ASTVผู้จัดการรายวัน - “วิลาศ” เบรกลดอำนาจองค์กรสอบโกง ติง อปท.อย่ากลัวหากไม่ได้ทำผิด ก่อนปูพรมชำแหละ “บิ๊ก กทม.” เล็งชง ป.ป.ช.-ป.ป.ง.เช็คเส้นทางการเงินรองผู้ว่าฯ หลังชาวบ้านร้องสารพัดผลาญงบฯ แฉถลุงเงินสะสม กทม.เหลือแค่ 2 พันล. ไม่หวัง “ชายหมู” ตรวจสอบ เหตุไม่เคยโผล่หัวมาพรรค-ศาลากลาง “วัชระ” ชง “มาร์ค” ปลดรองผู้ว่าฯ “อมร” กรณีซีซีทีวีฉาว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีสถาบันพระปกเกล้า จัดสัมมนารับฟังความเห็นของสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เรื่องแนวทางการนำเสนอเพื่อแก้ระเบียบกฎหมายของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณของ อปท.เมื่อเร็วๆนี้ว่า ในการสัมมนามีการระบุว่า สตง.ขัดขวางการทำงานของ อปท.โดยมีการเสนอขอให้ตัดอำนาจการตรวจสอบการใช้งบประมาณของ สตง. ทั้งนี้ ตนในฐานะคนกลางเห็นต่างกับเรื่องนี้ เพราะเห็นว่า สตง.ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว ซึ่งจากการแถลงผลงานครบ 9 ปี ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า เรื่องทุจริตที่มีร้องเข้ามามากที่สุด คือ การทุจริตของ อปท.ถึง 50 เปอร์เซนต์ รวมมูลค่าความเสียหายจาการทุจริต 1.68 แสนล้านบาท ซึ่งหาก อปท.ไม่ทุจริตก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ ทั้งนี้ ตนจะเสนอให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพิ่มอำนาจการตรวจสอบให้แก่ สตง.ด้วย
**ปูดซื้อเก้าอี้ “เสาชิงช้า” ไม่แพ้ ตร.
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า อปท.บางส่วนที่ดีก็มีอยู่มาก แต่ก็มีบางส่วนที่มีการทุจริตก็มาก เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด พบว่ามีการใช้อำนาจตั้งรองผู้ว่าฯคุมงานด้านต่างๆ มีข้าราชการและประชาชนมาร้องเรียนกับตนว่า มีรองผู้ว่าฯ คนหนึ่ง เดินทางไปต่างประเทศเกือบทุกเดือน นั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส และเดินทางไปเพียง 2 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส และเยอรมัน โดยใช้เงินสดซื้อตั๋ว นอกจากนี้ ยังพบกรณีการทำหนังสือเวียนถึงเขตต่างๆ ที่ขอให้ทำเรื่องมาถึง กทม.เพื่อขอให้ซื้อรถต่างๆ เช่น รถดูดเลน รถดูดไขมัน ซึ่งเดิมแต่ละเขตจะมีอยู่แล้ว แต่มีการสั่งให้ทำเรื่องเสนอมาพร้อมกำหนดสเปค เช่น รถดูดไขมัน ขนาด 8 คิว คันละ 24 ล้านบาท ทั้งที่ของเดิมมีอยู่ไม่ได้ใช้ พอตนแถลงก็สั่งชะลอเรื่อง ที่ต้องสั่งให้เขตต่างๆ ทำเรื่องขึ้นมานั้น เพื่อใช้อ้างกรณีถูกตรวจสอบว่าเป็นการเสนอขอซื้อจากเขต ไม่ใช่เป็นคำสั่งจากรองผู้ว่าฯ
นายวิลาศ กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ กทม.โดยเฉพาะระดับสูง ว่า ปัจจุบันทำเพื่อผลประโยชน์ อาทิ การย้ายผู้อำนวยการเขตต้องใช้เงินถึง 7 หลัก ไม่แพ้ในวงการตำรวจ อย่างผู้อำนวยการเขตบางกอกใหญ่ในพื้นที่ตนมีการทำเรื่องย้ายลูกน้องตัวเอง ซึ่งเป็นนายช่างโยธาเขตจตุจักร มาอยู่เขตบางกอกใหญ่ โดยให้หัวหน้าฝ่ายโยธามีคำสั่งระบุให้ดูแลพื้นที่ฝั่งซ้ายของถนนจรัลสนิทวงศ์ และถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นฝั่งที่มีคอนโดมิเนียมจำนวนมาก มีการเรียกค่าเซ็นใบอนุญาตก่อสร้าง ทั้งที่ถูกแบบกลางของ กทม.แล้ว
