xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ขายฝัน “รวยเละแน่คราวนี้” ปักหมุด 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษ - แย้มไม่แยกจังหวัดเพิ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรี เผย ฝากมิตรประเทศอย่าทิ้ง อย่าหวาดระแวง เผย ที่ผ่านมาเปลี่ยนมาตรการส่งเสริมการลงทุนครั้งใหญ่ ย้ำ ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ โวทำได้ 20 จังหวัด รวยเละแน่คราวนี้ แจงปักหมุด 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษ กระจายธุรกิจ ต้องแจงคนในท้องถิ่นจะได้ไม่ขัดแย้ง ยันจะแยกจังหวัดเพิ่มอีกคงไม่ได้ รายได้จะต่ำลงไปอีก ถ่อมตัวไม่อยากเป็นใหญ่แต่อยากเปลี่ยนแปลง ชี้ ประชาธิปไตยยังมีความต่าง ถามจะหาผู้นำมีธรรมาภิบาลจากไหน เตือนอย่าเอาความไม่ชอบส่วนตัวมาเป็นอารมณ์ ขอคนไทยช่วยระวังความมั่นคง รับผิดชอบร่วมกัน เตือนอันตรายการค้า อี-คอมเมิร์ส

วันนี้ (23 พ.ย.) ที่ห้องเพลนารี ฮอลล์ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาในงานสัมมมนา “อนาคตไทย ก้าวไกลด้วยคลัสเตอร์” โดยมี นางอรรชกา สีบุญเรือง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นางหิรัญญา สุจินัย เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ), นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง และ นายกิติพงค์ พร้อมวงค์ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ เราจะมาร่วมกันทำประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่าย ซึ่งจะเป็นการทำให้กับประชาชน และจากการประชุมอาเซียนที่ผ่านมา มีการพูดถึงหลักการสำคัญ โดยเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางสร้างความเป็นเศรษฐกิจเดียว สร้างความเชื่อมโยงเจริญเติบโตจากภายในให้เข้มแข็งไปพร้อมกัน ตรงนี้คือหลักการเศรษฐกิจโลกปัจจุบัน ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับปัญหาสำคัญของโลก ภูมิอากาศเปลี่ยนแหลง การก่อการร้าย โรคระบาด รวมถึงเศรษฐกิจที่ยังมีช่องว่างระหว่างกัน ซึ่งเกิดจากปัญหาการสร้างความเชื่อมโยงของแต่งละประเทศ แต่ละภูมิภาค แม้กระทั่งภูมิภาคเดียวกันกับเรายังเกิดความแตกต่าง ดังนั้น เราต้องพัฒนาศักยภาพด้านเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเดียวกัน เราจะได้มีที่ยืนในเวทีโลกใบนี้ ซึ่งตนก็ได้ฝากมิตรประเทศไว้ อย่าลืมสิ่งที่เราเริ่มต้นกันมา และอย่าทิ้งกันไปไหน เพราะเราต้องการทำประโยชน์ให้มากที่สุด แต่ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกัน อย่ามาหวาดระแวงตนเลย เพราะตนต้องการสร้างอนาคตให้ทุกคน ท้ายที่สุดจะต้องมีผลประโยชน์เท่าเทียม และกลับมาสู่ประชาชนในพื้นที่ให้เกิดความเข้มแข็งมีการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ปัญหาของเราอยู่ที่การอธิบายการสร้างความเข้าใจ การทำงานข้าราชการต้องปรับตัวทำงานเชิงรุก มีวิสัยทัศน์ ขณะเดียวกัน เอกชนก็ต้องปรับตัวทำงานร่วมกับข้าราชการได้ ไม่มุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว ต้องมุ่งเน้นสร้างความเจริญเติบโตไปพร้อม ๆ กัน วันนี้ถือว่าบีโอไอได้มีการปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การลงทุนใหม่ในรัฐบาลปัจจุบันระยะ 7 ปี ตั้งแต่ปี 2558 - 2564 เป็นการเปลี่ยนแปลงมาตรการส่งเสริมการลงทุนครั้งใหญ่สุดในรอบ 20 ปี ที่ผ่านมา หลังจาก 20 ปี ที่ผ่านมา ไม่ได้มีการปรับปรุง เมื่อเกิดความล้าสมัยและรอบบ้านมีการปรับปรุง เราก็ต้องพัฒนาตัวเองตามเขาให้ทัน อาจต้องใช้วิธีการก้าวกระโดดด้วยซ้ำไป

