สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่านกิจกรรม "Bike For Dad ปั่นเพื่อพ่อ" ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสร็จสิ้นไปด้วยความเรียบร้อยนะครับ อย่างน่าประทับใจในการที่ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์ของชาติไทยอีกครั้งหนึ่งเป้าหมายสำคัญคือ การรวมพลังแห่งความกตัญญูแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมใจสามัคคีของคนในชาติ
ทั้งนี้ความสามัคคีเป็นกำลังอย่างสูงสุดของหมู่ชน ให้สมดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแด่พสกนิกรชาวไทย เมื่อ 50 กว่าปีที่ผ่านมา มีใจความว่า ประเทศไหนถ้าประชาชนพลเมือง มีความสามัคคีกลมเกลียวกันดี มีระเบียบวินัยประเทศนั้นก็เจริญและอยู่ในฐานะดี จึงเห็นได้ว่าความสามัคคีกลมเกลียวกันนั้น ระหว่างคนในชาติ และความเข้าใจรักษาระเบียบวินัย เป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่จะช่วยนำประเทศชาติสู่ความวัฒนาถาวร
ในการนี้ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ทั้งผู้ที่เข้าร่วมในกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ และผู้เฝ้ารอรับเสด็จฯ อยู่ 2 ข้างทางนะครับ อย่างเนื่องแน่น ผู้ให้กำลังใจอยู่ที่บ้าน และทุกๆ คนด้วยที่ล้วนมีส่วนร่วมในความสำเร็จเป็นเจ้าภาพร่วมกัน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจเอกชนด้วยนะครับ ที่อยู่เบื้องหลังทำให้กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยในทุกขั้นตอนทุกพื้นที่นะครับ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสู่ศักราชใหม่ แสดงความพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในศกหน้า และการก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนด้วยความรู้รักสามัคคีของคนในชาตินะครับ
สำหรับการเตรียมตัว เตรียมประเทศให้พร้อมรับมือการการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่เรียกว่าเออีซีนั้น กำลังจะเริ่มในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ รัฐบาลมีการดำเนินการอย่างบูรณาการ และประสานสอดคล้องตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทางนะครับ เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อาทิเช่น การผลักดันการส่งออกในปี 2559 ได้มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ (พกค.) ประกอบด้วย 9 กระทรวงที่เกี่ยวข้องรวมทั้งมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนของเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยนะครับ ได้ร่วมมือกันในการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาคธุรกิจร่วมกับรัฐด้วยนะครับ ในปัจจุบันมีการประชุมร่วมกันไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ได้มีการร่วมกันพิจารณากำหนด 7 ยุทธศาสตร์สำคัญคือ การเปิดประตูการค้านะครับและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ ทีพีพี นะครับ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณากันอย่างละเอียดรอบคอบอาร์ซีอีพีอันนี้ เราต้องรวมถึงการขยายประโยชน์ของ เอฟทีเอที่มีอยู่ ต้องมีเร่งการเจรจาอาร์ซีอีพีให้ได้โดยเร็วนะครับ แล้วการพิจารณาเปิดเจรจาจัดทำเอฟทีเอใหม่
ต่อไปเป็นเรื่องของการเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก โดยใช้ความต้องการตลาดเป็นตัวนำการผลิต หรือกำหนดสินค้า บริการที่จะผลักดันการส่งออก และมีการกำหนดกลยุทธ์เชิงลึก ลงถึงในระดับเมือง มุ่งเน้นการเจาะตลาดใหม่ๆ เจาะกลุ่มตลาดเฉพาะ และช่องทางการค้าออนไลน์ การส่งเสริมการค้าชายแดน ทั้งนี้เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจ และลงทุนในต่างประเทศ
การปรับโครงสร้างการค้าสู่การค้าการบริการ เพื่อเป็นจักรกลใหม่ในการขับเคลื่อนการค้า โดยมีธุรกิจบริการที่ให้ความสำคัญ 6 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ ธุรกิจบันเทิงและคอนเทนต์ ธุรกิจลอจิสติกส์ ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจบริการเกี่ยวกับการต้อนรับ และธุรกิจบริการวิชาชีพ ขอให้มีการกำหนดมาตรฐานที่ดีเพียงพอในการที่จะมีงานที่มีอาชีพ มีรายได้สูงขึ้น และทำงานได้จริงๆ ต่อไปคือเรื่องของการเพิ่มบทบาทของ SMEs ในการผลักดันการค้า และสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม คือต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา แล้วผูกพันเชื่อมโยงไปกับท้องถิ่นเขาด้วยภาคการผลิต เรื่องต่อไปคือการสร้างมูลค่าเพิ่ม ในภาคอุตสาหกรรมการส่งออก
ทั้งนี้เราจะยกระดับผู้ประกอบการส่งออกจากเดิมที่เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิต ไปสู่ผู้ประกอบการที่มีการออกแบบ หรือผู้ประกอบการที่มีแบรนด์เป็นของตนเองมีหลายอย่างนะครับมีศักยภาพอยู่ รัฐบาลจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องเหล่านี้
เรื่องที่ 2 คือการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนในช่วง 7 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 - 2564 มุ่งสู่แนวทางจัดตั้งคลัสเตอร์ ซูเปอร์คลัสเตอร์ โดย กำหนดการจัดตั้งซูเปอร์คลัสเตอร์ใน 9 จังหวัด ซึ่งรัฐบาลได้แก้ไขกฎระเบียบและปรับปรุงกฎหมาย ให้มีความเป็นสากลจำนวน 367 ฉบับ ทั้งเรื่องกฎหมายเรื่องอำนวยความสะดวก การค้าการลงทุน สิทธิมนุษยชน และกฎหมายที่ประชาชนได้ประโยชน์ทั้งสิ้น บางอย่างยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ผมรับฟังข้อขัดแย้ง หรือความเห็นของทุกภาคส่วนนะครับ ไปพิจารณาเพิ่มเติมกันใน 3 วาระของ สนช.แล้วกัน อย่าเพิ่งเข้าใจว่าทุกอย่างประกาศไปแล้ว อะไรไปแล้ว ความขัดแย้งสูง ผมไม่อยากให้พี่น้องลำบากเหน็ดเหนื่อยในการต้องมาประท้วงในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะยังไมเดินหน้าไปถึงไนเลย เพียงแค่มาพิจารณา ครม.ส่งกลับไปให้ทำให้ครบ เอาข้อพิจารณาข้อสังเกตของท่านทั้งหลายใส่เข้าไปด้วย
คราวนี้จะทำได้ยังไงต้องไปทำในเพิ่มเติมในหลักการ และเหตุผลให้กว้างขึ้น เพื่อจะได้ไปถกแถลงในประเด็นที่ท่านเสนอมาได้ ไม่อย่างนั้นจะตีกรอบ จะกลายเป็นว่ารัฐเป็นคนกำหนดทั้งสิ้น แต่ต้องช่วยกันนะครับ ต้องแบ่งเบากันบ้างว่าอะไรมันจะได้ อะไรมันจะเสีย รัฐบาลผมมีนโยบายว่าคนที่ได้ประโยชน์ต้องเป็นประชาชนนะครับ รัฐบาลต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ต้องไม่ไปละเมิดพันธสัญญาของคนอื่นเขาด้วยกับต่างชาติที่เราต้องมีการค้าการลงทุนร่วมกัน
ในเรื่องของการเพิ่มสิทธิประโยชน์นะครับ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อจะสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นในประเทศไทยนะครับ เราจำเป็นเพราะต้องเป็นอาชีพเสริมสำหรับภาคการเกษตรด้วย ซึ่งนับวันจะมีปัญหามากขึ้น ถ้าเรามีอุตสาหกรรมบ้างที่เป็นอุตสาหกรรมสีเขียว มันจะช่วยให้พี่น้องมีรายได้ เลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงดูพ่อแม่ แล้วพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วย ด้วยการรวมกลุ่ม โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร เราต้องปรับปรุง เกี่ยวกับเรื่องของสหกรณ์ การเกษตรทั้งหมด ที่มีหลายประเภทด้วยกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนะครับ วันนี้ได้สั่งการกระทรวงเกษตรฯ ไปดำเนินการแล้ว
