วานนี้ (13ธ.ค.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึง โครงการอบรมขององค์กรอิสระต่างๆว่า เป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม เพราะหลักสูตรที่จัด จะเพิ่มปริมาณนักธุรกิจเป็นหลัก เพื่อนำประกาศนียบัตรมาสร้างเครือข่ายเท่านั้น เนื่องจากนักธุรกิจเป็นผู้สนับสนุนหลายอย่าง เช่น ของที่ระลึก เวลาไปต่างจังหวัด ไปต่างประเทศ เงินไม่พอ คนเหล่านี้ก็จะสนับสนุน และมีการทำของที่ระลึก บางรุ่นเป็นเข็มขัดทองลงยา ซึ่งถือว่ารับของเกิน 3 พันบาท ทั้งที่กรรมการองค์กรอิสระ ควรจะทราบว่า รับไม่ได้
นอกจากนี้ องค์กรอิสระยังเรียนไขว้กันไป ไขว้กันมา เดินทางไปต่างประเทศทั้งที่ไม่ทราบว่าประเทศนั้นมีงานเกี่ยวกับองค์กรอิสระนั้นหรือไม่ เช่น ไปดูงานศาลรัฐธรรมนูญในประเทศที่ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ และการอบรมรุ่นล่าสุด ก็จะไปประเทศอินเดีย จึงไม่มั่นใจว่าจะไปสอนประเทศอินเดีย ให้ตั้งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จะมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใกล้เกษียณไปเรียน เพื่อสร้างเครือข่าย บางคนจัดงานเกษียณพร้อมกับการรับประกาศนียบัตรไม่มีประโยชน์กับสังคม เป็นการผลาญเงินผลาญทองเล่น ตนมีรายชื่อผู้อบรมหลักสูตรต่างๆ แต่ไม่มีความปรารถนาที่จะทำให้เกิดความเสียหาย หากต้องการปรับปรุงให้แก้ไข
"แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญ ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ แต่วันนี้ต้องพูดถึง เพราะการเป็นตุลาการจะให้คุณให้โทษพิพากษาตัดสินคดี แต่มีการจัดอบอรมพิเศษ ก็มีการสร้างงานสัมพันธ์สองเดือนต่อครั้ง ในบางองค์กรอิสระ ซึ่งกรรมการตุลาการ ก็ไปนั่งจิบไวน์ กับผู้ร้องบ้าง ผู้ถูกร้องที่มาเข้าหลักสูตรอบรม จะทำให้เกิดความยุติธรรมได้อย่างไร ผมไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการอบรมหลักสูตรพิเศษขององค์กรอิสระ และศาล จึงขอเสนอให้นายกรัฐมนตรี ใช้ มาตรา 44 ยกเลิกจัดอบรมหลักสูตรพิเศษของทั้งองค์กรอิสระและศาลยุติธรรม รวมทั้ง กทม. ซึ่งมีบางคนเดินทางทุกหลักสูตรเป็นคนที่ขายเครื่องจักรกลให้กทม. ปีละหลายร้อยล้านบาท ส่วนศาล ไม่ควรมีอบรมเพราะจะมีข้อครหานินทาในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการอบรม จนทำให้เกิดคำถามว่า ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน" นายวิลาศ กล่าว
** ยื่นป.ปช.ตั้งอนุกก.สอบ"วัชรพล"
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ อดีตรักษาการ ผบ.ตร. ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. นั้น ตนจะทำหนังสือถึงป.ป.ช. ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยไม่สนใจว่าจะได้เป็นประธาน ป.ป.ช. ตามโผ ผู้มีอำนาจหรือไม่ เพราะเรื่องการถอดยศนี้ เคยยื่นหนังสือให้ตรวจสอบพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ ป.ป.ช. ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนแล้ว จึงต้องยื่น กรณีพล.ต.อ.วัชรพลด้วย
"เรื่องนี้เมื่อผมไปยื่นต่อ ป.ป.ช. ก็ต้องตั้งคณะอนุกรรมการเช่นเดียวกับกรณี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เพราะประเด็นเดียวกัน จึงต้องรีบดำเนินการ ซึ่งผมไม่ทราบว่าสนช.ใช้หลักการอะไรคิด ให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปเป็นป.ป.ช. เพราะการคิดให้ตำรวจไปเป็น ป.ป.ช. ก็สวนทางกับความคิดของประชาชนแล้ว เนื่องจากประชาชนจะไม่เชื่อถือป.ป.ช.ต่อไป จึงคิดว่าในระหว่างนี้พล.ต.อ.วัชรพล ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งป.ป.ช.ทั้งคณะ ต้องพิจารณา เพราะมีความชัดเจนว่า ไม่กล้าถอดยศ จะทำหน้าที่ป.ป.ช. ตัดสินเรื่องคอขาดบาดตายของประเทศชาติได้อย่างไร แต่ พล.ต.อ.วัชรพล ใกล้ชิดกับทหารที่มีอำนาจ จะทำให้การทำหน้าที่ของป.ป.ช. ยากขึ้น จนอาจขาดความเป็นกลาง" นายวัชระ กล่าว
นอกจากนี้ องค์กรอิสระยังเรียนไขว้กันไป ไขว้กันมา เดินทางไปต่างประเทศทั้งที่ไม่ทราบว่าประเทศนั้นมีงานเกี่ยวกับองค์กรอิสระนั้นหรือไม่ เช่น ไปดูงานศาลรัฐธรรมนูญในประเทศที่ไม่มีศาลรัฐธรรมนูญ และการอบรมรุ่นล่าสุด ก็จะไปประเทศอินเดีย จึงไม่มั่นใจว่าจะไปสอนประเทศอินเดีย ให้ตั้งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่จะมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ใกล้เกษียณไปเรียน เพื่อสร้างเครือข่าย บางคนจัดงานเกษียณพร้อมกับการรับประกาศนียบัตรไม่มีประโยชน์กับสังคม เป็นการผลาญเงินผลาญทองเล่น ตนมีรายชื่อผู้อบรมหลักสูตรต่างๆ แต่ไม่มีความปรารถนาที่จะทำให้เกิดความเสียหาย หากต้องการปรับปรุงให้แก้ไข
"แม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญ ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ แต่วันนี้ต้องพูดถึง เพราะการเป็นตุลาการจะให้คุณให้โทษพิพากษาตัดสินคดี แต่มีการจัดอบอรมพิเศษ ก็มีการสร้างงานสัมพันธ์สองเดือนต่อครั้ง ในบางองค์กรอิสระ ซึ่งกรรมการตุลาการ ก็ไปนั่งจิบไวน์ กับผู้ร้องบ้าง ผู้ถูกร้องที่มาเข้าหลักสูตรอบรม จะทำให้เกิดความยุติธรรมได้อย่างไร ผมไม่เห็นด้วยเกี่ยวกับการอบรมหลักสูตรพิเศษขององค์กรอิสระ และศาล จึงขอเสนอให้นายกรัฐมนตรี ใช้ มาตรา 44 ยกเลิกจัดอบรมหลักสูตรพิเศษของทั้งองค์กรอิสระและศาลยุติธรรม รวมทั้ง กทม. ซึ่งมีบางคนเดินทางทุกหลักสูตรเป็นคนที่ขายเครื่องจักรกลให้กทม. ปีละหลายร้อยล้านบาท ส่วนศาล ไม่ควรมีอบรมเพราะจะมีข้อครหานินทาในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการอบรม จนทำให้เกิดคำถามว่า ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน" นายวิลาศ กล่าว
** ยื่นป.ปช.ตั้งอนุกก.สอบ"วัชรพล"
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ อดีตรักษาการ ผบ.ตร. ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยปัจจุบันได้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. นั้น ตนจะทำหนังสือถึงป.ป.ช. ให้ตรวจสอบเรื่องนี้ โดยไม่สนใจว่าจะได้เป็นประธาน ป.ป.ช. ตามโผ ผู้มีอำนาจหรือไม่ เพราะเรื่องการถอดยศนี้ เคยยื่นหนังสือให้ตรวจสอบพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ ป.ป.ช. ตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบสวนแล้ว จึงต้องยื่น กรณีพล.ต.อ.วัชรพลด้วย
"เรื่องนี้เมื่อผมไปยื่นต่อ ป.ป.ช. ก็ต้องตั้งคณะอนุกรรมการเช่นเดียวกับกรณี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เพราะประเด็นเดียวกัน จึงต้องรีบดำเนินการ ซึ่งผมไม่ทราบว่าสนช.ใช้หลักการอะไรคิด ให้ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ไปเป็นป.ป.ช. เพราะการคิดให้ตำรวจไปเป็น ป.ป.ช. ก็สวนทางกับความคิดของประชาชนแล้ว เนื่องจากประชาชนจะไม่เชื่อถือป.ป.ช.ต่อไป จึงคิดว่าในระหว่างนี้พล.ต.อ.วัชรพล ควรหยุดปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งป.ป.ช.ทั้งคณะ ต้องพิจารณา เพราะมีความชัดเจนว่า ไม่กล้าถอดยศ จะทำหน้าที่ป.ป.ช. ตัดสินเรื่องคอขาดบาดตายของประเทศชาติได้อย่างไร แต่ พล.ต.อ.วัชรพล ใกล้ชิดกับทหารที่มีอำนาจ จะทำให้การทำหน้าที่ของป.ป.ช. ยากขึ้น จนอาจขาดความเป็นกลาง" นายวัชระ กล่าว