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา มีการปรับสิทธิประโยชน์ด้านต่าง ๆ ให้ภาคเอกชนเพื่อเป็นแรงจูงใจให้กับนักลงทุน รวมถึงการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ไม่เช่นนั้น สินค้าเราจะสู้เขาไม่ได้ เพราะหลายประเทศมีการพัฒนา ทั้งนี้ ตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเราอาจดูน้อย แต่อย่าลืมว่าต้องแตกต่างจากหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศรอบบ้าน เนื่องจากฐานเศรษฐกิจของเรากว้าง เราพัฒนาภาคอุตสาหกรรมมากว่า 30 ปีแล้ว ในวันนี้เมื่อประเทศเขาพัฒนาขึ้นมาใหม่ เขาอาจไปได้สูงกว่าในเชิงอุตสาหกรรม ขอให้นักลงทุนในประเทศเข้าใจ และขอฝากนักลงทุนต่างประเทศให้เข้าใจสถานการณ์ในไทยด้วย

“วันนี้เราจำเป็นต้องร่วมมือกันสร้างสถาปัตยกรรมอาเซียน และสถาปัตยกรรมในไทย โดยต้องดูว่าความต้องการของมิตรประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน ต้องการอะไร รัฐบาลพร้อมที่จะแก้ปัญหา แต่ต้องเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่สร้างปัญหาต่อไป ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์เพราะต้องการให้มีการพัฒนาศักยภาพของประเทศให้สอดคล้องกับทรัพยากรที่มีอยู่ และจูงใจให้เข้ามาช่วยกันพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน ที่สำคัญ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เราหมายถึงประเทศ รัฐบาล เอกชน ประชาชนที่มีหลายระดับ ไม่เช่นนั้นจะไปไม่ได้ ดังนั้นต้องสร้างความเชื่อมโยงเหล่านี้ให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า ในช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา หลังจากที่มีการปรับแก้สิทธิประโยชน์มีเอกชนของเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งเราได้อนุมัติไปแล้วทั้งสิ้น 1,923 โครงการ คิดเป็นเงินลงทุน 693,637 ล้านบาท ถ้าเกิดขึ้นได้จะเป็นผลประโยชน์มหาศาล และจะตอบสนองสิ่งที่ตนพูดไวัทั้งหมด ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งเอกชน ประชาชน ประเทศ และอาเซียน รวมถึงยุโรป สหรัฐอเมริกา เพราะเราคือหนึ่งประเทศในโลกนี้ เป็นคน ๆ หนึ่งในมนุษยชาติ ฉะนั้น เราต้องดูแลโลกด้วย ไม่ใช่ดูแลเฉพาะตัวเอง คิดแต่ตัวเอง จะได้อะไรมากอะไรน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ไปไม่ได้ ความร่วมมือไม่เกิด ความเหลื่อมล้ำก็จะอยู่อย่างนี้ หากทำได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เกิดศักยภาพมากมาย ก่อให้เกิดประโยชน์ในหลายมิติ ส่งเสริมให้มีรายได้จากการส่งออกประมาณ 1,033,000 ล้านบาท ถ้าเราปรับโครงสร้างการทำงานในช่วงนี้แค่ 1,923 โครงการ จะมีการเพิ่มการใช้วัตถุดิบในประเทศมูลค่าประมาณ 790,000 ล้านบาท รวยเละแน่คราวนี้ เพราะจะก่อให้เกิดการลงทุนใน 20 จังหวัด ตามมาจาก 77 จังหวัด รวมกรุงเทพฯ

“ประเทศไทยมีเท่านี้จะแยกจังหวัดเพิ่มอีกคงไม่ได้ เพราะยิ่งแยกก็ยิ่งแย่เพราะรายได้ท้องถิ่นต่ำ การจัดเก็บภาษีก็ลำบาก ถ้าทำได้ตามที่วางไว้จะทำให้ท้องถิ่นดีขึ้น ถ้าเป็นภาษาไทยเขาเรียกว่าการกุศลร่วมกันทำให้คนมีความสุข ให้ชาวบ้านมีความสุขชาวต่างประเทศก็น่าจะมีความสุขด้วย เพราะเห็นคนมีความสุขมีรอยยิ้ม ถ้าเราทำได้มี 20 จังหวัดจะทำให้รายได้ต่อหัวที่มีรายได้ต่ำมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่า 300 บาททุกวันนี้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเดิมก็มีการค้าตามแนวชายแดนอยู่แล้ว ทั้งจุดผ่านแดนถาวร และจุดผ่านแดนพิเศษเพื่อให้เกิดการค้าขายระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งวันนี้เรากำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษไว้ 10 พื้นที่ โดยเกิดในปีนี้ 6 พื้นที่ ปีหน้า 4 พื้นที่ สาเหตุที่เกิดพร้อมกันไม่ได้ทีเดียวเพราะต้องดูปริมาณสินค้า การเตรียมความพร้อมเรื่องด่าน ดังนั้น จำเป็นต้องเร่งพื้นที่ที่มีศักยภาพไปก่อน ซึ่งต้องใช้เวลาแต่ก็จะเร่งให้ และถ้าถามว่า 6 พื้นที่ ทำไมต้องอยู่ชายแดน ก็เพราะไม่ให้เกิดปัญหาการสัญจรไปมา และไม่อยากให้มีปัญหาเรื่องแรงงาน ซึ่งประเทศต้นทางก็ไม่อยากให้ประชาชนของเขาเดือดร้อน แต่ทุกประเทศก็ต้องการแรงงานไปพัฒนาประเทศ และในฐานะที่เราเป็นประเทศเพื่อนบ้านก็ต้องดูแลซึ่งกันและกัน ฉะนั้นอย่าไปดูถูกเขา เพราะเขาก็มีส่วนสร้างเศรษฐกิจในประเทศเราเช่นกัน

