**ยุคนี้ฟ้าผ่ากรมปทุมวันจนเป็นเรื่องธรรมดา เด้งกันไปกันมาเสียจนคุ้นตาตามหน้าสื่อ ส่วนใหญ่ที่แล้วๆมา เซ่นพิษบ่อน เซ่นอาชญากรรม แต่มีคิวล่าสุดที่“บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ลงนามในคำสั่ง ตร.ที่ 687/2558 ลงวันที่ 26 พ.ย.58 ให้พล.ต.ต.กริช กิตติลือ ผบก.ภ.จว.ลำปาง ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบ.ตร. มอบหมาย แล้วให้พล.ต.ต.นิยม ด้วงสี ผบก.ภ.จว.น่าน รรท.ผบก.ภ.จว.ลำปางแทน โดยไม่ได้ระบุเหตุผลในการโยกย้ายเอาไว้
ทำเอามึนกันไปใหญ่ว่า รอบนี้เหตุใดกระโดดไปเด้งกันถึงลำปาง เพราะปัจจุบันคนที่โดนฟ้าผ่าส่วนใหญ่เป็นเพราะพิษไข้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เกี่ยวข้องกับคดีหมอหยองล้วนๆ กระทั่งมีเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ลำปางหนาวมาก เที่ยวนี้เป็นเรื่องกีฬาสีเนื้อๆ
ตามโปรไฟล์“พล.ต.ต.กริช”จัดเป็นตำรวจพันธุ์มะเขือเทศ เคยทำหน้าที่คุ้มกัน“โอ๊คอ๊าค”พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย ทักษิณ ชินวัตร ตอนที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ทำรัฐประหาร
ว่ากันว่า เป็นแดงตัวพ่อ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เรืองอำนาจ เคยเป็น ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ คุมพื้นที่เมืองหลวงเสื้อแดงมาแล้ว ฟอร์มเป็นที่ถูกอกถูกใจนายใหญ่ นายหญิง แต่พอการเมืองเปลี่ยนขั้ว ถูกเตะกระเด็นออกจากเชียงใหม่ มาช่วยราชการสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ด้วยน้ำมือ“บิ๊กติ๊ก”พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ที่เขียนเหตุผลการเด้งเลยว่า มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม อำนวยความสะดวก“โอ๊คอ๊าค” เกินหน้าเกินตากว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ปกติ
**มาหนนี้โดนเขี่ยอีกรอบ เสียงซุบซิบยังว่า เบื้องหลังเป็นเจ้าเก่าเจ้าเดิมสั่งเชือด พล.ต.ต.กริช ที่พฤติกรรมเอียงกระเทเร่เกินจะเยียวยา ไม่เก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่ ลุยโละพวกตำรวจมะเขือเทศที่ยังไม่กลับใจ ทำลายทุกขุมกำลัง ทุกองคาพยพของเครือข่ายอำนาจเก่า ทั้งที่ใส่เครื่องแบบ และไม่ใส่เครื่องแบบ
สอดคล้องกับที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงรวบ จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และนายณัฐพล ณวรรณ์เล ข้อหาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่สุมหัววางแผนเตรียมจะก่อเหตุในกิจกรรม “Bike for Dad” ในเดือนธันวาคม ทั้งในพื้นที่ขอนแก่น และกรุงเทพมหานคร
โดยเฉพาะมีแผนการลอบสังหารผู้นำ ไม่ว่าจะเป็น“บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยจ.ส.ต.ประธิน เป็นหนึ่งในขบวนการขอนแก่นโมเดล ที่เคยถูกจับกุม และได้รับการประกันตัวออกมา
