ผู้จัดการรายวัน360-"บิ๊กตู่"แถลงผลงานรัฐบาล 1 ปี ระบุปฏิวัติครั้งนี้ หวังให้เกิดการปฏิรูปอย่างแท้จริง ต้องวางรากฐานประเทศให้ก้าวหน้า ทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมาย ย้ำเหลือเวลาทำงานอีก 1 ปี 6 เดือน ต้องปฏิรูปให้จบ บ่นพวกเก่งแต่ในโซเซียลทำลายประเทศ วอนสื่ออย่าช่วยขยายความ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30น. วานนี้ (23ธ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวเปิดการแถลงผลการดำเนินงานรัฐบาลรอบ 1 ปี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจาก คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงจากทุกกระทรวงเข้าร่วม
พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นการแถลงผลงาน โดยระบุว่า การเตรียมการแถลงครั้งนี้ มีความตั้งใจมาก พร้อมมา 3-4วันแล้ว อยากให้เข้าใจตรงกัน อะไรที่เป็นปัญหา ที่ต้องแก้ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ในฐานะที่ตนมารับผิดชอบวันนี้ ต้องเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดความแตกต่างในการปฏิรูปอย่างที่ทุกคนต้องการ ภาพความขัดแย้งต้องเอาออกทั้งหมด วันนี้จะมาพูดเรื่องอนาคต อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะต้องการปฏิรูปอย่างแท้จริง
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวสรุปถึงผลงานในด้านต่างๆ โดยระบุว่า ด้านความมั่นคง ประชาชนต้องช่วยร่วมเฝ้าระวัง ไม่ใช่โยนให้เจ้าหน้าที่อย่างเดียว ด้านเศรษฐกิจ ต้องปรับโครงสร้างให้เข้มแข็ง ด้านสังคม ต้องสร้างสังคมที่ไม่มีความขัดแย้ง ด้านต่างประเทศ ต้องเชิงรุกทั้งด้านการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าขาย ซึ่งรัฐบาลได้ทำไปแล้วปีแรกจนถึงปีที่ 2 และเหลืออีกปีครึ่งที่จะทำต่อ ด้านกฎหมาย ต้องทำให้บ้านเมืองเคารพกฎหมาย ต้องลดความขัดแย้ง วันนี้ทุกคนรู้หมดประเทศมีปัญหาอะไร พอจะเดินได้ ก็เริ่มมีคนสกัดขา ต้องหยุดให้ได้
ส่วนเรื่องการปฏิรูป พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลได้ทำมาตั้งแต่ปีแรก เหลือเวลาอีก 1 ปี 6 เดือน นับจากม.ค.2559 ถึงก.ค.2560 จะวางพื้นฐานในสิ่งที่ยังไม่ทำ อันไหนทำไม่ทัน ทำไม่ได้ ก็ใส่ไปในแผนปฏิรูป และอย่ามองประชาธิปไตย จะต้องมีการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง จะมีก็ต้องมี พร้อมกับขอให้เลิกใช้โซเซียลมีเดียโจมตี เพราะบางครั้งมันเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และขอให้สื่อมวลชนอย่าไปขยายความขัดแย้ง
"วันนี้หากเราต้องการปฏิรูป ก็ต้องเสียคำว่าประชาธิปไตย ท่านไม่ได้เสีย แต่ผมเสีย หากผมทำให้ประเทศเสียหาย ท่านก็ต้องเสียด้วย ผมก็ต้องขอโทษ ต้องขอโทษที่เข้ามาเอง แต่ผมก็จะใช้เวลาอยู่ให้ได้ นโยบายการปฏิบัติขับเคลื่อนก็ว่าไป ตรวจสอบการทุจริต ก็ว่าไป ถ้าทนไม่ไหวก็เอาเข้ากระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ออกมาพูดอย่างนี้ทุกวัน ไปหามาหลักฐานฟ้อง ร้องทุกข์กล่าวโทษ เขามีกลไกในการทำงานอยู่แล้ว ไม่ใช่ไปขยายว่าผิดก็ทะเลาะกันอยู่แบบนี้ แล้วเข้ากระบวนการยุติธรรมหรือยัง แม้กระทั่งโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ผมก็ยังไม่อยากพูดถึงเพราะเรื่องยังไม่จบ ทำให้มันจบเสีย จะได้ชัดเจนขึ้นว่าใช่หรือไม่ใช่ ให้มีโอกาสในการต่อสู้ ในการฟ้องศาล ผมก็ทำหน้าที่ของผม คือ เอาเข้ากระบวนการยุติธรรม แล้วจะเอาอย่างไรกันอีก จะให้ใช้อำนาจ มาตรา 