“ฉะนั้น สาเหตุที่กำหนดพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 10 จุด ไว้แนวชายแดน เพราะต้องการรองรับธุรกิจที่มีการใช้แรงงานจำนวนมาก และยังมีวัตถุดิบจากท้องถิ่น ซึ่งมีจำนวนมาก และจะทำให้เกิดการจ้างงาน และมีรายได้ มีพื้นที่จะเป็นชุมชนขึ้นมาใหม่ ชนบทก็เกิดการเติบโต ซึ่งไม่จำเป็นต้องทันสมัยแบบกรุงเทพฯ ซึ่งวันนี้ผมเห็นว่าคนต่างจังหวัดมักจะกระจายกันอยู่เกินไป ทำให้การอำนวยความสะดวก ถนนหนทาง การลงทุน ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์เป็นภาระทั้งหมด ฉะนั้น ถ้าเราจัดพื้นที่ให้ส่วนหนึ่งเป็นที่อาศัยพื้นที่ทำกินก็ทำกินไป ซึ่งรัฐบาลก็จะวางระยะแรกไว้ ก่อนจะส่งให้รัฐบาลในวันหน้า รัฐบาลวันนี้จะหามาตรการรักษาความมีเสถียรภาพ ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องทำ นี่คือ สิ่งที่ผมให้คำรับรองไว้ อย่าไปคิดว่าผมจะอยู่หรือไม่อยู่ ประเทศไทยยังอยู่ ท่านก็ต้องอยู่ เพราะมิตรประเทศก็เป็นเพื่อนของไทยมายาวนาน” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราต้องเริ่มจากในท้องถิ่น สิ่งที่เราจะให้ความสำคัญ คือ ทำอย่างไรให้คนในพื้นที่ได้ประโยชน์ เราต้องอธิบายให้เขาฟังว่าจะเกิดอะไรในพื้นที่ จะสร้างอะไรในพื้นที่ จะได้ไม่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งถ้าให้เอกชนลงไปทำทั้งหมดมันจะลำบาก ดังนั้น วันนี้รัฐบาลจะพยายามพูดให้เยอะ โดยเฉพาะตนพูดเยอะที่สุด และต้องทำให้เขาเข้าใจในความเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ว่าเราจะทำอาชีพเดียวไปตลอดทั้งชีวิต เราต้องกลับมาดูของเราว่าจะปรับกันอย่างไร ทั้งการเกษตรและอุตสาหกรรม เราต้องส่งเสริมเขาอุตสาหกรรมไม่มีมลพิษ เราต้องสร้างงานสร้างอาชีพให้ท้องถิ่นมีความเจริญ รวมไปถึงในเรื่องของการศึกษาที่จะทำอย่างไรก็ได้ให้มหาวิทยาลัยอยู่ทุกภูมิภาคให้อยู่ที่เดียวกันในพื้นที่ใกล้บ้าน สามารถเรียนที่นี่ทำงานที่นี่ และดูแลบ้านเกิดได้ ซึ่งต้องร้อยเรียงทุกอย่างเข้าด้วยกัน