"ไม่ทราบว่าผู้อำนวยการเขตที่ย้ายมาใหม่ เก็บกันขนาดนี้ต้องส่งเงินให้รองผู้ว่าฯ คนไหนหรือไม่อย่างไร เพราะขนาดก่อสร้างถูกแบบแปลนก็ยังเสียค่าตวัดลายเซ็น" นายวิลาศ กล่าว
** แฉรองผู้ว่าฯเอื้อ บ.เอกชน
นายวิลาศ เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีการสร้างสวนเฉลิมพระเกียรติ ที่เขตธนบุรี โดยประมูลงานผ่านอีอ็อกชั่น แต่ก็ได้บริษัทของคนสนิทของรองผู้ว่าฯ คนหนึ่ง ที่น่าแปลกใจคือ มีการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญา โดยมีการระดมหรือสั่งข้าราชการ กทม.ให้อำนวยความสะดวกให้กับบริษัทดังกล่าวทุกอย่าง เมื่อสร้างสิ่งก่อสร้างเสร็จเพิ่งจะมาเร่งรัดกับทางเขตให้รีบเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง โอยอ้างว่ารองผู้ว่าฯ สั่งมาให้รีบเซ็น
"เท่านั้นยังไม่พอ มีการขนทีมงานของรองผู้ว่าฯ รายนี้ ไปฉลองเกษียณอายุราชการที่ญี่ปุ่น โดยมีการซื้อสินค้าจากบริษัท คิงพาวเวอร์ ในช่วงโปรโมชั่น ซื้อครบ 5 หมื่นบาท จะแจกตั๋วเครื่องบินไป - กลับญี่ปุ่น 1 ใบ ปรากฏว่า มีการสั่งซื้อสินค้าล็อตเดียว 5 ล้านบาท ได้ตั๋วไปกลับ 100 ใบ ถามว่าเอาเงินที่ไหนมาซื้อสินค้าดังกล่าว ใครเป็นผู้ดูแล และมีการขนข้าราชการ กทม.ในส่วนบริหารไปเที่ยวเป็นระลอก ล่าสุด กำลังไปเที่ยวสหรัฐอเมริกา อีก 7 คน ถามว่าเอาเงินมาจากไหน" นายวิลาศ กล่าว
นายวิลาศ กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว ตนจึงขอสนับสนุนให้ สตง.ยังมีอำนาจตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ อปท.เพราะขนาด กทม.ที่อยู่ในส่วนกลาง ยังกล้าทำขนาดนี้ และตนจะนำเรื่องต่างๆ พร้อมพยานหลักฐานเอกสารและบุคคล เข้าร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ใช้จ่ายในเรื่องนี้ทั้งหมด
** เผยถลุงงบสะสม กทม.เหี้ยน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำหลักฐานไปร้องต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ในฐานะผู้บริหารระดับสูงหรือไม่ นายวิลาศ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห้ามพรรคจัดกิจกรรมทางการเมืองใดๆ หากทำได้ตนก็จะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมพรรคให้พิจารณาด่วน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้ว่าฯ กทม.เลย และไม่รู้ว่าผู้ว่าฯ กทม.จะเข้าศาลาว่าการ กทม.เมื่อใด แต่ขอตั้งข้อสังเกตเรื่องการใช้งบว่า ก่อนหน้านี้ กทม. มีเงินสะสมอยู่ 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันลองไปขอตรวจสอบดูเหลือไม่ถึง 2 พันล้านบาท เพราะแต่ละคนมือฉกาจในการทำเรื่องของบประมาณทั้งนั้น
เมื่อถามว่า จะนำเรื่องนี้ร้องต่อพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) หรือไม่ เพราะเป็นไปตามนโยบายเรื่องการปราบปรามการทุจริตของ คสช. นายวิลาศ กล่าวว่า ตนเชื่อมือและชื่นชมต่อการทำงานของ พล.อ.ไพบูลย์ แต่เรื่องการทุจริตและคดีต่างๆ แต่ที่ผ่านมาตนเคยร้องเรียนหลายเรื่องแต่ก็ยังเงียบหาย เช่น คดีอิทธิพลของ "เสธ.เจมส์" ที่เรียกเก็บค่าคุ้มครอง หรือกรณีอดีตผู้ว่าฯ ที่เป็น สนช.ทุจริตในการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชก็ยังไร้คำตอบ จึงเห็นว่าปัญหาการปราบปรามทุจริตของบ้านเมืองทุกวันนี้ที่ไปไม่ถึงไหน เพราะเข้าทำนองเอาจริงแต่ยกเว้นญาติและเพื่อน ซึ่งตนก็จะคัดเรื่องที่สำคัญๆ เพื่อยื่นต่อ คสช. อีกครั้ง
** ชง “มาร์ค” ปลด “อมร” ด่วน
ด้าน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่คนร้ายบุกบ้านพักโจรกรรมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 3 ล้านบาทในบ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 2 ของนางมิรันตี เกตุทิพย์ อดีตข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรม แต่ตำรวจไม่สามารถติดตามคนร้ายได้ เพราะกล้องซีซีทีวีของ กทม.บริเวณดังกล่าว 26 ตัวใช้ได้แค่ 5 ตัวว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ติดตามเรื่องนี้มาร่วม 2 เดือน แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า การจัดซื้อกล้องซีซีทีวีของ กทม. มีข้าราชการหลายคนบอกว่าเป็นกล้องจีนแต่ราคายุโรป แพงแต่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งตนจะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีต่อไป เพื่อขจัดข้อสงสัยและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ ยังตั้งข้อสงสัยด้วยว่า เรื่องกล้องซีซีทีวีอยู่ในความรับผิดชอบของนายอมร แต่ทำไมนายอมรไม่ออกมาแถลงข่าวเอง ขณะที่เรื่องการเยียวยาผู้เสียหายซึ่งสภา กทม.ตั้งคำถามไปนั้น นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม.ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ตอบข้อสงสัยว่าจะเยียวยาผู้เสียหายแต่อย่างใด
“ขอเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคพิจารณาปลดนายอมรออกจากดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. โดยจะทำหนังสือถึงท่านเพื่อยื่นอย่างเป็นทางการพิจารณาต่อไป เพราะในขณะนี้ตามคำสั่งของ คสช. ไม่สามารถเปิดการประชุมพรรคได้ ก็ต้องส่งจดหมายถึงท่านหัวหน้าพรรค เพื่อให้มีการตรวจสอบพิจารณา รวมถึงการปลดรองผู้ว่าราชการ กทม. บางคนที่บกพร่องต่อหน้าที่ และไม่มีความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนชาว กทม.” นายวัชระ กล่าว
** ซัด “เบญทราย” อย่าริเป็นเจ้าแม่
นายวัชระ กล่าวต่อว่า นางเบญทราย กียปัจจ์ รองโฆษก กทม. ได้กล่าวหาว่าตนได้ให้ข้อมูลเท็จ และยังได้แถลงว่าเป็นเพราะกล้องไม่มีขาเดินหาคนร้ายไม่ได้ ถือว่าเป็นการพูดที่ไม่มีความรับผิดชอบในฐานะกระบอกเสียงของ กทม. ทำให้ประชาชนผู้เสียหายได้ฟังแล้วไม่ประทับใจต่อการทำงานของ กทม. ซึ่งนางเบญทรายควรมีวุฒิภาวะในการเป็นกระบอกเสียง กทม. มากกว่านี้ ตนได้ยินว่าข้าราชการบางคนเกรงใจจนได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแม่ กทม. ไปแล้ว ตนไม่ทราบว่านางเบญทรายมีอิทธิพลเพียงใดใน กทม. แต่ควรให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน และไม่ควรเป่าหูผู้ว่าราชการ กทม. ให้มากเกินไป เพราะแม้แต่เลขานุการที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แต่งตั้งมา 3 คน ยังต้องออกจากตำแหน่งทั้งหมด
“ผมสนับสนุนการทำงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งเป็นผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ แต่วันนี้กลับมีคนเอาขยะมาทิ้งไว้ที่พรรค ในฐานะสมาชิกต้องช่วยปัดกวาดขยะให้องค์กรสะอาดปราศจากการคอร์รัปชั่น” นายวัชระ กล่าว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีสถาบันพระปกเกล้า จัดสัมมนารับฟังความเห็นของสมาชิกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เรื่องแนวทางการนำเสนอเพื่อแก้ระเบียบกฎหมายของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เกี่ยวกับการจัดทำงบประมาณของ อปท.เมื่อเร็วๆนี้ว่า ในการสัมมนามีการระบุว่า สตง.ขัดขวางการทำงานของ อปท.โดยมีการเสนอขอให้ตัดอำนาจการตรวจสอบการใช้งบประมาณของ สตง. ทั้งนี้ ตนในฐานะคนกลางเห็นต่างกับเรื่องนี้ เพราะเห็นว่า สตง.ทำหน้าที่ได้ดีแล้ว ซึ่งจากการแถลงผลงานครบ 9 ปี ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า เรื่องทุจริตที่มีร้องเข้ามามากที่สุด คือ การทุจริตของ อปท.ถึง 50 เปอร์เซนต์ รวมมูลค่าความเสียหายจาการทุจริต 1.68 แสนล้านบาท ซึ่งหาก อปท.ไม่ทุจริตก็ไม่ต้องกลัวการตรวจสอบ ทั้งนี้ ตนจะเสนอให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เพิ่มอำนาจการตรวจสอบให้แก่ สตง.ด้วย
**ปูดซื้อเก้าอี้ “เสาชิงช้า” ไม่แพ้ ตร.
นายวิลาศ กล่าวต่อว่า อปท.บางส่วนที่ดีก็มีอยู่มาก แต่ก็มีบางส่วนที่มีการทุจริตก็มาก เช่น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด พบว่ามีการใช้อำนาจตั้งรองผู้ว่าฯคุมงานด้านต่างๆ มีข้าราชการและประชาชนมาร้องเรียนกับตนว่า มีรองผู้ว่าฯ คนหนึ่ง เดินทางไปต่างประเทศเกือบทุกเดือน นั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาส และเดินทางไปเพียง 2 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส และเยอรมัน โดยใช้เงินสดซื้อตั๋ว นอกจากนี้ ยังพบกรณีการทำหนังสือเวียนถึงเขตต่างๆ ที่ขอให้ทำเรื่องมาถึง กทม.เพื่อขอให้ซื้อรถต่างๆ เช่น รถดูดเลน รถดูดไขมัน ซึ่งเดิมแต่ละเขตจะมีอยู่แล้ว แต่มีการสั่งให้ทำเรื่องเสนอมาพร้อมกำหนดสเปค เช่น รถดูดไขมัน ขนาด 8 คิว คันละ 24 ล้านบาท ทั้งที่ของเดิมมีอยู่ไม่ได้ใช้ พอตนแถลงก็สั่งชะลอเรื่อง ที่ต้องสั่งให้เขตต่างๆ ทำเรื่องขึ้นมานั้น เพื่อใช้อ้างกรณีถูกตรวจสอบว่าเป็นการเสนอขอซื้อจากเขต ไม่ใช่เป็นคำสั่งจากรองผู้ว่าฯ
นายวิลาศ กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ กทม.โดยเฉพาะระดับสูง ว่า ปัจจุบันทำเพื่อผลประโยชน์ อาทิ การย้ายผู้อำนวยการเขตต้องใช้เงินถึง 7 หลัก ไม่แพ้ในวงการตำรวจ อย่างผู้อำนวยการเขตบางกอกใหญ่ในพื้นที่ตนมีการทำเรื่องย้ายลูกน้องตัวเอง ซึ่งเป็นนายช่างโยธาเขตจตุจักร มาอยู่เขตบางกอกใหญ่ โดยให้หัวหน้าฝ่ายโยธามีคำสั่งระบุให้ดูแลพื้นที่ฝั่งซ้ายของถนนจรัลสนิทวงศ์ และถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นฝั่งที่มีคอนโดมิเนียมจำนวนมาก มีการเรียกค่าเซ็นใบอนุญาตก่อสร้าง ทั้งที่ถูกแบบกลางของ กทม.แล้ว
"ไม่ทราบว่าผู้อำนวยการเขตที่ย้ายมาใหม่ เก็บกันขนาดนี้ต้องส่งเงินให้รองผู้ว่าฯ คนไหนหรือไม่อย่างไร เพราะขนาดก่อสร้างถูกแบบแปลนก็ยังเสียค่าตวัดลายเซ็น" นายวิลาศ กล่าว
