xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

กกต.แจกใบเหลือง ถึงเวลา “ชายหมู” รีสตาร์ทปฏิรูปตัวเอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แล้วก็เป็นเรื่องจนได้หลังจากที่ คุณชายหมู-ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เคยร้องห่มร้องไห้ ขอทำหน้าที่กุมกุญแจประตูเมืองกรุงไว้เอง เมื่อวันนี้ถูกกกต.(คณะกรรมการการเลือกตั้ง) แจกใบเหลืองด้วยมติ 3 ต่อ 2 เสนอศาลอุทธรณ์ภาค 1สั่งเลือกตั้งใหม่ จากกรณีที่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวปราศรัยพาดพิง พล.ต.อ.พงศพัศ พงศ์เจริญ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย ในกรณีหาเสียงใส่ร้ายให้เข้าใจผิด หวังคะแนนนิยม

ทำให้สถานภาพของคุณชายหมูวันนี้ ตกอยู่ในภาวะหายใจไม่ทั่วท้อง อยู่ในช่วงลุ้นว่าจะอยู่หรือไป เพราะ กกต.จะลงนามเพื่อส่งเรื่องให้ศาลอุทธรณ์ในช่วงระหว่างวันที่ 21-24 มี.ค.นี้ จากนั้นภายในระยะเวลา 3 วัน ซึ่งไม่น่าจะเกินวันที่ 26 มี.ค. 57 จะได้รู้กันว่าศาลอุทธรณ์จะรับคำร้องหรือไม่

ทั้งนี้ หากศาลรับคำร้อง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีและให้รองผู้ว่าฯ กทม. คนใดคนหนึ่งขึ้นมารับหน้าที่รักษาการแทน จากนั้นศาลจะใช้ระยะเวลาพิจารณาพยานหลักฐานประมาณ 4-6 เดือน และเปิดโอกาสให้แต่ละฝ่าย ซึ่งก็คือสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกพรรคเพื่อไทย นำเสนอพยานฝ่ายของตนเอง และรอฟังคำตัดสินคดีว่าจะออกหัวหรือก้อยประมาณเดือนกันยายน 2557

ความหวาดเสียวจึงอยู่ที่ ถ้าศาลตัดสินออกมาตามมติกกต.ว่าสมควรให้ใบเหลือง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ต้องพ้นจากตำแหน่งเก้าอี้ผู้ว่าฯทันที พร้อมกับเร่งดำเนินการจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 45วัน โดยยังสามารถลงรับสมัครผู้ว่าฯได้ต่อ

แต่ก็ไม่แน่ว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์อาจพอมีความหวังที่จะรอดก็ได้ เพราะจากสถิติคดีที่กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง หลายคดีก็ปรากฏว่าศาลยกคำร้องอยู่บ่อย อย่างคดีบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ในคราวที่กกต.ยื่นเรื่องให้ศาลพิจารณาก็มั่นใจว่าโดนยุบพรรคชัวร์ แต่สุดท้ายศาลก็ยกคำร้อง ดังนั้นชายหมูอาจจะชนะคดีได้นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯเหมือนเดิมก็เป็นได้

ทั้งนี้ ไม่ว่าปลายทางจะออกมาเป็นเช่นไร เจ้าตัวเองก็ออกมาชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวในเชิงตัดพ้อกกต.พร้อมกับน้อมรับมติกกต.โดยดุษฎี

“ใช้เวลานานเกือบปีที่เกิดขึ้นในขณะที่บ้านเมืองกำลังลุกเป็นไฟ ต้องการเสถียรภาพการทำงานในระดับท้องถิ่น แต่ไม่อยากให้ประชาชนกังวล เพราะเคารพในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเคยปฏิญาณตั้งแต่เป็น ส.ส.(สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร) และผมก็เคารพในองค์กรอิสระแม้จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเราต้องเคารพคำตัดสิน

“สิ่งสำคัญไม่ว่าใครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ผมได้พูดไว้เสมอว่าวันนี้ผมอยู่ตรงนี้ แต่วันหน้าผมก็ไป แต่องค์กร กทม. ก็ต้องยังอยู่ทำงานต่อไป ผมไม่ห่วงตัวเอง ผมห่วงงานเพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ยังเชื่อว่าบ้านเมืองนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมอายุ 60 กว่าแล้ว ชาว กทม.ไว้วางใจเลือกมา 2 สมัยแล้ว ถือเป็นบุญมหาศาลและกำไรชีวิตแล้ว ผมจะพูดแค่นี้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย หรือออกมาในรูปแบบหนึ่ง บ้านเมืองนี้มีคนพูดมากพอแล้ว ผมเป็นคนไม่ชอบพูด ผมอยากทำงาน ผมเชื่อว่าศาลยุติธรรมจะให้โอกาสผมทำงานต่อไป” คุณชายหมูชี้แจกแจง

