้ำหนักได้” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องเข้าใจกฎหมายของประเทศ ถ้าเอาทุกอย่างมาตีกันไปมาด้วยความรู้สึกหรือเลือกปฏิบัติ การพูดแบบนี้มันไม่ถูก คิดว่ามันจะเป็นการสร้างความขัดแย้งไปเรื่อย ๆ แล้วจะมาบอกว่าตนไม่สร้างความปรองดอง ถ้าการปรองดองจะต้องยกเลิกการดำเนินคดี ด้วยการนิรโทษกรรมทั้งหมดมันไม่ได้ กฎหมายคือกฎหมาย ยังมีวิธีการอีกตั้งเยอะแยะ ทั้งสู้คดีลดโทษพักโทษ มีหมดอภัยโทษตามห้วงเวลาสำคัญ ซึ่งก็เห็นว่าเป็นอย่างนี้มาตลอด ไม่เห็นจะต้องเอาเป็นเอาตายอะไรกันขนาดนี้ ที่ผ่านมาคดีประหารชีวิต เราเคยประหารชีวิตคนสักกี่คน ไม่มีหรอกวันนี้การตัดสินเป็นการตัดสินตามรูปคดี ตามกฎหมาย ตามหลักฐานพยาน แต่การต่อสู้คดีก็ทำต่อไป ถ้าถูกลงโทษอย่างนั้นก็สู้คดีไป ส่วนใหญ่เมื่อถูกโทษประหารชีวิตก็จะเป็นจำคุกตลอดชีวิต แล้วเคยอยู่กันตลอดชีวิตหรือไม่ วันกิจกรรมต่างๆมีเยอะก็ลดโทษไปเรื่อย เดี๋ยวก็ออกมาจากการถูกจำคุกสักที ถ้าเป็นคนดีก็โอเค แต่ถ้าออกมาแล้วไม่ดีกลับไปเป็นผู้ร้ายใหม่ คราวนี้ต้องลงโทษหนักหน่อยเป็นธรรมดา ขอให้เข้าใจขั้นตอนตรงนี้
นายกฯ กล่าวอีกว่า คิดว่าคงจะเข้าใจขั้นตอนกันหมดแล้ว เพียงอย่าไปตามกระแสที่มีคนปลุกปั่นขึ้นมาก็แล้วกัน มันจะทำให้สับสนวุ่นวายไปหมด ตนจึงต้องมาตอบคำถามเรื่องเหล่านี้เสียเวลา เสียสมอง ต้องให้กลไกเขาทำงาน ตนไม่ได้ทำงานคนเดียว ข้าราชการมีกว่า 2ล้านคน ต้องให้เขาทำงาน ตนสั่งคนเดียวคน 2 ล้านก็ขยับหมด เพราะต้องไปทำงานในทางปฏิบัติ เพื่อให้กฎหมายเดินได้ วันนี้ตนอยากใช้เวลาอธิบายเรื่องเหล่านี้แค่นี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ว่า ตนเน้นไปที่การจัดที่ดิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีการบุกรุกป่า เพราะเราจำเป็นต้องเพิ่มพื้นที่ป่าสมบูรณ์อีก 26 ล้านไร่ เพื่อให้มีพื้นที่ป่าเป็น 40% ของพื้นที่ทั้งหมดในประเทศไทย ตามนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องดูว่าทำอย่างไรจะให้บางพื้นที่มีคนอยู่อาศัยได้ บางพื้นที่ที่ต้องมีการปลูกป่าเพิ่ม รวมทั้งต้องแก้ปัญหาผู้บุกรุกไปป่าด้วย ซึ่งทางออกที่ดีที่สุดคือทำอย่างไรให้คนอยู่ร่วมกับป่าได้ตามหลักการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
