xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

วัดใจ “มาร์ค” เชือด “ชายหมู” ถ้ายัง “หงอ” ก็ “เสียหมา”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -น่าแปลกใจกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นใน “พรรคประชาธิปัตย์” ไม่น้อย หลังจากที่ “ผู้จัดการสุดสัปดาห์” สู้อุตส่าห์ล้วง “ขยะใต้พรม” ที่ซุกไว้ขึ้นมากองให้เห็นกันจะๆ ต่อหน้าต่อตาในซีรีส์ “แมลงสาบกำสรวล” ทั้ง 2 ตอน แต่กลับทำตัวนิ่งเงียบสยบทุกความเคลื่อนไหว

โดยเฉพาะ “เดอะมาร์ค” อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ที่น่าจะเดือดเนื้อร้อนใจมากกว่าใคร

เหตุผลที่ยังไร้ความเคลื่อนไหวทางใดทางหนึ่ง ก็อาจเป็นเพราะ “ข้อจำกัด” ที่อยู่ภายใต้ประกาศ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ไม่เปิดทางให้มีการประชุมพรรคได้ จึงไม่สามารถพึ่งพามติที่ประชุมพรรคในการเสี่ยงหัวก้อยหรือตัดสินใจการใดได้

หรืออาจมีการเคลียร์กันลงตัวแล้วระหว่างฝ่ายโจทก์อย่าง “อภิสิทธิ์” กับฝ่ายจำเลย “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)

แต่เท่าที่เช็กจาก “ค่ายสีฟ้า” พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ข้อแรกเป็นแค่ “ข้ออ้าง” ส่วนเรื่องเคลียร์ใจกันนั้นยังไม่เกิดขึ้นแน่นอน

เข้าอีหรอบนี้ก็ต้องมีคำถามไปถึงขนาดหัวใจของคนเป็นหัวหน้าพรรคมากกว่า ซึ่งย่อมสะท้อนถึง “ภาวะผู้นำ” ของอดีตนายกฯ หน้าหยกด้วย

* “มาร์ค” ยังกั๊กแตกหัก “ชายหมู”

ความผิดของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ร้ายแรงแค่ไหน ไม่ทราบได้ แต่ฟัง “เดอะแจ็ค” วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาเปิดโปงพฤติกรรม และโจมตีการทำงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ในฐานะผู้ว่าฯ กทม.ว่า “สอบตก” อย่างไม่ไว้หน้า

“เดอะแจ็ค” ขมวดปมความเลวร้ายของเจ้าของฉายา “หม่อมเอ๋อ” ไว้ 5 ข้อด้วยกัน

1. เป็นคนพูดจาไม่รับผิดชอบ

2. ไม่เคยสนใจประชาชน ไม่ว่าการ ขอพบหรือส่งจดหมายไป ก็ไม่เคยได้รับการตอบกลับ

3. ยึดมั่นสโลแกน “ประชาชนต้องมาก่อน” เพราะไม่เคยตรงต่อเวลา ไปงานไหนประชาชนต้องเป็นฝ่ายรอตลอด

4. รับฟัง “เบญทราย กียปัจจ์” ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ มากกว่าใครทั้งสิ้น จึงทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกพรรค

และ 5. บริหารงานไม่โปร่งใสในบางโครงการของ กทม. เช่น โครงการติดตั้งกล้องวงจรปิดซีซีทีวี เป็นต้น

แต่ความไม่เอาไหนในการทำงานของผู้ว่าฯ กทม. ที่ “เดอะแจ็ค” ไล่เรียงมากลายเป็นเรื่องเบสิกๆ เพราะประชาชนคน กทม.รู้อยู่แก่ใจตลอดเกือบ 7 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เรียกว่าบ่นจนเบื่อ ที่จะเคลมผลงานจัดระเบียบ-ปรับภูมิทัศน์เนรมิตคลองโอ่งอ่างตามแคมเปญคืนความสุขให้คนกรุงเทพฯของ คสช.นั้น คนกรุงก็รู้ทัน และถามกลับไปว่า “แล้วตอนยังไม่มี คสช. ทำไมเมิงไม่ทำ”

เมื่อคาดหวังอะไรไม่ได้ ก็ต้องรอสาปส่งเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนตัวผู้ว่าฯคนใหม่ก็เท่านั้น