สอดคล้องกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้ความเห็นเอาไว้ว่า“พรรคน้อมรับมติของ กกต.ซึ่งจะไปต่อสู้ในชั้นศาล ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นเรื่องการปราศรัยที่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย ไม่ใช่ตัวผู้ว่าฯ กทม.ที่กระทำ แต่เป็นสมาชิกพรรคในขณะนั้น ต้องไปดูรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร จึงขึ้นอยู่กับศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ยุติที่ กกต.ซึ่งหลายเรื่องเมื่อไปถึงศาล ที่ผ่านมาศาลก็วินิจฉัยไม่ตรงกับ กกต.แต่เท่าที่ติดตามช่วงหาเสียงไม่มีประเด็นเรื่องการใส่ร้าย ต้องรอดูคำวินิจฉัยของ กกต.ก่อน”

“เมื่อ กกต.ชี้มาเราก็ต้องสู้คดี ส่วนในระหว่างนี้เท่าที่ดูกฎหมายเบื้องต้นก็ไม่มีผลกระทบใดๆ ต่อการทำหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม.ยังสามารถเดินหน้าทำงานได้เต็มที่โดยเฉพาะในสถานการณ์บ้านเมืองเช่นนี้ อยากให้เดินหน้าลุยงานต่อไป ไม่อยากให้เสียสมาธิ ซึ่งเชื่อว่าผู้ว่าฯ สุขุมพันธุ์ จะทำงานต่อโดยไม่เสียสมาธิกับเรื่องนี้ โดย ผู้ว่าฯ กทม.จะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เมื่อศาลอุทธรณ์มีคำสั่งรับคำร้องจาก กกต.” นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์ต่อประเด็นดังกล่าว

แต่ไม่ว่าผลทางคดีจะออกมาเป็นอย่างไร งานนี้เชื่อว่าคงสร้างความลำบากใจให้กับคนในพรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อย เพราะนอกจากกระแสพรรคอำมาตย์เก่าแก่นี้ จะตกฮวบหายจากหน้าสื่อไปตั้งแต่ที่มีม็อบกปปส.แล้ว เบื้องหลังการส่งคุณชายหมูลงเลือกตั้งรับสมัครผู้ว่าฯจนกระทั่งถูกกกต.ฟันใบเหลืองนั้น ก็คงไม่ค่อยจะปลาบปลื้มใจเท่าไหร่นัก

เพราะก่อนหน้านี้ จุดเริ่มต้นตั้งแต่หาสมาชิกในพรรคลงรับสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯนั้น ก็ได้มีกระแสข่าวแตกคอกันในพรรคประชาธิปัตย์ ถึงประเด็นที่ว่า คุณชายอยากลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯต่ออีก1สมัย ทั้งๆที่ตัวคุณชายเองไม่ค่อยได้รับความนิยมชนิดที่เรียกคะแนนศรัทธาจากประชาชนได้มากนัก และด้วยความดันทุรังของตัวคุณชายเองทำให้หลับหูหลับตาไม่ฟังเสียงคัดค้านคนในพรรคประชาธิปัตย์ ถึงขนาดออกอาการดักคอ นายกรณ์ จาติกวณิช หลายครั้งว่าจะไม่ลงสมัคร เชื่อเถอะว่าไม่มีใครเสนอตัวลงชิงสมัครผู้ว่าฯนอกจากตัวเอง

“อยากให้ความเป็นธรรมกับคุณกรณ์ด้วย เพราะข่าวก็ออกมาว่าคุณกรณ์ประกาศครั้งแล้วครั้งเล่าว่าจะไม่ลง เราจะไม่ให้เกียรติคุณกรณ์เชียวหรือ เพราะก็ประกาศไปแล้ว จะไปกล่าวหาว่าลงสมัครทำไม ต้องให้เกียรติท่าน ที่ผ่านมาผมก็คุยกับหัวหน้ามาโดยตลอดทางโทรศัพท์ ส่วนจะมีตัวเลือกเพิ่มเข้ามาหรือไม่ต้องถามพรรค แต่เท่าที่ผมทราบไม่มีใครแสดงความจำนงนอกจากผม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องตีตนไปก่อนไข้ เพราะยังไม่มีใครเป็นไข้ ผมก็ไม่ได้เป็นไข้”
คุณชายหมูแจกแจง