44 เรียกมาประหารชีวิตเลยหรือ ทันใจไหม ถ้าทำแบบนี้ เราทำแบบเดิมไม่ได้ ไม่ต้องกลัวเสียของ ถ้ากลัวเสียของ ก็ไม่ได้ทำ ที่ทำทั้งหมดยังกลัวเสียของอีก แล้วจะให้ทำอย่างไรอีกเล่า"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้น นายกฯ กล่าวอีกว่า คสช. ไม่มีพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญ ไม่มีพิมพ์เขียวอะไรเลย แต่วันนี้เป็นหน้าที่ของแม่น้ำ 5 สาย สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะต้องทำ ทำให้การเมือง 20 ปีข้างหน้าแข็งแรง เพราะประชาธิปไตย 83 ปีที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร พร้อมย้ำว่า ไม่ได้มีการสืบทอดอำนาจ ขณะที่การทำประชามติ ขอให้ทุกคนออกไปออกเสียง เพราะหากประชามติไม่ผ่าน ผมก็ต้องรับผิดชอบ
ส่วนในด้านกฎหมาย กฎระเบียบ นายกฯ ยืนยันว่า ต้องปรับปรุงกฎหมายที่ไม่เคยออกหรือไม่ทันสมัย และได้ยกตัวอย่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่กำลังพิจารณาอยู่ว่าควรมีหรือไม่ ขณะที่เรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ก็ต้องปรับปรุง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ ต้องทำให้เข้มแข็ง ต้องเพิ่มขีดความสามารถ และต้องแก้กฎหมายไปด้วย พันธะสัญญา กฎหมายสากล กฎหมายการค้า กฎหมายการลงทุน ทั้งหมดต้องแก้หมด ส่วนเอกชนและธุรกิจ วันนี้ต้องช่วยรัฐบาล มีคณะกรรมาธิการร่วม คณะที่ปรึกษาร่วม เพื่อหารือถึงปัญหา คุยเรื่องการช่วยเหลือ เรื่องการค้าการลงทุน การนำสินค้าไปขาย ไปต่อยอดการลงทุน ต้องคุยกันแบบนี้
สำหรับด้านสาธารณสุข พบว่า ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทุกปี การรักษาพยาบาล เบี้ยผู้สูงอายุต้องปรับวิธีการจ่าย ด้านการศึกษา ต้องพัฒนาระบบการศึกษา งบประมาณก็มีมาก แต่ผลการประเมินการศึกษาอยู่ในอันดับไม่ดี ต้องปรับปรุง
ในตอนท้าย นายกฯ ได้กล่าวถึงปัญหาค้ามนุษย์ โดยขอให้ดำเนินการกับหัวโจกที่ทำผิดกฎหมายให้หมด ทั้งบนบกและในน้ำ ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำงาน จะต้องแก้ไขปัญหาไอยูยูให้ได้ เพราะเหลือเวลาอีก 20 วัน โดยจะต้องรายงานให้ครบ อย่าปกปิด เพราะจะได้จบๆ ไป ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค.2559 ก็จะเป็นการชี้ชะตาว่า ไทยจะได้ใบแดงหรือใบเหลือง
ถัดมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แถลงผลงานด้านความมั่นคง โดยระบุว่า ก่อน คสช.เข้ามา มีปัญหาความขัดแย้ง มีการใช้อาวุธสงคราม เผาบ้านเผาเมือง เมื่อเข้ามาแล้ว ได้ใช้ความเด็ดขาดเพื่อยุติศึกต่างๆ วันนี้จึงสงบ และย้ำต่อว่า จำเป็นต้องมีทหาร เพื่อช่วยแก้ไขความขัดแย้ง ส่วนปัญหาภาคใต้ เชื่อว่าภายในปี 2559 จะสามารถยุติในเรื่องการสู้รบได้ ขณะที่ปัญหาประมง กำลังดำเนินการแก้ไขอย่างเต็มที่ ปัญหาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) การแก้ไขมีความคืบหน้า ส่วนที่สำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FFA) ลดชั้นไทยลงมา ก็มีการชี้แจงแล้ว
สำหรับในด้านเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นนโยบายประชารัฐ พร้อมระบุถึงแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป (อ่านข่าวหน้า4)