ที่น่าสนใจมากกว่าคือ พฤติกรรมความกระด้างกระเดื่องที่มีต่อคนเป็นหัวหน้าพรรคนั้น ในทางการเมืองถือว่าใหญ่หลวงมาก ถ้า “อภิสิทธิ์” ไม่กำราบ ก็ยิ่งจะทำให้ภาพลักษณ์พรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ต้องดำดิ่งลงไปอีก
และก็เป็น “เดอะแจ็ค” เองที่เปิดเผยว่า นายอภิสิทธิ์พยายามติดต่อเพื่อพูดคุยทำความเข้าใจในเรื่องการทำงานของ กทม.กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์มาแล้วอย่างน้อยๆ 2 หน หลังจากที่ “คู่หู 2 ว.” นายวัชระและอาจารย์อย่าง “วิลาศ จันทรพิทักษ์” อดีต ส.ส.กทม. ออกโรงมาเปิดโปงเรื่องคาวฉาวโฉ่ใน “ศาลาเสาชิงช้า” อย่างต่อเนื่อง

แถมการนัดหมายที่ไม่เกิดขึ้น กลับเป็นนายอภิสิทธิ์ ที่เป็นหัวหน้าพรรค ต้องขอเข้าพบรองหัวหน้าพรรคอย่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ที่วังสวนผักกาด บ้านพักของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ไปซะอย่างนั้น ทั้งที่ตามปกติเมื่อมีเรื่องในลักษณะนี้ควรเป็นหัวหน้าพรรคเรียกตัวรองหัวหน้าพรรคเข้าพบเพื่อชี้แจงมากว่า

ซ้ำร้ายไปกว่านี้ เมื่อนายอภิสิทธิ์ขอนัดไป 2 ครั้ง ก็ได้รับการปฏิเสธทั้ง 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อ้างว่าไม่พอใจที่มีสื่อมวลชนรับทราบถึงการนัดหมาย จึงให้ “เบญทราย” แจ้งเลื่อนนัดออกไป ไม่ได้แจ้งด้วยตัวเอง ... แบบนี้ให้เกียรติกันสุดๆ

จึงเป็นที่มาของกระแสข่าวที่ว่า “ผู้ใหญ่” ในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจในพฤติกรรมของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ อย่างรุนแรง จนเสนอในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอย่างไม่เป็นทางการ ให้ขับ “ชายหมู” ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค

แต่ก็เป็น “หนุ่มมาร์ค” ที่แตะเบรกไว้ เพราะเกรงจะเสียภาพลักษณ์พรรคที่คงไว้ซึ่งหลักการ และยึดถือมติเสียงส่วนใหญ่เป็นสำคัญ อีกทั้งต้องชั่งน้ำหนักข้อดี-ข้อเสียในการขับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ออกจากสมาชิกภาพ เพราะไม่ได้ส่งผลให้หลุดจากเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.แต่อย่างใด

“ชายหมู” ส่งสัญญาณหันหลังให้พรรค

ผ่านมาร่วม 2 สัปดาห์หลังจากความพยายามนัดเคลียร์กันครั้งสุดท้าย ก็ยังไม่มีวี่แววว่า “มาร์ค - หมู” จะได้คุยกันเสียที

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ ได้จัดพิธีลงนามถวายพระพร ชุมนุมสดุดีและบำเพ็ญกุศลถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบ 88 พรรษา 5 ธันวาคม 2558 จัดขึ้นที่ทำการพรรค โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง อาทิ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช - จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ - องอาจ คล้ามไพบูลย์ - กรณ์ จาติกวณิช - จุติ ไกรฤกษ์ กระทั่งอดีตสมาชิกพรรคอย่าง กษิตย์ ภิรมย์ - วิทยา แก้วภราดัย สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) รวมไปถึง สาทิตย์ วงศ์หนองเตย แกนนำ กปปส. ก็มาร่วมพิธี แต่ก็ไร้เงา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ คล้ายเป็นสัญญาณตัดขาดจากพรรคกลายๆ แม้ยังไม่ถูกขับออกก็ตาม

อย่างที่เคยเปิดเผยไปแล้วว่า รอยปริร้าวระหว่างทางพรรคกับ “ชายหมู” นั่นไม่ใช่มาจากการทำงานในฐานะผู้ว่าฯ กทม.ที่ไม่ได้เรื่องเท่านั้น ลึกๆแล้วยังเป็นเรื่อง “ปากท้อง” ของคนในพรรคที่ขาด “น้ำเลี้ยง” สนับสนุนจาก กทม.ในฐานะ “หม้อข้าวเดียว” ของพรรคประชาธิปัตย์มาระยะหนึ่งแล้ว