“หากเราเอาที่คืนมามันก็มีปัญหา แต่ต้องไม่เป็นการสนับสนุนให้คนทำผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นปีหน้าต้องระบุให้ได้ว่ามีคนที่บุกรุกเท่าจำนวนเท่าไหร่และจะทำอย่างไรกับเขา ทำช้าเกินไปไม่ได้เพราะวันหน้าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สำหรับผู้ที่ไม่มีที่ดิน ไม่ว่าจะกลุ่มพีมูฟ ที่ออกมาเคลื่อนไหวอยู่ ต้องมีการตรวจสอบดูว่าเขาเดือดร้อนอย่างไร ข้อเท็จจริงคืออะไร ที่ออกมานำการเคลื่อนไหวเพราะอะไร ใครเป็นคนนำ นำมาจากไหน มีผลกระทบกับชาวบ้านด้วยหรือไม่ หรือเพียงแค่นำมาประท้วงอย่างเดียว เพื่อเป็นการหาต้นตอของปัญหาเหล่านี้และแก้ปัญหาให้ถูกจุด ไม่ใช่เป็นการทำร้ายใคร” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมครม.ได้มีการหารือกันในหลายๆเรื่อง ซึ่งเรื่องการบริหารจัดการน้ำนั้นเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องดูกันในข้อมูลที่เอามาให้ดูว่าการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลชุดก่อนกับรัฐบาลชุดนี้มีความแตกต่างกันตรงไหน ซึ่งก็มีความชัดเจนขึ้นและคงจะได้มีการปฏิรูปต่อไปได้ รวมถึงเรื่องโครงสร้างพื้นฐานก็เช่นกันที่นำมาดูว่ามีตรงไหนอย่างไร ตามหลักการของตนในเรื่องการใช้งบประมาณเพื่อสามารถให้มีการปรับแก้ได้ และโครงการใดที่สามารถเริ่มขึ้นในรัฐบาลนี้ได้เพื่อเป็นการวางบรรทัดฐานในการคิดโครงการต่อ ๆ ไป เพราะเราไม่สามารถคิดและผูกพันสัญญา หรือทำเองโครงการใดเองก่อนเพื่อโยนไปให้คนอื่นทำต่อตนคิดว่ามันไม่ยุติธรรมทำหรับคนอื่นๆ และตนไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก
“จากที่ได้ดูตัวเลขน้ำจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วค่อนข้างที่จะโอเค ยังพอที่จะให้บริการได้ ดูแลได้ อย่างน้อยที่เราประมาณการไว้ถึงเดือน ก.ค.ปี 59 ทั้งน้ำการเกษตร ประปา อุปโภคบริโภค น้ำที่ผลักดันน้ำเค็ม แต่ถ้าเราใช้เกินที่ประมาณการไว้ก็อาจเกิดปัญหาในภาพรวมทั้งหมด เช่นภาคอุตสาหกรรม ไม่เฉพาะน้ำที่ใช้ปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว เพราะเราคงห้ามเกษตรกรทำนาไม่ได้ เพียงแต่ขอความร่วมมือ ตอนนี้ผมได้ให้แนวทางใหม่คือให้พาชาวนาไปดูงานที่ต้นน้ำ เช่น ชัยนาท อ่างทอง อยุธยา โดยให้เกษตรจังหวัด ชลประทานจังหวัด ขึ้นรถพาเขาไปดูต้นทางน้ำว่ามีแค่ไหนอย่างไร ต้องให้เขาได้เห็นอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นเขาก็ไม่รู้ เขาก็จะรู้แค่น้ำที่ไหลผ่านหน้าแต่ไม่ให้เขาสูบไปใช้ จะต้องให้เขารู้ว่าต้นทางมาจากไหน มีแค่ไหน เขาก็เข้าใจแล้วว่าจะช่วยประหยัดได้อย่างไร ใช้น้ำอย่างมีวินัย อย่างไรก็ตามประเทศไทยน้ำยังพอมี ฝนมากฝนน้อยก็พอได้ แต่เรื่องที่สำคัญเรื่องหนึ่งคือวินัยการใช้น้ำ ถ้าใครอาบน้ำวันละ 20 ขันน้ำก็คงไม่พอ ก็ต้องใช้ผ้าเช็ดตัว ล้างหน้าเอา หรือ 