“มันต้องมีการเปลี่ยนแปลง ถ้าดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องเปลี่ยน ถ้ามันไม่ดีก็ต้องเปลี่ยน ถ้าเข้ามาแล้วไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นก็อย่ามาเลย อยากทำอะไรไม่ต้องอยากเป็นใหญ่ด้วยซ้ำ ไอ้ผมไม่อยากเป็นใหญ่ แต่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง หลายคนก็อยากจะมีอำนาจ แต่ผมไม่อยากมี แต่อยากมีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้มันดีขึ้นเพื่อพี่น้องประชาชนทุกคน และเพื่อชาวต่างประเทศด้วย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ต้องแก้ไขในเรื่องของสังคมเมืองให้ได้ทุกประเทศมีปัญหาหมด เพราะคนเยอะขึ้น ซึ่งข้อมูลว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้าประชากรโลกจะเพิ่มขึ้น 8 พันล้านคน แต่น้ำจะลดลง 25 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งจะมีผลกระทบไปถึงห่วงโซ่อาหาร และจะทำให้เกิดความยากจน ก็มีความขัดแย้ง มีความขัดแย้งก็เกิดความรุนแรง วันนี้เกิดขึ้นมา ถามว่า เกิดจากอะไร หลัก ๆ ไม่ใช่เรื่องศาสนา มันเป็นเรื่องของความยากจนที่ทุกคนจะต้องทำให้คนมีรายได้น้อย มีรายได้สูงขึ้นในการพัฒนา ไม่อย่างนั้นมันก็มีความแตกต่างในประเทศ ยิ่งรัฐบาลไม่มีธรรมาภิบาลเข้าไปอีก รัฐบาลไม่โปร่งใสอะไรก็แล้วแต่ ก็จะทำให้ประชาชนขัดแย้ง เหลื่อมล้ำ มันก็ต้องมีหัวหน้าขึ้นมา พอหัวหน้าขึ้นมาเขาจะทำไม่ใช่แบบเราทำวันนี้หรอก ไม่ใช่ตนทำ พอมีกลุ่มเล็ก ๆ มันก็มีปัญหาหมด แต่ตนต้องการขับเคลื่อนคน 70 ล้านคนในประเทศนี้ให้โตพร้อมกัน มีปัจจัยหลายที่จะทำให้เขาเติบโต คือเศรษฐกิจและการเมืองเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้พวกเขาเจริญเติบโตแข็งแกร่งไปด้วยกัน

“มันเป็นความใกล้ชิดกันมานาน ไม่ว่าจะญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมนี เป็นเพื่อนกันทั้งหมดในโลกใบนี้ การเมืองเป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไป ยังไงก็ขอให้ดูประเทศไทยว่าเรากำลังทำอะไรกันอยู่ ถึงแม้ผมจะเป็น คสช. ก็ดูซิว่ากำลังทำอะไรอยู่ ผมทำเหมือนที่คนอื่นทำไหม ในโลกใบนี้จะดีไม่ดีผมไม่ทราบ แต่ในโลกใบนี้รับรองไม่มีใครทำแบบนี้ ทำเพื่อใคร ก็ทำเพื่อคนไทยและท่านด้วย การขับเคลื่อนนโยบาย มาตรการต่างๆ ต้องผลักดันให้เร็ว ถ้งสงสัยสามารถถามได้ทุกคน ข้าราชการ รัฐมนตรี บีโอไอ ถามผมยังได้ แต่ส่วนใหญ่ถามผ่านสื่อ อยากให้รัฐบาลทำอย่างนี้ ๆ ผมก็ทำแล้ว คือ สื่อถ้าไม่ถาม ก็ไม่ใช่สื่อ คนสัมภาษณ์ถ้าไม่ตอบ ก็ไม่ใช่คนถูกสัมภาษณ์ แต่ก็ต้องระมัดระวังสิ่งที่จะเป็นผลกระทบ ผมพยายามอย่างดีที่สุดแล้วจะไม่ให้กระทบใคร ผมก็จะเดินหน้า แต่ก็ว่าหาว่าผมชกมวยอยู่นั้นแหละ” นายกฯ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องพัฒนาคน เทคโนโลยีที่ล้าสมัย แก้ไขกฎระเบียบให้เป็นสากล วันนี้ร่างกฎหมายแล้ว 367 ฉบับ ซึ่งเป็นกฎหมายอำนวยความสะดวก การค้าการลงทุน สิทธิมนุษยชน และกฎหมายที่ประชาชนได้ประโยชน์ทั้งสิ้น ไม่ได้เขียนให้รัฐบาลได้ประโยชน์เลย เพราะถ้าประชาชนได้ประโยชน์ รัฐก็ได้ประโยชน์ ตรงนี้คือความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือใครก็ตาม ต้องคิดว่าประชาชนจะได้อะไร ไม่ใช่เอาจากคนเดียว ร่ำรวยคนเดียว คนอื่นจนหมด ทำอย่างนี้ไม่ได้ หรือจะเอาเฉพาะพวกไม่ได้อย่างเรื่องอุตสาหกรรมก็ต้องไปดู ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม จะได้ถูกเอ็นจีโอต่อต้าน สิ่งนี้จะเกิดไม่ได้ถ้าประชาชนไม่เข้าใจ มีการบิดเบือน หรือองค์กรเอ็นจีโอที่ไม่มองทุกมิติ เราต้องเข้าใจกันทั้งหมด

นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่อยากให้ใครไปลงทุนที่อื่น จะได้ไม่ต้องไปเริ่มใหม่ทั้งหมด ซึ่งผู้นำหลายประเทศ เขาก็ยินดีที่จะอยู่ในประเทศไทย ตนก็ชื่นใจกับคำพูดของเขา แต่จะลงทุนอย่างไรก็ไปว่ากันมา ตนไปบังคับไม่ได้ รัฐบาลจัดหาเงินทุนมาดูแลเอสเอ็มอี ตั้งไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท หากคนสนใจก็ลงทะเบียนเข้ามา หากทางเชื่อมต่อสมาคม ซึ่งตนก็จะหาเงินอนุมัติลงไปจนได้ ถ้าเอาเงินแล้วทำให้เกิดรายได้ ตนทำให้ทุกอย่าง เพียงแต่หาเงินให้ตนใช้ให้ได้ก็ได้แล้วกัน เพราะตนไม่ได้ใช้ส่วนตัว ไม่เคยเอาไปที่ไหนเลย เพียงแต่คิดว่าจะทำอย่างไรให้เงินเหล่านี้ กลับไปหาประชาชนทั้งหมด ข้าราชการก็จะมีความสุข ไม่เกิดความขัดแย้งประชาชนในพื้นที่ ซึ่งประชาชนก็อยากให้ข้าราชการยิ้มแย้ม แจ่มใส อย่าลืมข้าราชการก็คือมนุษย์ เขาก็มีปัญหาส่วนตัวเขา พอมาทำงานก็ต้องยิ้มแย้มใส่กัน อย่าไปกดดันกันมาก ต่างคนต่างกดดัน สุดท้ายก็ไม่คุยกัน

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ตนมาช่วยให้ทุกอย่างมันง่ายขึ้น มีความสุขมากขึ้น นี้คือ การพัฒนาประสิทธิภาพของรัฐบาล ข้าราชการ และเอกชน หาให้มันตรงกัน พัฒนาไปแล้วภาษีก็จะมาเอง ประเทศก็จะเจริญ เข้าถึงมาตรการต่าง ๆ ให้กระทรวงต่าง ๆ รณรงค์ให้เอสเอ็มอี จัดทำระบบบัญชีเดียว เข้าระบบภาษีอย่างถูกต้อง เข้าใจว่าประชาชนติดละคร แต่ขอเศษเสี้ยว 20 เปอร์เซ็นต์ให้กับตน ให้กับประเทศชาติ ส่วนนักธุรกิจ ผู้ประกอบการขอ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่จะทำให้ประเทศชาติมีผลประโยชน์ส่วนรวม แต่ถ้าเราพูดถึงความขัดแย้ง พิธีกรรม เราก็ต้องอยากเป็น อยากมี มันก็แค่พิธีกรรม เดี๋ยวมันก็ไปของมันอยู่ดี คงเข้าใจใช่ไหมตนพูดเรื่องอะไร ท่านกำลังดูอยู่ว่า สิ่งที่ตนพูดทำได้หรือเปล่า พอตนพูดอะไรไป วันรุ่งขึ้นก็มีคนมาบอกว่า ไม่ใช่ ตนยังไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย เพราะสิ่งที่ตนพูดไม่ตรงกับท่านไง ตนต้องทำตรงความต้องการทุกคนหรือเปล่า ต้องเอาคนสองพันคนมารวมกัน แล้วดูว่าต้องการอะไร ให้สมดุลทั้งตนและท่าน มันก็จะเดินไปได้ อย่างประเทศอื่น ๆ ที่เจริญก้าวหน้าเป็นมหาอำนาจ เขาก็เป็นแบบเรามานี้แหละ แต่เราคงไม่หวังเป็นมหาอำนาจอย่างเขา แต่เราต้องมีเศรษฐกิจร่วม

นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนรักชีวิตด้วยกันทั้งสิ้น ผมรักท่านมากกว่าตัวเอง ถ้าไม่รักไม่มายืนตรงนี้ ไม่ใช่ว่าผมจะใจร้ายกับทุกคน ถ้าใจร้ายไม่มายืนตรงนี้หรอก เรื่องของประชารัฐ ต้องร่วมกันสร้างความเข้มแข็งด้วยกัน ทั้งจากรัฐ ข้าราชการ ประชาชน อย่าเอาการเมืองมาทำทุกอย่าง มันทำไม่ได้ ถ้าทุกอย่างเป็นการเมืองไปหมด ประเทศก็จะเป็นแบบนี้ อยู่แบบนี้ ต่างชาติก็จะไม่เข้าใจว่า เกิดอะไรขึ้น ตนทำให้ตายเขาก็ไม่เข้าใจ เพราะท่านไม่ช่วยกันเข้าใจ ไม่ช่วยทำความเข้าใจกับต่างประเทศ ขยายความขัดแย้งออกไปเรื่อยๆ ไม่มีใครเข้าใจเรา ตนไม่ได้ต้องการเข้ามาทำลายระบบอะไรทั้งสิ้น เราต้องเข้มแข็งไปด้วยกัน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง ความยุติธรรม

“วันนี้ต้องถูกกฎหมายทั้งหมด ถ้ามีอะไรเล็ดลอดไป ให้มาบอกตน เพราะไม่มีของ คสช. ไม่มีของตน บอกมาเลย ให้บอกมา จะลงโทษทั้งหมดทุกเรื่อง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า การเป็นประชาธิปไตยก็ใช่หากบอกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกนี้ แต่ความเท่าเทียมก็ยังมีความแตกต่าง แม้เป็นระบบที่โลกนี้ยอมรับ ก็ไม่ว่ากัน ตนก็รับได้ เพียงแต่เราจะทำอย่างไรให้คนที่เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินมีธรรมาภิบาล มีคุณธรรม จริยธรรม โปร่งใส มีความรับผิดชอบต่อประชาชน ทุกคนได้ประโยชน์เท่าเทียม อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ผมไม่เคยคิดเข้าข้างใคร เพราะตนต้องถือกฎหมายตรงนี้ ถ้าไม่ใช่กฎหมายมันก็ไปไม่ได้ ถ้าไม่บังคับใช้กฎหมาย ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม บิดเบือน แล้วจะเอาอะไรมาอยู่ด้วยกันได้ มันไม่ได้หรอก เพื่อนเราทั้งหมดก็บอกกับตนว่าดีใจที่ประเทศไทยมีเสถียรภาพ ไม่อยากเห็นภาพเก่าๆ อีก อย่าให้เกิดขึ้นอีกก็แล้วกัน อยู่ที่พวกเราเป็นเจ้าบ้านที่ดี รับเพื่อนบ้านมาด้วยกับการลงทุนทั้งหมด ถ้าเราช่วยกันประชาสัมพันธ์ ขยายความเข้าใจ

“”อย่าเอาความไม่ชอบส่วนตัวมาเป็นอารมณ์มากนัก อย่าเอามาทำให้สังคมส่วนใหญ่ไม่ชอบตามกันหมด มันไม่ใช่ เพราะเราต้องอยู่ด้วยความร่วมมือระหว่างกัน มีความเห็นต่างก็หาทางเจอกันให้ได้ แสวงหาจุดร่วม ส่วนที่เห็นต่างไว้คุยกันที่หลัง ไม่ใช่แสวงหาจุดต่าง แล้วหาส่วนร่วมที่หลัง รวมพัฒนาชีวิตคน ความขัดแย้งก็ลดลง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ขอให้ช่วยระมัดระวังความมั่นคง ตอนนี้เรามีเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว และได้มีการพูดคุยกันหลายเวทีรวมถึงประเทศมหาอำนาจด้วย แต่ขออย่าตื่นตระหนก ถ้าเราช่วยกันป้องกันตนเองและสร้างความเข้มแข็ง ประชาชนก็จะเป็นกำแพงที่แข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร ตำรวจ แต่เราต้องร่วมกันรับผิดชอบ ดีก็ดีด้วยกัน แย่ก็ต้องแย่ด้วยกัน แต่วันนี้ตนรับผิดชอบหมดอยู่แล้วไม่ต้องกลัว แต่จะมีใครช่วยตนหรือไม่ ใครที่เคยถ่ายรูปกับตน ตนเก็บไว้หมดแล้ว วันหน้าอย่ามาบอกว่าไม่รู้จักกัน ส่วนการเมืองไทยได้พยายามอย่างที่สุดที่จะนำพาประเทศไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่มั่นคงแข็งแรง เหมือนกับทุกประเทศที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มานานแล้ว อาจจะนึกไม่ออกแต่วันนี้ตนกำลังจะผ่านความยากลำบากตรงนี้ไปให้ได้ เพื่อตนจะได้มีศักดิ์ศรี มีอะไรที่เทียบเคียงกับท่านได้ในโลกใบนี้ แค่นั้นเอง ขนาดเดียวกันตนจะไม่ยอมให้เหตุการณ์ทางการเมืองเป็นอุปสรรคต่อการค้าการลงทุน เรื่องผลประโยชน์ การทุจริตคอร์รัปชั่นหรือใครไปเสียเงิน ไปเสียที่ไหนให้บอกตนมา กฎหมายต่างๆ ได้ออกไปหมดแล้ว รวมถึง พ.ร.บ. อำนวยความสะดวก, พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารทั้งหมด ถ้ากฎหมายเหล่านี้ออกมาแล้วไม่ใช้ไม่ทำก็จะไม่เกิดประโยชน์