หลังจากพยายามดื้อดึงจะเอาแต่ใจให้ได้ บีบคนในพรรคให้เห็นใจเท่านั้นยังไม่พอสมใจอยากคุณชาย ในคราวนั้นยังมีการออกแถลงการณ์กับสื่อมวลชน( 28 ก.พ. 56) บีบน้ำตาเรียก คะแนนเห็นใจจากประชาชนว่าเขานั้นทุ่มเทเพื่อชาวกรุงเทพมาโดยตลอด และขอทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป เรียกว่าให้ราคาตัวเองกระชากเรตติ้งจนโด่งดังเลยทีเดียว

“ได้เชิญทุกคนมาในวันนี้เพื่อเปิดอกพูดความในใจบางเรื่องให้ประชาชนประกอบการพิจารณา ขอขอบคุณประชาชนที่ให้โอกาสทำงานในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา และขอบคุณพรรคปชป.ที่ให้โอกาสลงสมัครผู้ว่าฯกทม. จะทำงานให้ดีที่สุดหากมีโอกาสอีก 4 ปีข้างหน้า ที่ผ่านมาถือเป็นความฝันอันสูงสุดที่ได้ทำงานรับใช้ประชาชน ถ้าจะหยุดหายใจนาทีนี้คิดว่าชีวิตของตัวเองก็คุ้มค่าแล้ว เพราะผมเป็นคนกรุงเทพฯ มาตั้งแต่เกิด ไม่เคยคิดว่าจะไปทำงานที่อื่น

แล้วคุณชายหมูก็เริ่มน้ำตาคลอ พูดด้วยเสียงสั่นเครือ

“ผมไปเมืองนอกตั้งแต่ 10 ขวบ เมื่อกลับมาเมืองไทยครั้งแรกที่ลงที่สนามบินดอนเมือง เห็นกรุงเทพฯ แล้วร้องไห้ การได้ทำงานเพื่อกรุงเทพฯ จึงเป็นความฝันอันสูงสุด ที่ผ่านมาคนกรุงเทพฯ ทุกข์จากการเมือง ทุกข์จากน้ำท่วม แต่ก็ได้เห็นความงดงาม การมีน้ำใจ ความเอื้ออาทร ของคนกรุงเทพฯ ต่อบ้านเมืองจากเหตุการณ์การทำความสะอาดที่แยกราชประสงค์กว่าหมื่นคน ทั้งๆ ที่รู้ล่วงหน้าไม่กี่ชั่วโมง จึงเป็นความรักของคนกรุงเทพฯ ผมจะไม่ลืมวันนั้น เพราะคนที่รักกรุงเทพฯต้องสร้างกรุงเทพฯด้วยกัน”

และนี่ก็คือถ้อยคำ ที่มาพร้อมน้ำตาคลอของคุณชายหมูที่พร่ำเพ้อไว้กับคนกรุงเทพฯ

ยังไม่นับรวมถึงกรณีโด่งดังที่คุณชายโหนสถาบันเพื่อหวังคะแนนคนกรุงฯ เมื่อปลายปี 2555 ที่มีการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ตามจุดสำคัญในกรุงเทพมหานคร โดยมีข้อความว่า “คนกรุงเทพฯรักในหลวง ไม่เปลี่ยน” ซึ่งในภาพมีเหล่าดารา นักร้อง นักแสดง นักกีฬา พร้อมกับมีภาพคุณชายหมูปรากฏอยู่ด้วย ก็นับว่า มีความพยายามที่จะสร้างภาพหวังผลคะแนนของตัวเอง กระทั่งมีกระแสวิพากษ์ วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมต่างๆนาๆ

แต่ก็อย่างว่า ผลของการแจกใบเหลืองของกกต.ครั้งนี้คุณชายน่าจะถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะ'รีสตาร์ท “ปฏิรูปตัวเอง”ใหม่ เพราะนับแต่นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ก็มิได้สร้างผลงานอะไรโดดเด่นจนคนกรุงสามารถจดจำได้ จากนั้นก็ต้องไปลุ้นว่า หากศาลมีคำพิพากษายืนยันตาม กกต.แล้วมีการเลือกตั้งใหม่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์จะสามารถรักษาคะแนนที่เคยได้รับเอาไว้ได้หรือไม่ รวมกระทั่งถึงใครจะมาเป็นคู่แข่งคนสำคัญ

งานนี้ บอกได้คำเดียวว่า ไม่ง่าย


กำลังโหลดความคิดเห็น