5 วันอาบที ดังนั้นต้องช่วยกันปิดก๊อกน้ำ ระวังไม่ให้น้ำรั่วซึม ใช้น้ำอย่างประหยัด ทุคนต้องระลึกเสมอว่า จะใช้น้ำน้อยได้อย่างไร แม้กระทั่งแปรงฟัน อาบน้ำ อย่างไรให้ใช้น้ำประหยัด ในขณะที่ใช้น้ำก็ให้นึกถึงเกษตรกรที่เขาก็ต้องใช้น้ำเหมือนกัน ที่เขาต้องใช้น้ำทำข้าว ทำอาชีพ ทำเงินให้เขา ไม่ใช่แค่ใช้น้ำ จ่ายเงินค่าน้ำ อาบน้ำโครมๆก็จบ มันไม่ใช่ แต่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการมีวินัยการใช้น้ำ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงเสียงวิจารณ์ที่ว่ารัฐบาลจะยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ว่า ในเรื่องการดูแลระบบสาธารณสุข ซึ่งใช้งบประมาณจำนวนมาก ต้องยอมรับว่าเป็นภาระที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว ไม่ได้บอกว่าไม่ดี ถือเป็นนโยบายที่ดี แต่จะทำอย่างไรให้พัฒนาดีกว่าเดิม ดียิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีผลกระทบหลายอย่าง ทั้งผู้รักษาพยาบาล หมอ สถานพยาบาล ผลประกอบการ ล้วนมีผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น แต่ยืนยันว่าจะไม่ทำให้แย่ไปกว่าเดิม หรือได้น้อยไปกว่าเดิม แต่จะต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม ในขณะเดียวกัน รัฐบาลต้องเตรียมงบประมาณส่วนหนึ่งไว้รองรับสังคมสูงอายุ ซึ่งในปี 2559เป็นต้นไปผู้สูงอายุในไทยจะมากขึ้น รัฐบาลต้องดูแล วันนี้ทุกส่วนต้องการการดูแลมากขึ้นต้องใช้งบประมาณมากขึ้น แต่รายได้ของประเทศยังอยู่เท่าเดิม นี้จึงเป็นภาระที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ ขอให้เข้าใจว่าไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่า มีได้ก็ต้องมีเสีย อยู่ที่จะเสียมากหรือเสียน้อย เราต้องมีภูมิคุ้มกัน มีมาตรการลดความเสี่ยง ทางการเรียนรู้ให้กับคน วันนี้ต้องขอความเห็นใจกับรัฐบาลด้วย ไม่อยากให้ทุกอย่างที่ทำถูกต่อต้านด้วยการบิดเบือนข้อมูล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมที่จะแถลงผลสอบจากการตรวจสอบทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ว่า “ทำไม มันจะเป็นจะตายหรือไง ก็เดี๋ยวเขาขอตรวจสอบและส่งขึ้นมา แต่ผมยังไม่เห็น ก็เดี๋ยวเขาจะเอาขึ้นมาตรวจสอบและคัดกรองส่งไปยังกระทรวงกลาโหม ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกันก่อน ไม่ใช่ส่งไปส่งมาแล้วจะไปเล่นงานเขา มันไม่ใช่ คือต้องให้กระทรวงเขาตรวจสอบก่อนว่าจริงหรือเปล่า ให้โอกาสเขาสิ ไม่ใช่ว่าเป็นคนข้างนี้แล้วผมจะลงโทษก่อน มันไม่ใช่ คนไทยด้วยกัน