รายงานข่าวแจ้งว่า ผลงานของแต่ละกระทรวงจะมีการแถลงอย่างละเอียดผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2558 ถึงวันที่ 13 ม.ค.2559 โดยจะเว้นวันศุกร์ที่จะมีรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยเรียงตามตัวอักษร เริ่มจากกระทรวงกลาโหมและสิ้นสุดที่กระทรวงอุตสาหกรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30น. วานนี้ (23ธ.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวเปิดการแถลงผลการดำเนินงานรัฐบาลรอบ 1 ปี โดยมีรองนายกรัฐมนตรี ผู้แทนจาก คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ คณะรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงจากทุกกระทรวงเข้าร่วม
พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นการแถลงผลงาน โดยระบุว่า การเตรียมการแถลงครั้งนี้ มีความตั้งใจมาก พร้อมมา 3-4วันแล้ว อยากให้เข้าใจตรงกัน อะไรที่เป็นปัญหา ที่ต้องแก้ระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ในฐานะที่ตนมารับผิดชอบวันนี้ ต้องเป็นผู้นำที่ทำให้เกิดความแตกต่างในการปฏิรูปอย่างที่ทุกคนต้องการ ภาพความขัดแย้งต้องเอาออกทั้งหมด วันนี้จะมาพูดเรื่องอนาคต อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่อง เพราะต้องการปฏิรูปอย่างแท้จริง
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวสรุปถึงผลงานในด้านต่างๆ โดยระบุว่า ด้านความมั่นคง ประชาชนต้องช่วยร่วมเฝ้าระวัง ไม่ใช่โยนให้เจ้าหน้าที่อย่างเดียว ด้านเศรษฐกิจ ต้องปรับโครงสร้างให้เข้มแข็ง ด้านสังคม ต้องสร้างสังคมที่ไม่มีความขัดแย้ง ด้านต่างประเทศ ต้องเชิงรุกทั้งด้านการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ต้องร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้าขาย ซึ่งรัฐบาลได้ทำไปแล้วปีแรกจนถึงปีที่ 2 และเหลืออีกปีครึ่งที่จะทำต่อ ด้านกฎหมาย ต้องทำให้บ้านเมืองเคารพกฎหมาย ต้องลดความขัดแย้ง วันนี้ทุกคนรู้หมดประเทศมีปัญหาอะไร พอจะเดินได้ ก็เริ่มมีคนสกัดขา ต้องหยุดให้ได้
ส่วนเรื่องการปฏิรูป พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลได้ทำมาตั้งแต่ปีแรก เหลือเวลาอีก 1 ปี 6 เดือน นับจากม.ค.2559 ถึงก.ค.2560 จะวางพื้นฐานในสิ่งที่ยังไม่ทำ อันไหนทำไม่ทัน ทำไม่ได้ ก็ใส่ไปในแผนปฏิรูป และอย่ามองประชาธิปไตย จะต้องมีการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว ไม่ได้ปฏิเสธการเลือกตั้ง จะมีก็ต้องมี พร้อมกับขอให้เลิกใช้โซเซียลมีเดียโจมตี เพราะบางครั้งมันเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และขอให้สื่อมวลชนอย่าไปขยายความขัดแย้ง
"วันนี้หากเราต้องการปฏิรูป ก็ต้องเสียคำว่าประชาธิปไตย ท่านไม่ได้เสีย แต่ผมเสีย หากผมทำให้ประเทศเสียหาย ท่านก็ต้องเสียด้วย ผมก็ต้องขอโทษ ต้องขอโทษที่เข้ามาเอง แต่ผมก็จะใช้เวลาอยู่ให้ได้ นโยบายการปฏิบัติขับเคลื่อนก็ว่าไป ตรวจสอบการทุจริต ก็ว่าไป ถ้าทนไม่ไหวก็เอาเข้ากระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ออกมาพูดอย่างนี้ทุกวัน ไปหามาหลักฐานฟ้อง ร้องทุกข์กล่าวโทษ เขามีกลไกในการทำงานอยู่แล้ว ไม่ใช่ไปขยายว่าผิดก็ทะเลาะกันอยู่แบบนี้ แล้วเข้ากระบวนการยุติธรรมหรือยัง แม้กระทั่งโครงการต่างๆ ของรัฐบาล ผมก็ยังไม่อยากพูดถึงเพราะเรื่องยังไม่จบ ทำให้มันจบเสีย จะได้ชัดเจนขึ้นว่าใช่หรือไม่ใช่ ให้มีโอกาสในการต่อสู้ ในการฟ้องศาล ผมก็ทำหน้าที่ของผม คือ เอาเข้ากระบวนการยุติธรรม แล้วจะเอาอย่างไรกันอีก จะให้ใช้อำนาจ มาตรา 44 เรียกมาประหารชีวิตเลยหรือ ทันใจไหม ถ้าทำแบบนี้ เราทำแบบเดิมไม่ได้ ไม่ต้องกลัวเสียของ ถ้ากลัวเสียของ ก็ไม่ได้ทำ ที่ทำทั้งหมดยังกลัวเสียของอีก