ทั้งนี้ การทุจริตที่ไหนก็ตามเป็นเรื่องของกฎหมาย เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับเขามาก ที่ตนทำวันนี้ไม่ได้ไปล้วงอะไรเขาเลย เป็นเรื่องเดิมทั้งสิ้น เพียงแต่นำเรื่องต่างๆ เข้าสู่กระบวนการทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมาไม่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการ ซึ่งไม่รู้เพราะอะไร ขอให้มองหัวใจผม ที่ไม่ได้ทำเพื่อใครแต่ทำเพื่อทุกคน รักกันไว้เถิดไทยคือไทย รวมกันให้ได้รักกันไว้ ไทยคือไทย สากลคือสากล เพื่อนก็คือเพื่อน คำว่าเพื่อนวันเดียวก็เพื่อน ร้อยปีก็เพื่อน เพราะฉะนั้นอย่าเอาเวลา 100 ปี เหลือแค่วันเดียว เราต้องทำหนึ่งวันให้มีคุณค่าไปถึงร้อยปีข้างหน้า คบกับเพื่อนคบกันจนตาย รู้จักชั่วโมงเดียววันเดียวก็คือเพื่อน เพื่อนทุกคนมีทั้งดีและไม่ดีก็คบกันในส่วนที่ดี ไม่ใช่คนเราต้องเกลียดกันจนตายทุกเรื่อง เห็นหน้าก็เกลียดกันไปแล้วมันไม่ใช่ หาส่วนที่ดีไว้เหมือนที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ดูคนไม่ดีให้เป็นคนดี ทำอย่างไรให้ทุกคนเป็นคนดี ถ้าเขายังแย่อยู่ก็บวกด้วยความดีใส่เข้าไป ถ้าแย่ก็ยกเขาขึ้นมาได้ แล้วเขาก็จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้สังคมก็พอแล้ว แต่หากคนไม่ดียังเป็นอยู่เช่นเดิม แล้วเราไม่คบเขาก็ยิ่งไปกันใหญ่

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้เผยแพร่ไปทั่วโลก เพราะเหมาะสมกับประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งทุกๆ ประเทศได้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียวไปเป็นแนวทางนำประเทศให้มีความสุข ซึ่งหลายประเทศก็ยอมรับ ส่วนประเทศใหญ่ๆ ที่มีนักธุรกิจรายใหญ่ก็ได้ถือเอาแนวทางสามห่วงสามเงื่อนไขเป็นเหตุผลสำคัญในผลการลงทุนมีเหตุผลในการลงทุน มีความพอประมาณ ให้ผลตอบแทนต่อประเทศที่ไปลงทุนพร้อมทั้งดูแลสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน ซึ่งทุกประเทศต่างเห็นพ้องต้องกันอยู่แล้ว ดังนั้นในประเทศเองก็ต้องสร้างวินัยให้กับคนในชาติ เพื่อให้ทุกคนสามารถพึ่งพาตัวเองได้ มีภูมิคุ้มกันไม่ก่อหนี้ ไม่เป็นเอ็นพีแอล อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พร้อมที่จะให้คำแนะนำเรื่องการเพิ่มศักยภาพ อาทิ สินค้าโอทอป เช่น ผ้าขาวม้า หากมีการดักแปลงให้เป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อเพิ่มมูลค่ายิ่งขึ้น โดยเสริมเรื่องราวมีแนวของการออกแบบมีดีไซน์ ผ่านการปรึกษาของดีไซน์เนอร์ ขณะเดียวกันก็ต้องระวังอันตรายจากการค้าในอีคอมเมิร์ส หรือโลกไซเบอร์ด้วย ซึ่งทั่วโลกขณะนี้กำลังพูดคุยกันเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของทุกคนในทางการค้าร่วมกัน