เป็นที่มาของ “ไฟเขียว” ที่ให้ “วิลาศ - วัชระ” ออกมาลุยแหลกบู๊ล้างผลาญคนค่ายเดียวกันอย่าง “ชายหมู” ถึงขั้นเอากันให้ตาย

เพราะ “วิกฤตปากท้อง” ของพรรคประชาธิปัตย์เข้าขั้นเลวร้ายแบบสุดๆ ค่าน้ำค่าไฟ หรือเงินเดือนจ่ายเจ้าหน้าที่ ยังแทบไม่มีจ่าย ในช่วงที่ ส.ส.ตกงานกันทั้งพรรค แต่ “หม้อข้าวเดียว” อย่าง กทม.กลับ “ขาดส่ง” ซ้ำเติมวิกฤตเข้าไปอีก

สืบสาวราวเรื่องก็เจอแจ็กพอตถึงสาเหตุที่ “ชายหมู” เอาใจออกห่างต้นสังกัด เพราะมีดีลสำคัญกับ “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ที่หวังยึดพรรคจาก “อภิสิทธิ์” และวาดฝันว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่ต้องชื่อ “สุขุมพันธุ์” เป็นที่มาของอาการ “แข็งข้อ - แข็งขืน” ที่เกิดขึ้น
นอกจากนั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ไม่ได้ยี่หระอะไรกับคะแนนนิยมของพรรคใน กทม.ที่จะตกต่ำลง เพราะตัวเองเป็นผู้ว่าฯมาแล้ว 2 สมัย หมดสิทธิ์ที่จะลงรักษาตำแหน่ง ถึงเวลานั้นจะมีเลือกตั้งหรือไม่ก็ยังไม่รู้ ถ้ามีใครจะมาใครจะไป ใครจะลงสมัครในนามพรรค “ก็คงไม่ใช่เรื่องของตู”

ดูจากเมื่อครั้งที่คนกรุงด่าเรื่องการแก้ปัญหาน้ำท่วมล้มเหลว จน “หม่อมสุขุมพันธุ์” หงุดหงิดถึงขั้นไล่ส่งคน กทม.ไปอยู่ดอย จนถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยมีคำขอโทษหลุดออกจากปาก ชี้ชัดว่าไม่แคร์ว่าใครจะรักจะชอบหรือไม่

*“กำนันเทือก” ตัวแปรเกมทุบ ปชป.

ฝ่าย “เดอะมาร์ค” ก็รู้ตื้นลึกหนาบางของแผนการที่ “กำนันเทือก” คนเคยรู้ใจกำลังเดินเกม ก็ใช้จังหวะเดียวกันนี้หวังกำราบ “ชายหมู” ให้อยู่หมัด แต่ไม่ได้ประเมินว่าจะเจอ “หมูเขี้ยวตัน” ที่มีแบ็คอัพเป็น “กำนันเทือก” ยืนทะมึนอยู่

ฝ่าย “กำนันเทือก” ก็รู้ดีว่าการโค่น “เดอะมาร์ค” ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะขุมกำลัง-นายทุน ที่มีอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ยังแทงหวยข้าง “เดอะมาร์ค” เกือบหมด และแม้จะมีพาวเวอร์ล้นพรรค แต่อย่าลืมว่าเมื่อครั้งประกาศนำ “ส.ส.ในคาถา” ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อร่วมวงต่อสู้โค่นล้ม “รัฐบาลปูแดง” หลังเสนอ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยแล้ว ที่สุดมีขุมกำลังในมือเพียง 9 หน่อที่ลาออกมาช่วยขับเคลื่อน กปปส.