ในส่วนของการลงทุนปัจจุบันนั้น เร่งรัดการลงทุนที่เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตนะครับ เพื่อเป็นการยกระดับพื้นที่ที่มีศักยภาพให้เป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 ประเภทด้วยกัน อาทิเช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตร การแปรรูปอาหาร หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม การแพทย์ครบวงจร การขนส่งและการบิน เชื้อเพลิงและเคมีชีวภาพ และดิจิตอลนะครับ
ทั้งนี้เราจะเน้นการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ส่งเสริมด้านนวัตกรรม เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และเน้นการนำวัตถุดิบในแต่ละพื้นที่มาแปรรูปนะครับ สร้างความเชื่อมโยง SMEs กับการประกอบการในระดับกลาง ระดับใหญ่ให้เชื่อมโยงกันให้ได้ เพื่อจะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนระดับล่างนะครับ อีกประการหนึ่งคือการเตรียมความพร้อมให้การสนับสนุนส่งเสริม และแก้ไขปัญหาอุปสรรคทั้งเรื่องปัญหาที่ดิน วันนี้ต้องแก้กันเยอะแยะไปหมด ที่ดินบุกรุก ที่ดินราชพัสดุ ที่ดินอะไรต่างๆ คือจนทุกคนเคยชินไปแล้ว จนไม่รู้ว่ากฎหมายอยู่ตรงไหน วันนี้เอากฎหมายมาว่ากันก่อน เราจะดูแลนะครับ ให้ตามสมควรที่ไม่ผิด ไม่ทำให้คนอื่นเกิดความเหลื่อมล้ำอะไรทำนองนี้
ในเรื่องของการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานนะครับ เราต้องเร่งในเรื่องของการให้การบริการ One Stop Service นะครับ ว่าข้อมูลต่างๆ จะทำยังไง จะไปที่ไหนบ้าง มาซะที่เดียวเลย One Stop Service วันนี้ก็มีที่กรุงเทพฯ แล้วมีที่จังหวัดที่เตรียมการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศาแล้วนะครับ หลายจังหวัดด้วยกัน ติดตามเอาแล้วกันนะครับ
เรื่องต่อไปคือเรื่องของการจัดทำระบบบัญชีเดียว เพื่อรองรับข้อมูลผู้ประกอบการให้ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และเพื่อจะขอรับการส่งเสริมการลงทุนต่อไปนะครับ ปีนี้รัฐบาลได้อนุมัติไปแล้วจำนวนเกือบ 2 พันโครงการนะครับ มีมูลค่าการลงทุนจำนวนราว 7 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจนะครับในหลายมิติทั้งการเพิ่มรายได้จากการส่งออกกว่า 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการใช้วัสดุในประเทศ ราว 8 แสนล้านบาทนะครับ ก่อให้เกิดการลงทุนใน 20 จังหวัด และช่วยเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากรในพื้นที่ด้วยผ่านโครงการต่างๆ คิดเป็นมูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านบาทนะครับ ถ้าไม่ทำแบบนี้มันไปไม่ได้ ฝากไว้กับเกษตรกร แล้วผลิตผลทางการเกษตรอย่างเดียวมันไปไม่ได้แน่นอน ต้องสร้างความเจริญไป ภูมิภาค ไปท้องถิ่น ทั้งภาคการเกษตร เกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมแนวใหม่ทั้งหมดในทุกพื้นที่ ขอร้องว่า ขอให้การสนับสนุนรัฐบาลด้วยนะครับ ในโครงการที่ดีๆ ท่านมีปัญหาก็พูดคุยกัน ด้วยวิถีทางที่ถูกต้อง เข้าช่องทางที่ถูกต้องแล้วกัน
เรื่องต่อไปคือการเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติในลักษณะไทยบวกหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียนหรือประเทศเพื่อนบ้านมาประเทศไทย ต่อไปเดินหน้าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนจำนวน 10 พื้นที่นะครับปี 58 6 พื้นที่ และปี 59 จะเพิ่มอีก 4 พื้นที่ รวมทั้งพื้นที่ที่มีศักยภาพด้วยนะครับ เป็นการจัดตั้งซูเปอร์อะไรก็แล้วแต่ อันนั้นเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งเหมือนกัน อาจจะเกิดทั้งในเขตเศรษฐกิจพิเศษก็ได้ หรือนอกเขตก็ได้ ตรงที่มีศักยภาพก็แล้วกัน วันนี้ต้องเป็นความร่วมมือกันระหว่างของภาครัฐภาคเอกชนที่เขาตั้งใจจะลงทุน เพราะบางครั้งมีปัญหามากมายหลายอย่างพวกสาธารณูปโภคพื้นฐาน ไฟฟ้า ประปา ถนนก็มีปัญหาหมด เพราะฉะนั้นขอร้องพวกเราด้วยกันว่าเวลาการลงทุนมาแล้วนี่ พวกที่มีที่ทางต่างๆ อย่าขายจนแพงจนเกินความเป็นจริง มากเกินไป ขึ้นเป็น 100 เท่าอย่างนี้ก็ไม่ไหว การลงทุนไม่เกิดขึ้นนะครับ ถ้าเราทำทุกอย่างนี้ได้ตามแผนงานของรัฐบาลในระยะเวลาอันสั้นนี้ มันจะเป็นการเริ่มต้น แล้วส่งผลต่ออนาคตนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ้างงานในพื้นที่ การสร้างชนเมืองในชนบท การเพิ่มการค้าการลงทุนตามแนวชายแดน การค้าขายชายแดน แล้วก็มีการใช้วัตถุดิบทั้งในและต่างประเทศร่วมกัน
เราจะได้แก้ปัญหาเรื่องยาง เรื่องข้าวให้ได้ครบวงจรซะที ใช้ในประเทศให้มากขึ้น 30% อย่างที่ตั้งใจไว้ ต้องมีโรงงานเกี่ยวกับเรื่องยางนะครับ แล้วทำนอกจากเป็นยางรถยนต์แล้ว ยังเป็นเรื่องของยางปูพื้น ในเรื่องของปูสนามกีฬา ถุงมือ เดิมเราทำเยอะอยู่แล้ว ต่อไปเป็นเรื่องวัสดุอื่นๆ ใช้ในการประกอบการ เป็นผนังห้องน้ำสำหรับคนเจ็บคนป่วย หรือทำเกี่ยวกับเรื่องเฟอร์นิเจอร์ เกี่ยวกับเรื่องเครื่องนอน เรามีฝีมือทั้งสิ้น วัตถุดิบก็มีจำนวนมาก ต้องเพิ่มทักษะเข้ามา เพิ่มโรงงานเข้ามาแล้วเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี การประกอบต่างๆ ให้เป็นนวัตกรรมที่แข่งขันกับคนอื่นเขาได้ ต้องมีความแตกต่างนะครับ
ถึงแม้ว่าเราจะมีค่าแรงที่สูงพอสมควร แต่เราต้องไปลดตรงอื่นให้ได้ ต้นทุนการผลิตจะลดยังไง เอาของในประเทศมา รัฐบาลจะดูแลตรงนี้ ด้วยนะครับ เพื่อจะรองรับการประกอบการ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ทั้งหมด เรากำลังทำอยู่ทั้งหมดนะครับ เรื่องแรงงานที่มีฝีมือเราขาด จำนวนมากวันนี้เร่งรัดไปแล้วทั้งเร่งด่วน ระยะสั้น ระยะยาวนะครับ เร่งด่วนก็ต่อยอดเอา จบไปแล้ว ถ้าระยะสั้นก็ปี 4 ที่กำลังจะจบเอามาอบรม ในสาขาที่ต้องการ ถ้าระยะยาวปี 1-4 ในรุ่นต่อไป ต้องเตรีมการให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศนะครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมแรงงานที่มีฝีมือ นี่มีปัญหามากในภาค อุตสาหกรรมนะครับ ขาดแคลนไม่เพียงพอ ทั้งนักวิจัย นักพัฒนา หัวหน้างาน ผู้จัดการต่างๆ เหล่านี้ ทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคการ บริการ ท่องเที่ยวทั้งหมด ยังขาดอยู่เยอะ เทคนิคเชี่ยนอีก เรื่องเกี่ยวกับเรื่อง รถไฟ รถไฟฟ้า การขนส่ง ทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ช่างซ่อมเครื่องบิน เหล่านี่เป็นเรื่องที่เรากำลังขาดอยู่ทั้งสิ้นก็ได้เร่งรัดไปแล้วนะครับ ถ้าไม่งั้นแล้วเรา ผลิตแรงงานไม่เพียงพอ ไม่ตอบสนองต่อการขยายตัวของเราไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน AEC นั่นเอง เรื่องนี้กระทรวงแรงงานได้บูรณาการในการจัดทำข้อมูลแรงงาน ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นผู้ใช้ ผู้ผลิตแรงงานที่มีฝีมือ ต้องสอบถามจากผู้ประกอบการไทยด้วย เพราะว่าขาดทั้งต่างประเทศมาลงทุน ทั้งในประเทศที่ขาดก็มี 2 อย่าง แรงงานที่มีฝีมือ ซึ่งเราต้องผลิตมากขึ้น ต่อยอดอะไรก็แล้วแต่ กับอีกอันคือแรงงานไม่ต้องมีฝีมือ ใช้แรงงานอย่างเดียวนี่ก็ต้องเป็นเรื่องของความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการใช้แรงงานต่างด้าวต้องควบคุมกันให้ได้แล้วกัน ทุกคนเป็นมนุษย์ทั้งนั้นแหละ เราต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด อย่าไปเอาเปรียบเขา การค้ามนุษย์เป็นสิ่งที่ร้ายแรง วันนี้มีโทษทัณฑ์มากมายทั้งผู้ทำ ผู้เกี่ยวข้อง อะไรแล้วแต่ทั้งหมด เจ้าหน้าที่มีโทษทุกอย่างเลย เพื่อต้องการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐ วันนี้ผมกำชับไปแล้ว ไม่ว่าจะในเรื่องของการทำความผิด เรื่องของประมงในเรื่องของค้ามนุษย์ จะต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด แล้วจะต้อมีการจัดทำข้อมูลเชิงสถิติตัวเลขของความต้องการแรงงานว่าเป็นอย่างไร เท่าไร ประเภทใดบ้าง แล้วในระดับการศึกษาใด ความรู้ความชำนาญที่ต้องฝึกเพิ่มเติมให้เขามีอะไรบ้าง หลายสาขามีความต้องการทั้งหมด ต้องมีรายละเอียดเหล่านี้ทั้งหมด ปัญหาเราก็คือการจัดทำข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องประชาชน เรื่องอาชีพ เรื่องรายได้ ผมเน้นว่าปี 60 น่าจะทำให้สำเร็จ บัตรประชาชนที่มีระบุอาชีพ รายได้ ไม่ต้องอายไม่ต้องอาย มีรายได้น้อยรายได้มาก คนไทยทั้งสิ้น ผมต้องการให้แยกแยะให้ได้ว่ารัฐบาลจะได้ใช้งบประมาณอย่างไรให้เหมาะสม เพราะเรารายได้ยังน้อยอยู่ แต่ถ้าหากว่าเศรษฐกิจดีขึ้นมากๆ วันหน้าก็ดีขึ้นเอง ทุกคนคงจะลืมตาอ้าปากกันได้ หมดหนี้หมดสินกันเสียที แต่ถ้าไม่เริ่มแบบผมทำวันนี้ไปไม่ได้แน่นอน จะจนไปเรื่อยๆ เป็นหนี้ไปเรื่อยๆ อยากจะขอร้อง ขอความร่วมมือด้วยแล้วกัน
ในเรื่องของแรงงานก็ยังไม่จบ มีการต้องจัดทำข้อมูลแรงงานพื้นฐาน ในระบบ เช่น Smart Job Center เพื่อให้ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ใช้ในการบริหารงานร่วมกันเรียกว่าบูรณาการ สำหรับผู้ต้องการแรงงงาน จากตัวแรงงานเอง จะต้องเจอกัน ไม่งั้นก็บริษัทต่างๆ บางทีบางบริษัทมีประสิทธิภาพ บางบริษัทก็ซื่อตรง ซื่อสัตย์ บางบริษัทก็ไม่ค่อยซื่อสัตย์ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของแรงงานในอนาคตต่อไปด้วย
ต่อไปคือโครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงานไทย รัฐบาลก็ช่วยเหลือ รัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน มีนวัตกรรม มีความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน อาทิ เช่นการพัฒนาแรงงานมีทักษะฝีมือสูงขึ้น เป็น Multi Skill สามารถทำงานได้มากขึ้น ในเวลาเท่าเดิม แล้วก็เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดการสูญเสียในการผลิต ขณะเดียวกัน สามารถลดการสูญเสียในวงจรการผลิตด้วย ลดต้นทุนการผลิตได้จริง โดยจะนำร่อง SMEs และสถานประกอบกิจการจำนวน 260 แห่ง ใน 20 กลุ่มธุรกิจนะครับ อาทิเช่นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอและแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์จากไม้ หัตถกรรม อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น และมีการจัดตั้ง ศูนย์บริการให้คำปรึกษาเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (ศปพ.) นะครับ ภายในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค และศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อให้คำปรึกษาแก่สถานประกอบกิจการต่าง ๆ ในการดำเนินงานไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงขบวนการผลิตหรือขั้นตอนการทำงาน รวมถึงการบริหารจัดการระบบ ลอจิสติกส์ และโซ่อุปทาน จะช่วยสามารถลดการสูญเสียในวงจรการผลิตได้นะครับ
ทั้งนี้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้าง ตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปนั้น กฎหมายกำหนดไว้แล้วนะครับ ให้ต้องฝึกอบรมลูกจ้าง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด ทุกปีนะครับ โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ไปลดหย่อนภาษีได้ร้อยละ 200 ครับ ก็ขอให้ช่วยด้วย
ทั้งนี้การเตรียมความพร้อมทางด้านบุคคลากรในด้านต่างๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ช่างเทคนิค ช่างฝีมือ บุคคลากรทางการแพทย์ การศึกษา รวมทั้งข้าราชการรุ่นใหม่ คงต้องไม่ใช่เฉพาะการเพิ่มจำนวนเท่านั้นนะครับ ต้องสามารถให้การบริการ ปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นสากล ได้รับการยอมรับ มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับอาเซียนและประชาคมอาเซียน รวมทั้งประเทศสมาชิกนะครับ ตลอดจนบุคลากรต้องสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย ต้องมีทักษะทั่วไปด้านภาษานะครับ ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ ด้วยนะครับ ที่จำเป็นในการฟัง การพูด การอ่าน ทางการเขียนเท่าที่ทำได้ในระยะแรกนะครับ ต่อไปก็คงจะพัฒนาเก่งขึ้นในอนาคต เพื่อจะเป็นหัวหน้างานต่อไป
ในการการประชุมต่าง ๆ เหล่านั้น ถ้าหากว่าเรามีการรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้น จะเข้าใจมากขึ้นนะ ว่าเขาประชุมกันเรื่องอะไร เขาเจรจากันเรื่องอะไรกันอยู่นะครับ ระดับที่ต้องพัฒนาไปสู่ตรงกลาง กับตรงท็อปนะครับ ของกิจการของแต่ละกิจการ ท่านต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องนะครับ พวกแรงงานข้างล่างก็ต้องรู้เหมือนกัน เพราะท่านต้องมีเพื่อนร่วมงานมีนายจ้างเป็นชาวต่างประเทศด้วย รู้ไม่ต้องมากนิดๆ หน่อย ๆ ทักทายได้ อะไรได้ พูดคุยกันได้ พอสมควรนะครับ
ในส่วนของทักษะเฉพาะภาษาประเทศเพื่อนบ้านผมก็เห็นมีการฝึกมีการเรียนรู้เยอะแยะ ตามทีวี โทรทัศน์ ทุกช่องเลย แต่ผมก็ไม่ทราบว่าผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นเท่าไรนะ วันนี้สอนเรื่องนี้ เรื่องนั้น แต่ไม่รู้ว่าวัดผลได้ยังไงนะ ว่าภาษาอังกฤษได้ถึงแค่ไหน
ผมอยากให้แยกแยะอย่างนี้ได้ไหมครับว่า เป็นภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานหนึ่งอันนะ พื้นฐานคือคนทั่วไป ต้องเรียนรู้น่ะ ง่ายๆ อันที่สองภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ ใช่ไหม อุตสาหกรรมอะไรก็แล้วแต่ อันที่สามก็ภาษาอังกฤษสำหรับข้าราชการ อันที่สี่ก็เป็นภาษาอังกฤษสำหรับการท่องเที่ยว เพื่อจะเป็นเจ้าภาพ เจ้าบ้านที่ดีเผื่อรับนักท่องเที่ยวยังไง มีความยากง่ายแตกต่างกัน และสุดท้ายก็เป็นเรื่องของ การศึกษาตามสถานศึกษาซึ่งมีหลักสูตรของเขาอยู่แล้ว วันนี้ต้องสอนให้คนฟังได้ก่อน ฟังเข้าใจ ให้ได้มากที่สุด
กำลังเตรียมการเรื่องการเป็นฮับด้วย เราต้องการเป็นฮับ รักษาพยาบาล ผมก็แนะให้กระทรวงศึกษาไปปรับในเรื่องนี้แล้วนะครับ ว่าปัญหาในเรื่องของการขาดแคลนแพทย์ส่วนกลางมีไหม ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ชนบทมีไหม แล้วก็การขาดแคลนในการที่จะเป็นฮับ เรื่องการรักษาพยาบาล จะต้องสร้างความเชื่อมันโดยมีแพทย์ต่างประเทศมาเป็นที่ปรึกษาอะไรต่าง ๆ ด้วยไหม ให้ไปแล้วนะครับ เพราะงั้นไปดูในแผนการผลิตในปี 59 นี้ให้ได้แล้วกันถึง 60 นี่แหละ ไม่อย่างนั้นก็เป็นอยู่เหมือเดิม ขาดแพทย์ชนบท ทำไมไม่ไปเปิดหลักสูตรส่วนหนึ่ง มีสัดส่วนอันนี้มาจากต่างจังหวัด ภูมิภาคโน้นภาคนี้ ในจังหวัด โรงพยาบาลจังหวัด ให้จังหวัดนั้นเขาส่งคนมาเรียนแพทย์ กลับไปต้องไปอยู่จังหวัดโน้นไม่ต้องมีย้าย ไปไหนทั้งสิ้น เขาโตกันที่โน้น มันจะได้สร้างชุมชนเมือง การศึกษาวันหน้ามีโรงเรียน มีมหาวิทยาลัยในภูมิภาคไป เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องวางอนาคตทุกอย่างนะครับ ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดอะไรไม่ได้