** แฉรองผู้ว่าฯเอื้อ บ.เอกชน
นายวิลาศ เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีการสร้างสวนเฉลิมพระเกียรติ ที่เขตธนบุรี โดยประมูลงานผ่านอีอ็อกชั่น แต่ก็ได้บริษัทของคนสนิทของรองผู้ว่าฯ คนหนึ่ง ที่น่าแปลกใจคือ มีการสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ล่วงหน้า ก่อนที่จะมีการเซ็นสัญญา โดยมีการระดมหรือสั่งข้าราชการ กทม.ให้อำนวยความสะดวกให้กับบริษัทดังกล่าวทุกอย่าง เมื่อสร้างสิ่งก่อสร้างเสร็จเพิ่งจะมาเร่งรัดกับทางเขตให้รีบเซ็นสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง โอยอ้างว่ารองผู้ว่าฯ สั่งมาให้รีบเซ็น
"เท่านั้นยังไม่พอ มีการขนทีมงานของรองผู้ว่าฯ รายนี้ ไปฉลองเกษียณอายุราชการที่ญี่ปุ่น โดยมีการซื้อสินค้าจากบริษัท คิงพาวเวอร์ ในช่วงโปรโมชั่น ซื้อครบ 5 หมื่นบาท จะแจกตั๋วเครื่องบินไป - กลับญี่ปุ่น 1 ใบ ปรากฏว่า มีการสั่งซื้อสินค้าล็อตเดียว 5 ล้านบาท ได้ตั๋วไปกลับ 100 ใบ ถามว่าเอาเงินที่ไหนมาซื้อสินค้าดังกล่าว ใครเป็นผู้ดูแล และมีการขนข้าราชการ กทม.ในส่วนบริหารไปเที่ยวเป็นระลอก ล่าสุด กำลังไปเที่ยวสหรัฐอเมริกา อีก 7 คน ถามว่าเอาเงินมาจากไหน" นายวิลาศ กล่าว
นายวิลาศ กล่าวต่อไปว่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว ตนจึงขอสนับสนุนให้ สตง.ยังมีอำนาจตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของ อปท.เพราะขนาด กทม.ที่อยู่ในส่วนกลาง ยังกล้าทำขนาดนี้ และตนจะนำเรื่องต่างๆ พร้อมพยานหลักฐานเอกสารและบุคคล เข้าร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อขอให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ใช้จ่ายในเรื่องนี้ทั้งหมด
** เผยถลุงงบสะสม กทม.เหี้ยน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำหลักฐานไปร้องต่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ในฐานะผู้บริหารระดับสูงหรือไม่ นายวิลาศ กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ห้ามพรรคจัดกิจกรรมทางการเมืองใดๆ หากทำได้ตนก็จะเสนอเรื่องนี้ต่อที่ประชุมพรรคให้พิจารณาด่วน และที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้ว่าฯ กทม.เลย และไม่รู้ว่าผู้ว่าฯ กทม.จะเข้าศาลาว่าการ กทม.เมื่อใด แต่ขอตั้งข้อสังเกตเรื่องการใช้งบว่า ก่อนหน้านี้ กทม. มีเงินสะสมอยู่ 3 หมื่นล้านบาท ปัจจุบันลองไปขอตรวจสอบดูเหลือไม่ถึง 2 พันล้านบาท เพราะแต่ละคนมือฉกาจในการทำเรื่องของบประมาณทั้งนั้น
เมื่อถามว่า จะนำเรื่องนี้ร้องต่อพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) หรือไม่ เพราะเป็นไปตามนโยบายเรื่องการปราบปรามการทุจริตของ คสช. นายวิลาศ กล่าวว่า ตนเชื่อมือและชื่นชมต่อการทำงานของ พล.อ.ไพบูลย์ แต่เรื่องการทุจริตและคดีต่างๆ แต่ที่ผ่านมาตนเคยร้องเรียนหลายเรื่องแต่ก็ยังเงียบหาย เช่น คดีอิทธิพลของ "เสธ.เจมส์" ที่เรียกเก็บค่าคุ้มครอง หรือกรณีอดีตผู้ว่าฯ ที่เป็น สนช.ทุจริตในการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืชก็ยังไร้คำตอบ จึงเห็นว่าปัญหาการปราบปรามทุจริตของบ้านเมืองทุกวันนี้ที่ไปไม่ถึงไหน เพราะเข้าทำนองเอาจริงแต่ยกเว้นญาติและเพื่อน ซึ่งตนก็จะคัดเรื่องที่สำคัญๆ เพื่อยื่นต่อ คสช. อีกครั้ง