แต่ผมจะให้โอกาสเขา ถ้าต้องลงโทษก็ต้องเข้ากระบวนการตรวจสอบ หาหลักฐานอะไรต่างๆให้เรียบร้อย แล้วให้ทางกระทรวงเขาลงโทษเองได้ 1. ก็ปรับย้าย 2. คือปลดออก ไล่ออก ไม่ได้บำเหน็จบำนาญ 3. หากยังไม่พอยัง ยังมีความผิดอีกก็ส่งไปคณะ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) หรือจะไปฟ้องศาลอาญา ศาลแพ่งก็ได้ มันเป็นแบบนี้ ไม่ต้องเร่งรัด ถามว่าเสร็จยัง ๆ ไม่สร้างสรรค์เลย มันเป็นเรื่องของการแก้ปัญหา เป็นเรื่องของปลายเหตุ ต้องถามว่าแล้วจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ นั่นคือการพัฒนาระบบราชการบริหารแผ่นดิน มีกฎหมาย ไม่ก้าวล่วงอำนาจซึ่งกันและกัน ข้าราชการต้องรักษากฎระเบียบ ผู้มีอำนาจทางปกครองก็ไม่ไปทับเขา ไอ้นี่ก็แก้ไป ติดคุกก็ติดไป การแก้ไขปัญหาต้องให้ความเป็นธรรมด้วย”
“การตรวจสอบทุจริตของข้าราชการทางการเมืองก็อีกอย่างหนึ่ง ข้าราชการก็อีกอย่างหนึ่ง ประชาชนทั่วไปก็อีกอย่างหนึ่ง ข้าราชการนั้นมี 2 ดอก คือ อาญากับแพ่งและมีมาตรการทางวินัย โดยจะต้องมีการตรวจสอบภายในและภายนอก ซึ่งหากยังไม่พอหน่วยงานอื่นก็สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ทุกโครงการของกองทัพบกตั้งแต่ผมอยู่มา ก็มีการตรวจสอบทุกเรื่อง มีการนำหลักฐานมาชี้แจง หากเขาไม่เข้าใจและไม่ให้เราทำ เราก็ไม่ทำ เราก็หยุดไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซื้อยานพาหนะ ซื้อรถซื้อลา ต่างถูก กลั่นกรองและผ่านการตรวจสอบ ซื้ออะไรไม่ได้หรอกถ้า ป.ป.ช. สตง. ค้าน หากจะย้อนกลับไปกลับมา คงต้องย้อนทุกเรื่อง ทุกกระทรวง ส่วนซื้อมาแล้วใช้ได้หรือไม่ เราคงไม่รู้ เพราะบางครั้งสเปกของไทยต่อต่างประเทศไม่เหมือนกัน ทุกเรื่องก็ต่างมีปัญหาหมด ถ้าจะเป็นรื้อเรื่องเก่า ๆ ผมว่าไม่เป็นธรรมเท่าไหร่”
ผู้สื่อถามว่าหลังปีจะมีการปรับตำแหน่งคณะรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้บอกว่าจะเปลี่ยนหรือจะปรับ ครม.ยังอยู่ครบ ปีใหม่ก็ให้เขาพักผ่อน ไม่เคยพูดว่าจะปรับ” เมื่อถามต่อว่าผลสอบอุทยานราชภักดิ์จะมีส่วนในการตัดสินใจปรับหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะมีการแถลงก็รอฟังสิ ถ้ายังไม่จบแค่นั้นก็ไป ป.ป.ช. สตง.
เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า หมอดูอีทีทำนายแล้วว่าใครจะเป็นนายกฯ คนต่อไป นายกฯ กล่าวว่า “ผมเอามาจากสื่อนี่แหละ สื่อไม่เห็นกันหรือ” ผู้สื่อข่าวตอบว่ามีแต่โหรวาริน บัววิรัตน์เลิศ ที่ทำนายว่าจะอยู่ถึง 10 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ก็ต้องขอบคุณ”