ปัญหาสำคัญของบ้านเราในเวลานี้นะครับ สิ่งที่ผมเป็นกังวลอยู่หลายเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือการไม่เคารพกฎหมาย ทำให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ กฎหมายจะคลายความศักดิ์สิทธิ์ลง ไม่ใช่ว่ากฎหมายเหล่านี้จะทำเพื่อละเมิดสิทธิ์มนุษยชน ผมต้องถามว่าแล้วท่านละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอื่นเขาหรือไม่ ประเด็นอย่าพูดข้างเดียวไม่ได้หรอก วันนี้กำลังปฏิรูปอยู่นะครับ คนอื่นเขาเดือดร้อนหรือเปล่า สิ่งกังวลต่อไปก็คือถ้าเขาละเมิดกฎหมายเหล่านี้ เดือดร้อนคนอื่น มันก็มีคนไม่ชอบ อันตรายก็จะเกิดขึ้น จะเกิดการตีกันทะเลาะกัน มันไม่พ้นรัฐบาลต้องไปแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่ก็เดือดร้อน ขอร้องเถอะครับไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม อย่าฝ่าฝืนกฎหมายกันเลย กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วจะอยู่กันยังไง ถ้าไม่มีกฎหมายก็เหมือนเดิม
เรื่องที่ 2 คือไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ความไว้เนื้อเชื่อใจไม่เกิดขึ้น เพราะว่าอะไรเพราะไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจในขบวนยุติธรรมว่าต้องเริ่มตรงไหน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็กลัวอย่างเดียว กลัวตำรวจจับ มันต้องมีเหตุมีผล ทำไมเขาถึงจับ ทำไมถึงมีการเรียกร้องผลประโยชน์ สมยอมหรือเปล่า การที่จะไปว่ากล่าวให้ร้ายใคร มันต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษใช่ไหม แล้วก็มีโอกาสในการพิสูจน์ทราบด้วยกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย วันนี้ยุ่งไปหมดเลยเรื่องเหล่านี้ ผมพยายามทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมายแล้ว วันนี้จะเห็นได้ว่ามีความยุติธรรมหมดทุกอัน คือต้องเป็นธรรม ให้โอกาสทุกคน ฝากให้ทำความเข้าใจด้วยนะครับ
เรื่องต่อไปผมคิดว่าจำเป็น ต้องให้คนไทยนี่ทราบขั้นตอนของการทำงานของภาครัฐบ้าง ไม่อย่างนั้นจะล้มล้างกันไปทุกอันไปเลย ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง พัฒนาก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ บริหารอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง นี่เพราะไม่ทราบขั้นตอนว่าตัวเองจะเข้ามามีส่วนร่วมตรงไหน เรามี พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารให้แล้ว ในนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะต้องมาเริ่มตั้งแต่ต้น ถ้าเริ่มต้นไปไม่ได้ ฝ่ายรัฐต้องเป็นคนมาเริ่มต้นก่อน โดยความต้องการของคนในพื้นที่ หรือตามแผนงานระยะยาว ยุทธศาสตร์อะไรก็แล้วแต่ แล้วไปทำประชาพิจารณ์ ไปทำการประชุมสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่าโอเคไหม ถ้าโอเค ถึงจะเดินหน้าต่อไปได้ นั่นแหละเขาเรียกว่าความร่วมมือ จะทำไม่ทำอยู่ตรงโน้น แต่ถ้าเริ่มตอนแรก โครงการเกิดไม่ได้สักอันเลย แล้วจะทำยังไงล่ะ ที่ผมพูดทั้งหมดไม่เกิดเลย
อีกอันหนึ่งคือว่าประชาชนก็ไม่ทราบอีกว่าจะร่วมมือกับรัฐตรงไหน เมื่อไร หลายคนใช้ความรู้สึกความคิดส่วนตัว ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยหลักการก็ไม่ค่อยได้ดูนะ ใช้ความรู้สึก ใช้ความเป็นธรรมชาติ ใช้ต่างๆ มาตัดสินปัญหา ทั้งหมดเลย ลืมทุกอย่างไง เลยทำให้เกิดความขัดแย้ง มีปัญหาร่วมกัน พัฒนาไม่ได้ อันนี้จะมีคนที่เอามาใช้ประโยชน์ ในการไม่เข้าใจของท่าน เพราะงั้นผมต้องถามกลับไปว่า วันนี้ทำไม หลายเรื่องที่น่าจะเข้าใจ ประชาชนน่าจะมีการเรียนรู้มานานแล้ว โดยฝ่ายการเมืองโดยรัฐบาล โดยผู้บริหารประเทศ ปรากฏว่าไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม เป็นสิบๆ ปีมาแล้วนะ วันนี้เราพยายามให้ทุกคนได้รับทราบ พูดไป แจ้งไป บางทีไม่ค่อยสนใจ ไม่ค่อยร่วมมือ เพราะเคยชิน ผมว่าท่านต้องปรับตัวเองบ้าง ทั้งข้าราชการ ทั้งประชาชน ภาคธุรกิจ เอกชน แล้วแต่ต้องปรับตัวแล้ว วันนี้ประเทศกำลังเดินหน้า ไปสู่อนาคต เพราะฉะนั้นต้องมีหลายอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตัวเอง ครอบครัว สิ่งแวดล้อม เข้าใจกฎหมาย เข้าใจกติกา สังคมการเป็นประชาคมโลก
ถ้าทุกคนทำตามกรอบที่เราออกกฎหมายไปแล้ว ตามกติกาสากล แล้วก็จะกล่าวอ้างว่าไม่รู้อีก พอไม่รู้ขึ้นมา มีเรื่องทันทีทั้งๆ ที่หลายคนก็ เพราะไม่รู้ไง แต่มีเจตนาบริสุทธิ์ เป็นเครื่องมือของเขาเคลื่อนไหว เป็นปัญหาหมด ก่อนอื่นท่านต้องดูกฎหมายก่อนว่า ท่านจะทำนี่จะผิดกฎหมายหรือเปล่า ถ้าผิดแล้ว การแสดงความคิดเห็นของท่านนี่ ถ้าเป็นความคิดเห็นทางการเมืองหรือทางประชาธิปไตย มันใช่เวลาหรือยังใช่ไหม แล้วการกระทำของท่านนี่ มีผลกระทบกับการจราจร ผลกระทบกับคนอื่นที่เขาไม่เห็นด้วยอีกไหม เหล่านี้ท่านต้อง คิดร่วมกัน ไม่งั้นแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะงั้นวันนี้ผมอยากขอร้องนักการเมือง ข้าราชการ ประชาชนทุกคน ทุกหมู่เหล่า ภาคธุรกิจเอกชน ต้องร่วมมือทั้งสิ้น เข้าใจตรงนี้ ทำไงจะร่มมือจับมือกันได้ในลักษณะการเป็นประชารัฐ ทั้งข้างบนข้างล่างนั่นแหละ
ใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่เข้ามาแล้วมีวันหยุดยาวหลายวัน มีการเฉลิมฉลองกันเป็นธรรมดานะครับ อยากจะขอให้ทุกคนระมัดระวังในเรื่องของการเดินทาง ผมไม่อยากให้มีการสูญเสียบาดเจ็บเล็กน้อยก็ไม่อยากให้เกิด เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ยิ่งเสียชีวิต ยิ่งแย่ใหญ่ เพราะมีคนเสียใจกับท่านเยอะ ครอบครัวท่าน พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ไม่มีใครอยากเห็นใครเจ็บ ตายไปหรอกนะครับ โดยเฉพาะรัฐบาล พยายามทำทุกอย่างแล้ว อยู่ในขั้นตอนสร้างความเข้มแข็ง จะดูแลเรื่องถนนหนทางยังไง ทางเลี้ยว ทางโค้งยังไง เรื่องของพื้นที่เสี่ยงต่างๆ การควบคุมความเร็วรถ การควบคุมพลขับ ทุกอย่างต้องทำใหม่ทั้งหมด ก็เริ่มได้บ้าง บางอย่างก็เริ่มไม่ได้ ก็ต้องใช้คนนี่แหละครับในการอำนวยการจราจร
ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่นะครับที่เตรียมการมาโดยตลอด ทั้งของมหาดไทย ทั้งของตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่พลเรืองทั้งหมด ก็ร่วมมือกันทุกครั้ง มีวันหยุดยาวๆ เขาไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนกัน ครอบครัวเขาก็มี แต่เขาเสียสละอยู่กับท่าน อย่ามาคิดว่าเขาอยู่เพราะเป็นหน้าที่อย่างเดียว หรือได้รับเบี้ยเลี้ยง ไม่ใช่ ความสุขเขาก็ต้องการ แต่เขาจำเป็นต้องอยู่ เบี้ยเลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ ให้เขากิน เขาอยู่ เขาใช้ เขาไม่อยู่บ้านก็มีเบี้ยเลี้ยงให้ลูกเมียเขากินอยู่ที่บ้าน เข้าใจซะบ้าง
ขอขอบคุณนะครับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ทั้งหมด ทุกคนที่ต้องเสียสละวันหยุดช่วงเทศกาล มาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนครับ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ปีใหม่หน้านั้นเราคงจะพบแต่ในสิ่งที่ดีๆ นะครับ ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ความขัดแย้งลดลง หรือไม่เกิดขึ้นอีกเลย จะเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่ถาวรซะที ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขครับ
ทั้งนี้ความสามัคคีเป็นกำลังอย่างสูงสุดของหมู่ชน ให้สมดังพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแด่พสกนิกรชาวไทย เมื่อ 50 กว่าปีที่ผ่านมา มีใจความว่า ประเทศไหนถ้าประชาชนพลเมือง มีความสามัคคีกลมเกลียวกันดี มีระเบียบวินัยประเทศนั้นก็เจริญและอยู่ในฐานะดี จึงเห็นได้ว่าความสามัคคีกลมเกลียวกันนั้น ระหว่างคนในชาติ และความเข้าใจรักษาระเบียบวินัย เป็นปัจจัยสำคัญอันหนึ่งที่จะช่วยนำประเทศชาติสู่ความวัฒนาถาวร
ในการนี้ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคน ทั้งผู้ที่เข้าร่วมในกิจกรรมปั่นเพื่อพ่อ และผู้เฝ้ารอรับเสด็จฯ อยู่ 2 ข้างทางนะครับ อย่างเนื่องแน่น ผู้ให้กำลังใจอยู่ที่บ้าน และทุกๆ คนด้วยที่ล้วนมีส่วนร่วมในความสำเร็จเป็นเจ้าภาพร่วมกัน รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจเอกชนด้วยนะครับ ที่อยู่เบื้องหลังทำให้กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติครั้งนี้ เป็นไปด้วยความเรียบร้อยในทุกขั้นตอนทุกพื้นที่นะครับ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสู่ศักราชใหม่ แสดงความพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในศกหน้า และการก้าวไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียนด้วยความรู้รักสามัคคีของคนในชาตินะครับ
สำหรับการเตรียมตัว เตรียมประเทศให้พร้อมรับมือการการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ที่เรียกว่าเออีซีนั้น กำลังจะเริ่มในปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ รัฐบาลมีการดำเนินการอย่างบูรณาการ และประสานสอดคล้องตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทางนะครับ เพื่อการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ อาทิเช่น การผลักดันการส่งออกในปี 2559 ได้มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ (พกค.) ประกอบด้วย 9 กระทรวงที่เกี่ยวข้องรวมทั้งมีการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในส่วนของเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ประธานสมาคมธนาคารไทย ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยนะครับ ได้ร่วมมือกันในการที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาคธุรกิจร่วมกับรัฐด้วยนะครับ ในปัจจุบันมีการประชุมร่วมกันไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ได้มีการร่วมกันพิจารณากำหนด 7 ยุทธศาสตร์สำคัญคือ การเปิดประตูการค้านะครับและขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ ทีพีพี นะครับ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณากันอย่างละเอียดรอบคอบอาร์ซีอีพีอันนี้ เราต้องรวมถึงการขยายประโยชน์ของ เอฟทีเอที่มีอยู่ ต้องมีเร่งการเจรจาอาร์ซีอีพีให้ได้โดยเร็วนะครับ แล้วการพิจารณาเปิดเจรจาจัดทำเอฟทีเอใหม่
ต่อไปเป็นเรื่องของการเร่งรัดขยายตลาดส่งออกเชิงรุก โดยใช้ความต้องการตลาดเป็นตัวนำการผลิต หรือกำหนดสินค้า บริการที่จะผลักดันการส่งออก และมีการกำหนดกลยุทธ์เชิงลึก ลงถึงในระดับเมือง มุ่งเน้นการเจาะตลาดใหม่ๆ เจาะกลุ่มตลาดเฉพาะ และช่องทางการค้าออนไลน์ การส่งเสริมการค้าชายแดน ทั้งนี้เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน การส่งเสริมผู้ประกอบการไทยไปดำเนินธุรกิจ และลงทุนในต่างประเทศ
การปรับโครงสร้างการค้าสู่การค้าการบริการ เพื่อเป็นจักรกลใหม่ในการขับเคลื่อนการค้า โดยมีธุรกิจบริการที่ให้ความสำคัญ 6 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ธุรกิจบริการด้านสุขภาพ ธุรกิจบันเทิงและคอนเทนต์ ธุรกิจลอจิสติกส์ ธุรกิจการศึกษา ธุรกิจบริการเกี่ยวกับการต้อนรับ และธุรกิจบริการวิชาชีพ ขอให้มีการกำหนดมาตรฐานที่ดีเพียงพอในการที่จะมีงานที่มีอาชีพ มีรายได้สูงขึ้น และทำงานได้จริงๆ ต่อไปคือเรื่องของการเพิ่มบทบาทของ SMEs ในการผลักดันการค้า และสร้างนักรบเศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม คือต้องสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ้นมา แล้วผูกพันเชื่อมโยงไปกับท้องถิ่นเขาด้วยภาคการผลิต เรื่องต่อไปคือการสร้างมูลค่าเพิ่ม ในภาคอุตสาหกรรมการส่งออก
ทั้งนี้เราจะยกระดับผู้ประกอบการส่งออกจากเดิมที่เป็นเพียงผู้รับจ้างผลิต ไปสู่ผู้ประกอบการที่มีการออกแบบ หรือผู้ประกอบการที่มีแบรนด์เป็นของตนเองมีหลายอย่างนะครับมีศักยภาพอยู่ รัฐบาลจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องเหล่านี้
เรื่องที่ 2 คือการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์ส่งเสริมการลงทุนในช่วง 7 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2558 - 2564 มุ่งสู่แนวทางจัดตั้งคลัสเตอร์ ซูเปอร์คลัสเตอร์ โดย กำหนดการจัดตั้งซูเปอร์คลัสเตอร์ใน 9 จังหวัด ซึ่งรัฐบาลได้แก้ไขกฎระเบียบและปรับปรุงกฎหมาย ให้มีความเป็นสากลจำนวน 367 ฉบับ ทั้งเรื่องกฎหมายเรื่องอำนวยความสะดวก การค้าการลงทุน สิทธิมนุษยชน และกฎหมายที่ประชาชนได้ประโยชน์ทั้งสิ้น บางอย่างยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของคณะกรรมาธิการ ผมรับฟังข้อขัดแย้ง หรือความเห็นของทุกภาคส่วนนะครับ ไปพิจารณาเพิ่มเติมกันใน 3 วาระของ สนช.แล้วกัน อย่าเพิ่งเข้าใจว่าทุกอย่างประกาศไปแล้ว อะไรไปแล้ว ความขัดแย้งสูง ผมไม่อยากให้พี่น้องลำบากเหน็ดเหนื่อยในการต้องมาประท้วงในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะยังไมเดินหน้าไปถึงไนเลย เพียงแค่มาพิจารณา ครม.ส่งกลับไปให้ทำให้ครบ เอาข้อพิจารณาข้อสังเกตของท่านทั้งหลายใส่เข้าไปด้วย
คราวนี้จะทำได้ยังไงต้องไปทำในเพิ่มเติมในหลักการ และเหตุผลให้กว้างขึ้น เพื่อจะได้ไปถกแถลงในประเด็นที่ท่านเสนอมาได้ ไม่อย่างนั้นจะตีกรอบ จะกลายเป็นว่ารัฐเป็นคนกำหนดทั้งสิ้น แต่ต้องช่วยกันนะครับ ต้องแบ่งเบากันบ้างว่าอะไรมันจะได้ อะไรมันจะเสีย รัฐบาลผมมีนโยบายว่าคนที่ได้ประโยชน์ต้องเป็นประชาชนนะครับ รัฐบาลต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ทั้งนี้ต้องไม่ไปละเมิดพันธสัญญาของคนอื่นเขาด้วยกับต่างชาติที่เราต้องมีการค้าการลงทุนร่วมกัน
ในเรื่องของการเพิ่มสิทธิประโยชน์นะครับ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพื่อจะสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นในประเทศไทยนะครับ เราจำเป็นเพราะต้องเป็นอาชีพเสริมสำหรับภาคการเกษตรด้วย ซึ่งนับวันจะมีปัญหามากขึ้น ถ้าเรามีอุตสาหกรรมบ้างที่เป็นอุตสาหกรรมสีเขียว มันจะช่วยให้พี่น้องมีรายได้ เลี้ยงดูครอบครัว เลี้ยงดูพ่อแม่ แล้วพัฒนาไปสู่การเป็นผู้ประกอบการด้วย ด้วยการรวมกลุ่ม โดยเฉพาะสินค้าทางการเกษตร เราต้องปรับปรุง เกี่ยวกับเรื่องของสหกรณ์ การเกษตรทั้งหมด ที่มีหลายประเภทด้วยกันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนะครับ วันนี้ได้สั่งการกระทรวงเกษตรฯ ไปดำเนินการแล้ว