** ชง “มาร์ค” ปลด “อมร” ด่วน
ด้าน นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวถึงเหตุการณ์ที่คนร้ายบุกบ้านพักโจรกรรมทรัพย์สินมูลค่ากว่า 3 ล้านบาทในบ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 2 ของนางมิรันตี เกตุทิพย์ อดีตข้าราชการกระทรวงวัฒนธรรม แต่ตำรวจไม่สามารถติดตามคนร้ายได้ เพราะกล้องซีซีทีวีของ กทม.บริเวณดังกล่าว 26 ตัวใช้ได้แค่ 5 ตัวว่า ตนได้รับมอบหมายจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ติดตามเรื่องนี้มาร่วม 2 เดือน แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า การจัดซื้อกล้องซีซีทีวีของ กทม. มีข้าราชการหลายคนบอกว่าเป็นกล้องจีนแต่ราคายุโรป แพงแต่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร ซึ่งตนจะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีต่อไป เพื่อขจัดข้อสงสัยและให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งนี้ ยังตั้งข้อสงสัยด้วยว่า เรื่องกล้องซีซีทีวีอยู่ในความรับผิดชอบของนายอมร แต่ทำไมนายอมรไม่ออกมาแถลงข่าวเอง ขณะที่เรื่องการเยียวยาผู้เสียหายซึ่งสภา กทม.ตั้งคำถามไปนั้น นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม.ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ตอบข้อสงสัยว่าจะเยียวยาผู้เสียหายแต่อย่างใด
“ขอเรียกร้องให้หัวหน้าพรรคพิจารณาปลดนายอมรออกจากดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. โดยจะทำหนังสือถึงท่านเพื่อยื่นอย่างเป็นทางการพิจารณาต่อไป เพราะในขณะนี้ตามคำสั่งของ คสช. ไม่สามารถเปิดการประชุมพรรคได้ ก็ต้องส่งจดหมายถึงท่านหัวหน้าพรรค เพื่อให้มีการตรวจสอบพิจารณา รวมถึงการปลดรองผู้ว่าราชการ กทม. บางคนที่บกพร่องต่อหน้าที่ และไม่มีความรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนชาว กทม.” นายวัชระ กล่าว
** ซัด “เบญทราย” อย่าริเป็นเจ้าแม่
นายวัชระ กล่าวต่อว่า นางเบญทราย กียปัจจ์ รองโฆษก กทม. ได้กล่าวหาว่าตนได้ให้ข้อมูลเท็จ และยังได้แถลงว่าเป็นเพราะกล้องไม่มีขาเดินหาคนร้ายไม่ได้ ถือว่าเป็นการพูดที่ไม่มีความรับผิดชอบในฐานะกระบอกเสียงของ กทม. ทำให้ประชาชนผู้เสียหายได้ฟังแล้วไม่ประทับใจต่อการทำงานของ กทม. ซึ่งนางเบญทรายควรมีวุฒิภาวะในการเป็นกระบอกเสียง กทม. มากกว่านี้ ตนได้ยินว่าข้าราชการบางคนเกรงใจจนได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแม่ กทม. ไปแล้ว ตนไม่ทราบว่านางเบญทรายมีอิทธิพลเพียงใดใน กทม. แต่ควรให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน และไม่ควรเป่าหูผู้ว่าราชการ กทม. ให้มากเกินไป เพราะแม้แต่เลขานุการที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. แต่งตั้งมา 3 คน ยังต้องออกจากตำแหน่งทั้งหมด
“ผมสนับสนุนการทำงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งเป็นผู้ว่าฯ กทม. จากพรรคประชาธิปัตย์ แต่วันนี้กลับมีคนเอาขยะมาทิ้งไว้ที่พรรค ในฐานะสมาชิกต้องช่วยปัดกวาดขยะให้องค์กรสะอาดปราศจากการคอร์รัปชั่น” นายวัชระ กล่าว