แล้วจะให้ทำอย่างไรอีกเล่า"พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้น นายกฯ กล่าวอีกว่า คสช. ไม่มีพิมพ์เขียวรัฐธรรมนูญ ไม่มีพิมพ์เขียวอะไรเลย แต่วันนี้เป็นหน้าที่ของแม่น้ำ 5 สาย สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่จะต้องทำ ทำให้การเมือง 20 ปีข้างหน้าแข็งแรง เพราะประชาธิปไตย 83 ปีที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่าเป็นอย่างไร พร้อมย้ำว่า ไม่ได้มีการสืบทอดอำนาจ ขณะที่การทำประชามติ ขอให้ทุกคนออกไปออกเสียง เพราะหากประชามติไม่ผ่าน ผมก็ต้องรับผิดชอบ
ส่วนในด้านกฎหมาย กฎระเบียบ นายกฯ ยืนยันว่า ต้องปรับปรุงกฎหมายที่ไม่เคยออกหรือไม่ทันสมัย และได้ยกตัวอย่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนที่กำลังพิจารณาอยู่ว่าควรมีหรือไม่ ขณะที่เรื่องการตรวจคนเข้าเมือง ก็ต้องปรับปรุง
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ ต้องทำให้เข้มแข็ง ต้องเพิ่มขีดความสามารถ และต้องแก้กฎหมายไปด้วย พันธะสัญญา กฎหมายสากล กฎหมายการค้า กฎหมายการลงทุน ทั้งหมดต้องแก้หมด ส่วนเอกชนและธุรกิจ วันนี้ต้องช่วยรัฐบาล มีคณะกรรมาธิการร่วม คณะที่ปรึกษาร่วม เพื่อหารือถึงปัญหา คุยเรื่องการช่วยเหลือ เรื่องการค้าการลงทุน การนำสินค้าไปขาย ไปต่อยอดการลงทุน ต้องคุยกันแบบนี้
สำหรับด้านสาธารณสุข พบว่า ผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นทุกปี การรักษาพยาบาล เบี้ยผู้สูงอายุต้องปรับวิธีการจ่าย ด้านการศึกษา ต้องพัฒนาระบบการศึกษา งบประมาณก็มีมาก แต่ผลการประเมินการศึกษาอยู่ในอันดับไม่ดี ต้องปรับปรุง
ในตอนท้าย นายกฯ ได้กล่าวถึงปัญหาค้ามนุษย์ โดยขอให้ดำเนินการกับหัวโจกที่ทำผิดกฎหมายให้หมด ทั้งบนบกและในน้ำ ขอให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันทำงาน จะต้องแก้ไขปัญหาไอยูยูให้ได้ เพราะเหลือเวลาอีก 20 วัน โดยจะต้องรายงานให้ครบ อย่าปกปิด เพราะจะได้จบๆ ไป ซึ่งในวันที่ 20 ม.ค.2559 ก็จะเป็นการชี้ชะตาว่า ไทยจะได้ใบแดงหรือใบเหลือง
ถัดมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้แถลงผลงานด้านความมั่นคง โดยระบุว่า ก่อน คสช.เข้ามา มีปัญหาความขัดแย้ง มีการใช้อาวุธสงคราม เผาบ้านเผาเมือง เมื่อเข้ามาแล้ว ได้ใช้ความเด็ดขาดเพื่อยุติศึกต่างๆ วันนี้จึงสงบ และย้ำต่อว่า จำเป็นต้องมีทหาร เพื่อช่วยแก้ไขความขัดแย้ง ส่วนปัญหาภาคใต้ เชื่อว่าภายในปี 2559 จะสามารถยุติในเรื่องการสู้รบได้ ขณะที่ปัญหาประมง กำลังดำเนินการแก้ไขอย่างเต็มที่ ปัญหาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) การแก้ไขมีความคืบหน้า ส่วนที่สำนักงานบริหารองค์กรการบินแห่งสหรัฐอเมริกา (FFA) ลดชั้นไทยลงมา ก็มีการชี้แจงแล้ว
สำหรับในด้านเศรษฐกิจ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้ชี้แจงถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา โดยยืนยันว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่นโยบายประชานิยม แต่เป็นนโยบายประชารัฐ พร้อมระบุถึงแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป (อ่านข่าวหน้า4)
รายงานข่าวแจ้งว่า ผลงานของแต่ละกระทรวงจะมีการแถลงอย่างละเอียดผ่านรายการเดินหน้าประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค.2558 ถึงวันที่ 13 ม.ค.2559 โดยจะเว้นวันศุกร์ที่จะมีรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยเรียงตามตัวอักษร เริ่มจากกระทรวงกลาโหมและสิ้นสุดที่กระทรวงอุตสาหกรรม