ในส่วนของการลงทุนปัจจุบันนั้น เร่งรัดการลงทุนที่เป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคตนะครับ เพื่อเป็นการยกระดับพื้นที่ที่มีศักยภาพให้เป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมเป้าหมาย 10 ประเภทด้วยกัน อาทิเช่น ยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การท่องเที่ยว การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเกษตร การแปรรูปอาหาร หุ่นยนต์เพื่ออุตสาหกรรม การแพทย์ครบวงจร การขนส่งและการบิน เชื้อเพลิงและเคมีชีวภาพ และดิจิตอลนะครับ
ทั้งนี้เราจะเน้นการพัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพ ส่งเสริมด้านนวัตกรรม เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า และเน้นการนำวัตถุดิบในแต่ละพื้นที่มาแปรรูปนะครับ สร้างความเชื่อมโยง SMEs กับการประกอบการในระดับกลาง ระดับใหญ่ให้เชื่อมโยงกันให้ได้ เพื่อจะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนระดับล่างนะครับ อีกประการหนึ่งคือการเตรียมความพร้อมให้การสนับสนุนส่งเสริม และแก้ไขปัญหาอุปสรรคทั้งเรื่องปัญหาที่ดิน วันนี้ต้องแก้กันเยอะแยะไปหมด ที่ดินบุกรุก ที่ดินราชพัสดุ ที่ดินอะไรต่างๆ คือจนทุกคนเคยชินไปแล้ว จนไม่รู้ว่ากฎหมายอยู่ตรงไหน วันนี้เอากฎหมายมาว่ากันก่อน เราจะดูแลนะครับ ให้ตามสมควรที่ไม่ผิด ไม่ทำให้คนอื่นเกิดความเหลื่อมล้ำอะไรทำนองนี้
ในเรื่องของการปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานนะครับ เราต้องเร่งในเรื่องของการให้การบริการ One Stop Service นะครับ ว่าข้อมูลต่างๆ จะทำยังไง จะไปที่ไหนบ้าง มาซะที่เดียวเลย One Stop Service วันนี้ก็มีที่กรุงเทพฯ แล้วมีที่จังหวัดที่เตรียมการเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศาแล้วนะครับ หลายจังหวัดด้วยกัน ติดตามเอาแล้วกันนะครับ
เรื่องต่อไปคือเรื่องของการจัดทำระบบบัญชีเดียว เพื่อรองรับข้อมูลผู้ประกอบการให้ขึ้นทะเบียนให้ถูกต้อง และเพื่อจะขอรับการส่งเสริมการลงทุนต่อไปนะครับ ปีนี้รัฐบาลได้อนุมัติไปแล้วจำนวนเกือบ 2 พันโครงการนะครับ มีมูลค่าการลงทุนจำนวนราว 7 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นผลดีต่อระบบเศรษฐกิจนะครับในหลายมิติทั้งการเพิ่มรายได้จากการส่งออกกว่า 1 ล้านล้านบาท เพิ่มการใช้วัสดุในประเทศ ราว 8 แสนล้านบาทนะครับ ก่อให้เกิดการลงทุนใน 20 จังหวัด และช่วยเพิ่มรายได้ต่อหัวของประชากรในพื้นที่ด้วยผ่านโครงการต่างๆ คิดเป็นมูลค่ากว่า 4.4 หมื่นล้านบาทนะครับ ถ้าไม่ทำแบบนี้มันไปไม่ได้ ฝากไว้กับเกษตรกร แล้วผลิตผลทางการเกษตรอย่างเดียวมันไปไม่ได้แน่นอน ต้องสร้างความเจริญไป ภูมิภาค ไปท้องถิ่น ทั้งภาคการเกษตร เกษตรแปรรูป อุตสาหกรรมแนวใหม่ทั้งหมดในทุกพื้นที่ ขอร้องว่า ขอให้การสนับสนุนรัฐบาลด้วยนะครับ ในโครงการที่ดีๆ ท่านมีปัญหาก็พูดคุยกัน ด้วยวิถีทางที่ถูกต้อง เข้าช่องทางที่ถูกต้องแล้วกัน
เรื่องต่อไปคือการเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติในลักษณะไทยบวกหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียนหรือประเทศเพื่อนบ้านมาประเทศไทย ต่อไปเดินหน้าการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนจำนวน 10 พื้นที่นะครับปี 58 6 พื้นที่ และปี 59 จะเพิ่มอีก 4 พื้นที่ รวมทั้งพื้นที่ที่มีศักยภาพด้วยนะครับ เป็นการจัดตั้งซูเปอร์อะไรก็แล้วแต่ อันนั้นเป็นอีกกิจกรรมหนึ่งเหมือนกัน อาจจะเกิดทั้งในเขตเศรษฐกิจพิเศษก็ได้ หรือนอกเขตก็ได้ ตรงที่มีศักยภาพก็แล้วกัน วันนี้ต้องเป็นความร่วมมือกันระหว่างของภาครัฐภาคเอกชนที่เขาตั้งใจจะลงทุน เพราะบางครั้งมีปัญหามากมายหลายอย่างพวกสาธารณูปโภคพื้นฐาน ไฟฟ้า ประปา ถนนก็มีปัญหาหมด เพราะฉะนั้นขอร้องพวกเราด้วยกันว่าเวลาการลงทุนมาแล้วนี่ พวกที่มีที่ทางต่างๆ อย่าขายจนแพงจนเกินความเป็นจริง มากเกินไป ขึ้นเป็น 100 เท่าอย่างนี้ก็ไม่ไหว การลงทุนไม่เกิดขึ้นนะครับ ถ้าเราทำทุกอย่างนี้ได้ตามแผนงานของรัฐบาลในระยะเวลาอันสั้นนี้ มันจะเป็นการเริ่มต้น แล้วส่งผลต่ออนาคตนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจ้างงานในพื้นที่ การสร้างชนเมืองในชนบท การเพิ่มการค้าการลงทุนตามแนวชายแดน การค้าขายชายแดน แล้วก็มีการใช้วัตถุดิบทั้งในและต่างประเทศร่วมกัน
เราจะได้แก้ปัญหาเรื่องยาง เรื่องข้าวให้ได้ครบวงจรซะที ใช้ในประเทศให้มากขึ้น 30% อย่างที่ตั้งใจไว้ ต้องมีโรงงานเกี่ยวกับเรื่องยางนะครับ แล้วทำนอกจากเป็นยางรถยนต์แล้ว ยังเป็นเรื่องของยางปูพื้น ในเรื่องของปูสนามกีฬา ถุงมือ เดิมเราทำเยอะอยู่แล้ว ต่อไปเป็นเรื่องวัสดุอื่นๆ ใช้ในการประกอบการ เป็นผนังห้องน้ำสำหรับคนเจ็บคนป่วย หรือทำเกี่ยวกับเรื่องเฟอร์นิเจอร์ เกี่ยวกับเรื่องเครื่องนอน เรามีฝีมือทั้งสิ้น วัตถุดิบก็มีจำนวนมาก ต้องเพิ่มทักษะเข้ามา เพิ่มโรงงานเข้ามาแล้วเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยี การประกอบต่างๆ ให้เป็นนวัตกรรมที่แข่งขันกับคนอื่นเขาได้ ต้องมีความแตกต่างนะครับ
ถึงแม้ว่าเราจะมีค่าแรงที่สูงพอสมควร แต่เราต้องไปลดตรงอื่นให้ได้ ต้นทุนการผลิตจะลดยังไง เอาของในประเทศมา รัฐบาลจะดูแลตรงนี้ ด้วยนะครับ เพื่อจะรองรับการประกอบการ ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ทั้งหมด เรากำลังทำอยู่ทั้งหมดนะครับ เรื่องแรงงานที่มีฝีมือเราขาด จำนวนมากวันนี้เร่งรัดไปแล้วทั้งเร่งด่วน ระยะสั้น ระยะยาวนะครับ เร่งด่วนก็ต่อยอดเอา จบไปแล้ว ถ้าระยะสั้นก็ปี 4 ที่กำลังจะจบเอามาอบรม ในสาขาที่ต้องการ ถ้าระยะยาวปี 1-4 ในรุ่นต่อไป ต้องเตรีมการให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศนะครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมแรงงานที่มีฝีมือ นี่มีปัญหามากในภาค อุตสาหกรรมนะครับ ขาดแคลนไม่เพียงพอ ทั้งนักวิจัย นักพัฒนา หัวหน้างาน ผู้จัดการต่างๆ เหล่านี้ ทั้งภาคอุตสาหกรรม และภาคการ บริการ ท่องเที่ยวทั้งหมด ยังขาดอยู่เยอะ เทคนิคเชี่ยนอีก เรื่องเกี่ยวกับเรื่อง รถไฟ รถไฟฟ้า การขนส่ง ทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ช่างซ่อมเครื่องบิน เหล่านี่เป็นเรื่องที่เรากำลังขาดอยู่ทั้งสิ้นก็ได้เร่งรัดไปแล้วนะครับ ถ้าไม่งั้นแล้วเรา ผลิตแรงงานไม่เพียงพอ ไม่ตอบสนองต่อการขยายตัวของเราไปสู่การเป็นประชาคมอาเซียน AEC นั่นเอง เรื่องนี้กระทรวงแรงงานได้บูรณาการในการจัดทำข้อมูลแรงงาน ร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงศึกษาธิการ ที่เป็นผู้ใช้ ผู้ผลิตแรงงานที่มีฝีมือ ต้องสอบถามจากผู้ประกอบการไทยด้วย เพราะว่าขาดทั้งต่างประเทศมาลงทุน ทั้งในประเทศที่ขาดก็มี 2 อย่าง แรงงานที่มีฝีมือ ซึ่งเราต้องผลิตมากขึ้น ต่อยอดอะไรก็แล้วแต่ กับอีกอันคือแรงงานไม่ต้องมีฝีมือ ใช้แรงงานอย่างเดียวนี่ก็ต้องเป็นเรื่องของความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการใช้แรงงานต่างด้าวต้องควบคุมกันให้ได้แล้วกัน ทุกคนเป็นมนุษย์ทั้งนั้นแหละ เราต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด อย่าไปเอาเปรียบเขา การค้ามนุษย์เป็นสิ่งที่ร้ายแรง วันนี้มีโทษทัณฑ์มากมายทั้งผู้ทำ ผู้เกี่ยวข้อง อะไรแล้วแต่ทั้งหมด เจ้าหน้าที่มีโทษทุกอย่างเลย เพื่อต้องการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของรัฐ วันนี้ผมกำชับไปแล้ว ไม่ว่าจะในเรื่องของการทำความผิด เรื่องของประมงในเรื่องของค้ามนุษย์ จะต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด แล้วจะต้อมีการจัดทำข้อมูลเชิงสถิติตัวเลขของความต้องการแรงงานว่าเป็นอย่างไร เท่าไร ประเภทใดบ้าง แล้วในระดับการศึกษาใด ความรู้ความชำนาญที่ต้องฝึกเพิ่มเติมให้เขามีอะไรบ้าง หลายสาขามีความต้องการทั้งหมด ต้องมีรายละเอียดเหล่านี้ทั้งหมด ปัญหาเราก็คือการจัดทำข้อมูลทั้งหมด ไม่ว่าจะเรื่องประชาชน เรื่องอาชีพ เรื่องรายได้ ผมเน้นว่าปี 60 น่าจะทำให้สำเร็จ บัตรประชาชนที่มีระบุอาชีพ รายได้ ไม่ต้องอายไม่ต้องอาย มีรายได้น้อยรายได้มาก คนไทยทั้งสิ้น ผมต้องการให้แยกแยะให้ได้ว่ารัฐบาลจะได้ใช้งบประมาณอย่างไรให้เหมาะสม เพราะเรารายได้ยังน้อยอยู่ แต่ถ้าหากว่าเศรษฐกิจดีขึ้นมากๆ วันหน้าก็ดีขึ้นเอง ทุกคนคงจะลืมตาอ้าปากกันได้ หมดหนี้หมดสินกันเสียที แต่ถ้าไม่เริ่มแบบผมทำวันนี้ไปไม่ได้แน่นอน จะจนไปเรื่อยๆ เป็นหนี้ไปเรื่อยๆ อยากจะขอร้อง ขอความร่วมมือด้วยแล้วกัน
ในเรื่องของแรงงานก็ยังไม่จบ มีการต้องจัดทำข้อมูลแรงงานพื้นฐาน ในระบบ เช่น Smart Job Center เพื่อให้ผู้ประกอบการ สถานประกอบการ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ใช้ในการบริหารงานร่วมกันเรียกว่าบูรณาการ สำหรับผู้ต้องการแรงงงาน จากตัวแรงงานเอง จะต้องเจอกัน ไม่งั้นก็บริษัทต่างๆ บางทีบางบริษัทมีประสิทธิภาพ บางบริษัทก็ซื่อตรง ซื่อสัตย์ บางบริษัทก็ไม่ค่อยซื่อสัตย์ ทำให้เกิดปัญหาในเรื่องของแรงงานในอนาคตต่อไปด้วย
ต่อไปคือโครงการเพิ่มผลิตภาพแรงงานไทย รัฐบาลก็ช่วยเหลือ รัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขัน มีนวัตกรรม มีความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน อาทิ เช่นการพัฒนาแรงงานมีทักษะฝีมือสูงขึ้น เป็น Multi Skill สามารถทำงานได้มากขึ้น ในเวลาเท่าเดิม แล้วก็เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ลดการสูญเสียในการผลิต ขณะเดียวกัน สามารถลดการสูญเสียในวงจรการผลิตด้วย ลดต้นทุนการผลิตได้จริง โดยจะนำร่อง SMEs และสถานประกอบกิจการจำนวน 260 แห่ง ใน 20 กลุ่มธุรกิจนะครับ อาทิเช่นธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม สิ่งทอและแฟชั่น เฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์จากไม้ หัตถกรรม อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น และมีการจัดตั้ง ศูนย์บริการให้คำปรึกษาเพื่อเพิ่มผลิตภาพแรงงาน (ศปพ.) นะครับ ภายในสถาบันพัฒนาฝีมือแรงงานภาค และศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานจังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อให้คำปรึกษาแก่สถานประกอบกิจการต่าง ๆ ในการดำเนินงานไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงขบวนการผลิตหรือขั้นตอนการทำงาน รวมถึงการบริหารจัดการระบบ ลอจิสติกส์ และโซ่อุปทาน จะช่วยสามารถลดการสูญเสียในวงจรการผลิตได้นะครับ
ทั้งนี้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้าง ตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปนั้น กฎหมายกำหนดไว้แล้วนะครับ ให้ต้องฝึกอบรมลูกจ้าง ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนลูกจ้างทั้งหมด ทุกปีนะครับ โดยสามารถนำค่าใช้จ่ายในการพัฒนาฝีมือแรงงาน ไปลดหย่อนภาษีได้ร้อยละ 200 ครับ ก็ขอให้ช่วยด้วย
ทั้งนี้การเตรียมความพร้อมทางด้านบุคคลากรในด้านต่างๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นภาคอุตสาหกรรม ช่างเทคนิค ช่างฝีมือ บุคคลากรทางการแพทย์ การศึกษา รวมทั้งข้าราชการรุ่นใหม่ คงต้องไม่ใช่เฉพาะการเพิ่มจำนวนเท่านั้นนะครับ ต้องสามารถให้การบริการ ปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ มีความเป็นสากล ได้รับการยอมรับ มีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับอาเซียนและประชาคมอาเซียน รวมทั้งประเทศสมาชิกนะครับ ตลอดจนบุคลากรต้องสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัย ต้องมีทักษะทั่วไปด้านภาษานะครับ ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ ด้วยนะครับ ที่จำเป็นในการฟัง การพูด การอ่าน ทางการเขียนเท่าที่ทำได้ในระยะแรกนะครับ ต่อไปก็คงจะพัฒนาเก่งขึ้นในอนาคต เพื่อจะเป็นหัวหน้างานต่อไป
ในการการประชุมต่าง ๆ เหล่านั้น ถ้าหากว่าเรามีการรู้ภาษาอังกฤษมากขึ้น จะเข้าใจมากขึ้นนะ ว่าเขาประชุมกันเรื่องอะไร เขาเจรจากันเรื่องอะไรกันอยู่นะครับ ระดับที่ต้องพัฒนาไปสู่ตรงกลาง กับตรงท็อปนะครับ ของกิจการของแต่ละกิจการ ท่านต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องนะครับ พวกแรงงานข้างล่างก็ต้องรู้เหมือนกัน เพราะท่านต้องมีเพื่อนร่วมงานมีนายจ้างเป็นชาวต่างประเทศด้วย รู้ไม่ต้องมากนิดๆ หน่อย ๆ ทักทายได้ อะไรได้ พูดคุยกันได้ พอสมควรนะครับ
ในส่วนของทักษะเฉพาะภาษาประเทศเพื่อนบ้านผมก็เห็นมีการฝึกมีการเรียนรู้เยอะแยะ ตามทีวี โทรทัศน์ ทุกช่องเลย แต่ผมก็ไม่ทราบว่าผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นเท่าไรนะ วันนี้สอนเรื่องนี้ เรื่องนั้น แต่ไม่รู้ว่าวัดผลได้ยังไงนะ ว่าภาษาอังกฤษได้ถึงแค่ไหน
ผมอยากให้แยกแยะอย่างนี้ได้ไหมครับว่า เป็นภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐานหนึ่งอันนะ พื้นฐานคือคนทั่วไป ต้องเรียนรู้น่ะ ง่ายๆ อันที่สองภาษาอังกฤษเพื่อธุรกิจ ใช่ไหม อุตสาหกรรมอะไรก็แล้วแต่ อันที่สามก็ภาษาอังกฤษสำหรับข้าราชการ อันที่สี่ก็เป็นภาษาอังกฤษสำหรับการท่องเที่ยว เพื่อจะเป็นเจ้าภาพ เจ้าบ้านที่ดีเผื่อรับนักท่องเที่ยวยังไง มีความยากง่ายแตกต่างกัน และสุดท้ายก็เป็นเรื่องของ การศึกษาตามสถานศึกษาซึ่งมีหลักสูตรของเขาอยู่แล้ว วันนี้ต้องสอนให้คนฟังได้ก่อน ฟังเข้าใจ ให้ได้มากที่สุด
กำลังเตรียมการเรื่องการเป็นฮับด้วย เราต้องการเป็นฮับ รักษาพยาบาล ผมก็แนะให้กระทรวงศึกษาไปปรับในเรื่องนี้แล้วนะครับ ว่าปัญหาในเรื่องของการขาดแคลนแพทย์ส่วนกลางมีไหม ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ชนบทมีไหม แล้วก็การขาดแคลนในการที่จะเป็นฮับ เรื่องการรักษาพยาบาล จะต้องสร้างความเชื่อมันโดยมีแพทย์ต่างประเทศมาเป็นที่ปรึกษาอะไรต่าง ๆ ด้วยไหม ให้ไปแล้วนะครับ เพราะงั้นไปดูในแผนการผลิตในปี 59 นี้ให้ได้แล้วกันถึง 60 นี่แหละ ไม่อย่างนั้นก็เป็นอยู่เหมือเดิม ขาดแพทย์ชนบท ทำไมไม่ไปเปิดหลักสูตรส่วนหนึ่ง มีสัดส่วนอันนี้มาจากต่างจังหวัด ภูมิภาคโน้นภาคนี้ ในจังหวัด โรงพยาบาลจังหวัด ให้จังหวัดนั้นเขาส่งคนมาเรียนแพทย์ กลับไปต้องไปอยู่จังหวัดโน้นไม่ต้องมีย้าย ไปไหนทั้งสิ้น เขาโตกันที่โน้น มันจะได้สร้างชุมชนเมือง การศึกษาวันหน้ามีโรงเรียน มีมหาวิทยาลัยในภูมิภาคไป เหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องวางอนาคตทุกอย่างนะครับ ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดอะไรไม่ได้