ทั้งที่ข้อเสนอของ “กำนันเทือก” ที่ยื่นถึงมือ “เดอะมาร์ค” ต้องการให้ “ส.ส.ปชป.” ลาออกยกพรรค เพื่อกำหนดแนวทางต่อสู้ให้เป็นเอกภาพให้มากที่สุด และแสดงจุดยืนให้สังคมเห็นว่า “ค่ายสีฟ้า” ไม่เอา พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย

ทว่าคำตอบจากปาก “เดอะมาร์ค” ไม่เป็นไปตามที่ “กำนันเทือก” คาดหวัง ความสัมพันธ์จึงขาดสะบั้นลง แม้คนในพรรคจะช่วย “กำนันเทือก” ขนคนสู้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่เต็มที่

และแม้ใจ “กำนันเทือก” จะอยากไปปลุกปั้นพรรคใหม่ให้เป็น “พรรคทหาร” ตามออเดอร์ให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็รู้ดีว่า “ส.ส.ปักษ์ใต้” ไปลงสนามเลือกตั้งในนามพรรคใหม่ก็รอดยาก เพราะ “คนใต้” ไม่ได้ติดแบรนด์ “กำนันเทือก” แต่ติดแบรนด์ “พรรคสีฟ้า” ที่เปรียบเสมือนพรรคการเมืองของคนภาคใต้ไปแล้ว

แต่มิชชั่นยึดพรรคประชาธิปัตย์ดูแล้วหืดขึ้นคอ จึงต้องเดิน “แพลนบี” คู่ขนานไปด้วย

จับตาความเคลื่อนไหวของ “กำนันเทือก” ในนามประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ระยะนี้มีเริ่มมีการชิงลงพื้นที่ขยายอาณาจักร โดยเริ่มจาก เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ตามแคมเปญ “ปั่นกับลุงกำนัน” ระดมทั้งทุนหนา-ทุนบาง-ทุนยิบย่อย งานนี้ “กำนันเทือก” เอาหมด

พ่วงด้วยการนำเงินที่ได้รับการบริจาคไปซื้อที่ดินกว่า 40 ไร่ เพื่อสร้างวิทยาลัยอาชีวะภาวนาโพธิคุณ ถือเป็นก้าวสำคัญของ “กำนันเทือก” ที่ต้องการเผยแพร่ลัทธิของตัวเองให้ซึมลึกลงในหัวใจของ “คนภาคใต้”
แผนการนี้เผื่อฟลุกเทกโอเวอร์ “ประชาธิปัตย์” ได้ หรือไม่ก็ปูทางให้ “ทีมงานสะตอ” ของตัวเองที่อาจไปลงสมัครในนามพรรคใหม่

ขวากหนามสำคัญของการปูทางสร้างคะแนนนิยมในนามมูลนิธิมวลมหาประชาชนในพื้นที่ด้ามขวานทองนั้น ไม่ใช่ “เดอะมาร์ค” แต่เป็น “นายหัวชวน หลีกภัย” ผู้รัก “เดอะมาร์ค” เสมือนลูกชายของตัวเอง ซึ่งยังคงอิทธิพลและเรตติ้งพุ่งกระฉูดในแดนใต้

เวลานี้ “กำนันเทือก” รู้ว่า “คนภาคใต้” กำลังเดือดร้อนเรื่องราคายางพาราตกต่ำ จึงเตรียมจุดแคมเปญช่วยเหลือในไม่ช้า สโลแกนที่จะหยิบเป็นคีย์เวิร์ดมาช่วงชิงความนิยมจาก “คนภาคใต้” จากความคิดที่ยึดติดแต่ “พรรคสีฟ้า” คือ “เรามาช่วยกัน” ที่ล่าสุดได้จัดทำเสื้อแจกจ่ายในหลายพื้นที่ จับจุด “คนภาคใต้” ที่โดยธรรมชาติแล้วหากใครมาช่วยเหลือในยามที่ยากลำบาก “บุญคุณ” ที่ช่วยเหลือจะต้องทดแทน

ก้าวรุกย่างทางการเมืองของ “กำนันเทือก” ผ่านการคิดการวางแผนมาอย่างดิบดีแล้ว และคำนวณด้วยแล้วว่าหากจะครองหัวใจ “คนภาคใต้” ต้องรีบทำ ยิ่งบรรดา ส.ส.ภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์นิ่งเหมือนทองไม่รู้ร้อน ยิ่งต้องอาศัยจังหวะที่ “คนภาคใต้” ยังเคว้งคว้างเข้าไปยึดครองเอาไว้ก่อน

อนาคต “ค่ายสีฟ้า” ในมือ “อภิสิทธิ์”

เกมชิงมวลชนในพื้นที่ภาคใต้ระหว่าง “กำนันเทือก” กับพรรคประชาธิปัตย์ได้เริ่มขึ้นแล้ว เพียงแต่ว่า “เดอะมาร์ค” ยังไม่รู้สึกตัว ยังคงมะงุมมะงาหรากับกรณีของ “ชายหมู” ที่ไม่กล้าลงดาบเชือดเสียที ทำเอา “บิ๊ก ปชป.” และกองเชียร์ฮาร์ดคอร์เสียอารมณ์ไปตามๆกัน