“วันนี้กำลังคุยกันในเวทีโลกในเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้กำลังอันตราย ทุกประเทศต้องประเมินอีคอมเมิร์สอยู่ทั้งหมดเพื่อช่วยกันแก้ปัญหา แต่เพื่อการป้องกันและแก้ปัญหาเพื่อไม่ให้มีการโกง ไม่ให้เงินถูกฉกไปจากบัญชี จะต้องรักษาผลประโยชน์ให้กับทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี เหมือนกับกำลังเดินไปข้างหน้า แล้วเห็นว่ากำลังจะตกน้ำ แล้วจะเดินต่อไปทำไมก็ต้องหยุดเสียก่อน ตรงนี้เรียกว่าสร้างภูมิคุ้มกันแล้วชะลอไว้ เพื่อรอให้เขาสร้างสะพานให้เสร็จเสียก่อนจึงเดินต่อไป ดังนั้นจะต้องมีความรู้ควบคู่คุณธรรม 2 เงื่อนไขนี้ใช้ได้ในโลกนี้ทั้งโลก ใช้ได้กับทุกเรื่องไม่เฉพาะเศรษฐกิจ” นายกฯ กล่าว

อีกเรื่องที่ตนเองเป็นห่วงคือการระมัดระวังด้านความมั่นคง เนื่องจากเราเปิดเขตเศรษฐกิจพิเศษ หลายประเทศรวมถึงประเทศมหาอำนาจเป็นห่วงเรื่องนี้ สิ่งสำคัญคือเราต้องไม่ตื่นตระหนก เพียงแต่เฝ้าระวังให้กับประชาชนก็จะเป็นกำแพงที่แข็งแกร่ง อย่าให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือทหาร แต่ความจริงทุกคนต้องรับผิดชอบด้วยกัน ดีก็ดีด้วยกัน แย่ก็แย่ด้วยกัน ทุกอย่างจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่วันนี้ตนรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ไม่ต้องกลัวคำถามคือจะมีใครช่วยตนไหม ส่วนคนที่ถ่ายรูปด้วยตนรู้จักหมดวันหน้าอย่าบอกว่าไม่รู้จักกัน

“ผมพยายามที่สุดที่จะนำประเทศสู่ประชาธิปไตยที่มั่นคง แข็งแรงเหมือนกับทุกประเทศ ที่เคยผ่านมาแล้ว หลายประเทศอาจนึกไม่ออก แต่ผมพยายามจะผ่านความยากลำบากตรงนี้ให้ได้ ผมจะได้มีศักดิ์ศรีเทียบเคียงกับท่านได้ในโลกใบนี้ และยืนยันว่าจะไม่ให้การเมืองหรืออะไรมาเป็นอุปสรรคกับการค้าการลงทุนทั้งสิ้น รวมถึงเรื่องผลประโยชน์ และการทุจริตคอร์รัปชั่น อย่าไปเสียเงินให้หากไปเสียที่ไหนบอกผมมา เพราะเรามีพ.ร.บ.อำนวยความสะดวก ถ้าออกมาแล้วไม่ใช้ไม่ทำก็ไร้ประโยชน์ หรือสมยอมกันก็เท่านั้น เพราะการทุจริตเป็นเรื่องของกฎหมายเขาทำกันอยู่แล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา ส่วนที่ผมทำผมไม่ได้ไปยุ่งกับเขา แต่ที่ทำมันเป็นเรื่องเดิมทั้งสิ้น เพียงแต่ผมนำเข้าสู่กระบวนการเท่านั้น เพราะที่ผ่านไม่เคยนำเข้าสู่กระบวนการ ไม่รู้มัวทำอะไร วันนี้ขอให้มองที่หัวใจผมว่าผมไม่ได้ทำเพื่อใครแต่ผมทำเพื่อทุกคน” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราต้องรักกันไว้ ไทยคือไทย สากลคือสากล เพื่อนก็คือเพื่อน คำว่าเพื่อนวันเดียวก็คือเพื่อน จะร้อยปีก็เพื่อน เพราะฉะนั้นอย่าเอาร้อยปีทำให้เหลือวันเดียว นั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด เราต้องทำให้หนึ่งวันมีคุณค่าเป็นร้อยปีให้ได้ เพราะคบกับเพื่อนเราคงกันจนตาย จะคบกันวันเดียวหรือชั่วโมงเดียวก็เพื่อนกัน แต่เพื่อนก็มีทั้งดี และไม่ดีเราก็คบกันในสิ่งที่ดี ไม่ใช่ว่าคนเราต้องเกลียดกันจนตายในทุกเรื่อง เห็นหน้าก็เกลียดกันแล้วไม่ใช่ แต่หาส่วนที่ดีไวั และทำคนไม่ดีให้เป็นคนดี หากเขาแย่อยู่ให้ยกเขาขึ้นมา แล้วใส่ความดีลงไป เขาจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร แต่การที่อยู่แบบนี้แล้วไม่ช่วยกันยิ่งไปกันใหญ่ เราต้องเจริญเติบโตและแข็งแกร่งไปด้วยกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น