ปัญหาสำคัญของบ้านเราในเวลานี้นะครับ สิ่งที่ผมเป็นกังวลอยู่หลายเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือการไม่เคารพกฎหมาย ทำให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายไม่ได้ กฎหมายจะคลายความศักดิ์สิทธิ์ลง ไม่ใช่ว่ากฎหมายเหล่านี้จะทำเพื่อละเมิดสิทธิ์มนุษยชน ผมต้องถามว่าแล้วท่านละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอื่นเขาหรือไม่ ประเด็นอย่าพูดข้างเดียวไม่ได้หรอก วันนี้กำลังปฏิรูปอยู่นะครับ คนอื่นเขาเดือดร้อนหรือเปล่า สิ่งกังวลต่อไปก็คือถ้าเขาละเมิดกฎหมายเหล่านี้ เดือดร้อนคนอื่น มันก็มีคนไม่ชอบ อันตรายก็จะเกิดขึ้น จะเกิดการตีกันทะเลาะกัน มันไม่พ้นรัฐบาลต้องไปแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่ก็เดือดร้อน ขอร้องเถอะครับไม่ว่าจะกลุ่มไหนก็ตาม อย่าฝ่าฝืนกฎหมายกันเลย กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์แล้วจะอยู่กันยังไง ถ้าไม่มีกฎหมายก็เหมือนเดิม
เรื่องที่ 2 คือไม่เชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม ความไว้เนื้อเชื่อใจไม่เกิดขึ้น เพราะว่าอะไรเพราะไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจในขบวนยุติธรรมว่าต้องเริ่มตรงไหน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็กลัวอย่างเดียว กลัวตำรวจจับ มันต้องมีเหตุมีผล ทำไมเขาถึงจับ ทำไมถึงมีการเรียกร้องผลประโยชน์ สมยอมหรือเปล่า การที่จะไปว่ากล่าวให้ร้ายใคร มันต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษใช่ไหม แล้วก็มีโอกาสในการพิสูจน์ทราบด้วยกระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย วันนี้ยุ่งไปหมดเลยเรื่องเหล่านี้ ผมพยายามทำทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมายแล้ว วันนี้จะเห็นได้ว่ามีความยุติธรรมหมดทุกอัน คือต้องเป็นธรรม ให้โอกาสทุกคน ฝากให้ทำความเข้าใจด้วยนะครับ
เรื่องต่อไปผมคิดว่าจำเป็น ต้องให้คนไทยนี่ทราบขั้นตอนของการทำงานของภาครัฐบ้าง ไม่อย่างนั้นจะล้มล้างกันไปทุกอันไปเลย ทำอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง พัฒนาก็ไม่ได้ อะไรก็ไม่ได้ บริหารอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง นี่เพราะไม่ทราบขั้นตอนว่าตัวเองจะเข้ามามีส่วนร่วมตรงไหน เรามี พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารให้แล้ว ในนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะต้องมาเริ่มตั้งแต่ต้น ถ้าเริ่มต้นไปไม่ได้ ฝ่ายรัฐต้องเป็นคนมาเริ่มต้นก่อน โดยความต้องการของคนในพื้นที่ หรือตามแผนงานระยะยาว ยุทธศาสตร์อะไรก็แล้วแต่ แล้วไปทำประชาพิจารณ์ ไปทำการประชุมสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่าโอเคไหม ถ้าโอเค ถึงจะเดินหน้าต่อไปได้ นั่นแหละเขาเรียกว่าความร่วมมือ จะทำไม่ทำอยู่ตรงโน้น แต่ถ้าเริ่มตอนแรก โครงการเกิดไม่ได้สักอันเลย แล้วจะทำยังไงล่ะ ที่ผมพูดทั้งหมดไม่เกิดเลย
อีกอันหนึ่งคือว่าประชาชนก็ไม่ทราบอีกว่าจะร่วมมือกับรัฐตรงไหน เมื่อไร หลายคนใช้ความรู้สึกความคิดส่วนตัว ต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยหลักการก็ไม่ค่อยได้ดูนะ ใช้ความรู้สึก ใช้ความเป็นธรรมชาติ ใช้ต่างๆ มาตัดสินปัญหา ทั้งหมดเลย ลืมทุกอย่างไง เลยทำให้เกิดความขัดแย้ง มีปัญหาร่วมกัน พัฒนาไม่ได้ อันนี้จะมีคนที่เอามาใช้ประโยชน์ ในการไม่เข้าใจของท่าน เพราะงั้นผมต้องถามกลับไปว่า วันนี้ทำไม หลายเรื่องที่น่าจะเข้าใจ ประชาชนน่าจะมีการเรียนรู้มานานแล้ว โดยฝ่ายการเมืองโดยรัฐบาล โดยผู้บริหารประเทศ ปรากฏว่าไม่รู้เรื่องเหมือนเดิม เป็นสิบๆ ปีมาแล้วนะ วันนี้เราพยายามให้ทุกคนได้รับทราบ พูดไป แจ้งไป บางทีไม่ค่อยสนใจ ไม่ค่อยร่วมมือ เพราะเคยชิน ผมว่าท่านต้องปรับตัวเองบ้าง ทั้งข้าราชการ ทั้งประชาชน ภาคธุรกิจ เอกชน แล้วแต่ต้องปรับตัวแล้ว วันนี้ประเทศกำลังเดินหน้า ไปสู่อนาคต เพราะฉะนั้นต้องมีหลายอย่างที่มีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ตัวเอง ครอบครัว สิ่งแวดล้อม เข้าใจกฎหมาย เข้าใจกติกา สังคมการเป็นประชาคมโลก
ถ้าทุกคนทำตามกรอบที่เราออกกฎหมายไปแล้ว ตามกติกาสากล แล้วก็จะกล่าวอ้างว่าไม่รู้อีก พอไม่รู้ขึ้นมา มีเรื่องทันทีทั้งๆ ที่หลายคนก็ เพราะไม่รู้ไง แต่มีเจตนาบริสุทธิ์ เป็นเครื่องมือของเขาเคลื่อนไหว เป็นปัญหาหมด ก่อนอื่นท่านต้องดูกฎหมายก่อนว่า ท่านจะทำนี่จะผิดกฎหมายหรือเปล่า ถ้าผิดแล้ว การแสดงความคิดเห็นของท่านนี่ ถ้าเป็นความคิดเห็นทางการเมืองหรือทางประชาธิปไตย มันใช่เวลาหรือยังใช่ไหม แล้วการกระทำของท่านนี่ มีผลกระทบกับการจราจร ผลกระทบกับคนอื่นที่เขาไม่เห็นด้วยอีกไหม เหล่านี้ท่านต้อง คิดร่วมกัน ไม่งั้นแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะงั้นวันนี้ผมอยากขอร้องนักการเมือง ข้าราชการ ประชาชนทุกคน ทุกหมู่เหล่า ภาคธุรกิจเอกชน ต้องร่วมมือทั้งสิ้น เข้าใจตรงนี้ ทำไงจะร่มมือจับมือกันได้ในลักษณะการเป็นประชารัฐ ทั้งข้างบนข้างล่างนั่นแหละ
ใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่เข้ามาแล้วมีวันหยุดยาวหลายวัน มีการเฉลิมฉลองกันเป็นธรรมดานะครับ อยากจะขอให้ทุกคนระมัดระวังในเรื่องของการเดินทาง ผมไม่อยากให้มีการสูญเสียบาดเจ็บเล็กน้อยก็ไม่อยากให้เกิด เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ยิ่งเสียชีวิต ยิ่งแย่ใหญ่ เพราะมีคนเสียใจกับท่านเยอะ ครอบครัวท่าน พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ไม่มีใครอยากเห็นใครเจ็บ ตายไปหรอกนะครับ โดยเฉพาะรัฐบาล พยายามทำทุกอย่างแล้ว อยู่ในขั้นตอนสร้างความเข้มแข็ง จะดูแลเรื่องถนนหนทางยังไง ทางเลี้ยว ทางโค้งยังไง เรื่องของพื้นที่เสี่ยงต่างๆ การควบคุมความเร็วรถ การควบคุมพลขับ ทุกอย่างต้องทำใหม่ทั้งหมด ก็เริ่มได้บ้าง บางอย่างก็เริ่มไม่ได้ ก็ต้องใช้คนนี่แหละครับในการอำนวยการจราจร
ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่นะครับที่เตรียมการมาโดยตลอด ทั้งของมหาดไทย ทั้งของตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่พลเรืองทั้งหมด ก็ร่วมมือกันทุกครั้ง มีวันหยุดยาวๆ เขาไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนกัน ครอบครัวเขาก็มี แต่เขาเสียสละอยู่กับท่าน อย่ามาคิดว่าเขาอยู่เพราะเป็นหน้าที่อย่างเดียว หรือได้รับเบี้ยเลี้ยง ไม่ใช่ ความสุขเขาก็ต้องการ แต่เขาจำเป็นต้องอยู่ เบี้ยเลี้ยงเล็กๆ น้อยๆ ให้เขากิน เขาอยู่ เขาใช้ เขาไม่อยู่บ้านก็มีเบี้ยเลี้ยงให้ลูกเมียเขากินอยู่ที่บ้าน เข้าใจซะบ้าง
ขอขอบคุณนะครับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ทั้งหมด ทุกคนที่ต้องเสียสละวันหยุดช่วงเทศกาล มาช่วยดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนทุกคนครับ ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ปีใหม่หน้านั้นเราคงจะพบแต่ในสิ่งที่ดีๆ นะครับ ประเทศชาติเดินหน้าไปได้ ความขัดแย้งลดลง หรือไม่เกิดขึ้นอีกเลย จะเดินหน้าไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่ถาวรซะที ขอบคุณครับ สวัสดีครับ ขอให้มีความสุขครับ