ทั้งภาคใต้ที่เจอ “คนกันเอง” เดินเกมแซะ และพื้นที่ กทม.ฐานเสียงที่เคยเหนียวแน่นก็ถูก “ชายหมู” แผลงฤทธิ์จนป่นปี้ เป็นสองจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่หาก “ค่ายสีฟ้า” รักษาไว้ไม่ได้ก็เตรียมลาโรงได้เลย

และไม่เพียง “เดอะมาร์ค” จะเสียหาย แต่อนาคตพรรคประชาธิปัตย์ก็จะตกต่ำลงไปอีก

วันนี้ยังพอแก้เกมทัน ไม่จำเป็นต้องอาศัยหมากเกมตื้นๆที่จะตื้อให้ คสช.ผ่อนปรนให้พรรคการเมืองเปิดการประชุมพรรคได้ เพื่อใช้มติพรรคบีบ “ชายหมู” อย่างที่คิดด้วยซ้ำ

หากมีความเด็ดขาดสวมวิญญาณเพชฒรฆาตอัปเปหิ “ชายหมู” ออกจากสารบบคนประชาธิปัตย์ เพื่อที่จะป่าวประกาศบอกกับชาวกรุงได้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับ กทม.ไม่ได้เกี่ยวกับ “ค่ายสีฟ้า” เป็นความผิดส่วนบุคคลของ “ทีมเสาชิงช้า” ซึ่งพรรคไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

หาก “เดอะมาร์ค” กล้าทำจริง คนที่ต้องวิ่งโร่มาหาไม่ใช่มีเพียง “ชายหมู” เท่านั้น แต่ต้องเป็น “กำนันเทือก” ด้วยซ้ำที่จะมายอมศิโรราบเป็นคนแรก เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาดูแคลน “อภิสิทธิ์” มาตลอดว่าเป็นแค่ “เด็กอมมือ” จึงกล้าคิดการใหญ่-เดินเกมแบบไม่เกรงใจกันขนาดนี้

“อภิสิทธิ์” ต้องจับจุดอ่อน “กำนันเทือก” ที่วันนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเป็น “ลุงกำนันแห่ง กปปส.” เหมือนเดิม อีกทั้งยังต่อไม่ติดกับ “บิ๊ก คสช.” แล้วด้วย เงื้อง่าราคาแพงต่อไปก็มีแต่เสียกับเสีย

แว่วว่าหลังวันมหามงคล 5 ธันวาคมแล้ว พรรคประชาธิปัตย์จะมีแถลงการณ์ท่าทีเกี่ยวกับ “สุขุมพันธุ์” ออกมาเป็นทางการ ซึ่งจะถือเป็นตัวชี้วัด “ภาวะผู้นำ” ของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ที่สำคัญครั้งหนึ่งในชีวิตการเมือง

หากกล้าที่จะตัด “เนื้อร้าย” ทิ้ง ก็ยังพอมีเวลาเยียวยาบาดแผลที่เกิดขึ้น เพราะอีกเป็นปีถึงจะมีการเลือกตั้ง ทั้งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. ตลอดจนเลือกตั้งใหญ่ หากเป็นไปตามโรดแมปของ คสช. แต่ถ้ายังลังเลกล้าๆกลัวๆ ปล่อยให้คนอื่นมองว่าหัวหน้าพรรคคุมลูกน้องไม่ได้ ก็เตรียมรูดม่านปิดฉากตัวเองได้เลย ฝ่าย “กำนันเทือก” ก็เดินเกมต่ออย่างได้ใจ “ชายหมู” ก็ลอยตัวดื่มด่ำเต็มที่กับเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.ที่เหลือวาระปีกว่าๆ อย่างอหังการต่อไป

จับ “หมู” ขึ้นเขียงแล้ว ถ้าไม่ฟันโชะให้รู้ดำรู้แดง ก็ไม่ต้องสืบว่าทำไมประชาธิปัตย์ในยุค “มาร์ค” ถึงตกต่ำขนาดนี้

จากที่เคยเรียกกันว่า “ไอ้หล่อ” ก็ควรถูกล้อเป็น “ไอ้หงอ” มากกว่า
กำลังโหลดความคิดเห็น