**แม้จะมีข้อพิรุธหลายอย่างเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวว่า เป็นปฏิบัติการข่าวของทหาร (ไอโอ) เพื่อโหมขึ้นมาเพื่อชิงกระแสกลบข่าวร้อนๆ กรณีความไม่ชอบมาพากลในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เนื่องจากเรื่องนี้โพล่งออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จู่ๆ “บิ๊กป้อม”ก็จุดพลุออกมาเอง ระหว่างให้สัมภาษณ์ ทั้งที่ปกติเวลานักข่าวไล่บี้ความคืบหน้าคดีต่างๆ แทบจะไม่ยอมคายอะไรออกมาง่ายๆ แต่พอเรื่องนี้ถามกี่ครั้งกี่ที ก็มีอารมณ์ตอบ แถมยังยกยอปอปั้นนักข่าวที่ถามด้วยว่า “มันต้องถามอย่างนี้สิ”
ขณะเดียวกัน ในช่วงที่“บิ๊กป้อม”จุดพลุแรกๆ น้องรองอย่าง“บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ยังทำหน้ามึน ไม่รู้เรื่องอยู่เลย ทั้งที่ๆแผนการระดับนี้ ถึงขนาดเตรียมสังหารผู้นำประเทศ ไม่ใช่เรื่องปลาซิวปลาสร้อย ลองทหารรวบได้ก่อนแบบนี้โดยที่ตำรวจไม่รู้เรื่อง ผู้กำกับในพื้นที่โดนเด้งฟ้าผ่าไปแล้ว แต่นี่ยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย ผิดวิสัยอย่างแรง หรือกระทั่งกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นรู้เรื่อง ออกมาเล่าเรื่องได้เป็นฉากๆ อย่างกับภาพยนตร์แอ็กชั่น แต่ตัวรมว.มหาดไทย กลับหูหนวก ตาบอด มันย้อนแย้งโดยสิ้นเชิง พุดโธ่!
ขณะที่ขบวนการดังกล่าวที่มีการออกหมายจับ 9 คน ซึ่งเป็น ตชด.แก่ๆ และพวกที่โนเนม หากเทียบกับแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) คนอื่นๆ จะมีศักยภาพเพียงพอที่จะก่อการใหญ่ขนาดนั้นได้เชียวหรือ คนที่จะทำอย่างนั้นได้ต้องเป็นมือระดับพระกาฬ ที่สำคัญเลยคือ ต้องมีท่อน้ำเลี้ยง แต่รายชื่อแต่ละคนที่ออกมา ไม่น่าจะมีปัญญาลงมืออุกอาจ เพราะยากที่จะหลุดรอดสายตาฝ่ายความมั่นคง จัดอยู่ในลักษณะโจรกระจอกเสียมากกว่า หากเป็นผู้จ้างวาน คงต้องบอกว่าสิ้นคิดสิ้นดี
**ที่น่าสงสัยเข้าไปอีกคือ ธนกฤต ทองเงินเพิ่ม ผู้ต้องหาในคดีขอนแก่นโมเดล อีกคนที่ถูกออกหมายจับ ปัจจุบันยังกินข้าวแดงอยู่ในซังเต ในข้อหาอื่นอยู่ ยังไม่ได้ออกมา จะร่วมวางแผนการนี้ได้อย่างไร เพราะในคุกไม่มีโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้ใช้ ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ว่า ยังหละหลวมอยู่หลายจุดพอสมควร ชวนให้คนนินทาว่า กลบปมร้อนเรื่องอุทยานราชภักดิ์ ที่รัฐบาลกำลังง่อนแง่น เป็นลิงแก้แห หาทางออกไม่เจอ
กระนั้นในอีกมุมหนึ่ง การลากคอแก๊งขอนแก่นโมเดล ก็ถูกมองว่า เป็นปฏิบัติการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เป็นการระมัดระวังป้องกันฝ่ายตรงข้ามที่อาจจะออกมาสร้างความปั่นป่วน หลังจากเกิดเหตุหลายครั้งหลายครา จนทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ซึ่งตั้งแต่เหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์ “บิ๊กป้อม”ได้สั่งหน่วยงานด้านการข่าวลงแสกนหาความเคลื่อนไหวจากกลุ่มต่างๆ ที่อยู่ในบัญชีหนังหมาอย่างใกล้ชิด เพราะรู้ว่ามีคนจ้องจะหาเรื่องดิสเครดิตรัฐบาลในทุกทาง
นอกจากนี้ การไล่กวาดล้างพวกสายเหยี่ยว ยังเป็นยุทธการขจัดเสี้ยนหนามของฝ่ายตรงข้ามให้หมดไป เพื่อไม่ให้กลับมาแว้งกันในวันข้างหน้า เพราะปัจจุบันคนเหล่านี้ยังพรางตัวอยู่ในที่ลับ หลายคนหนีไปกบดานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรอเวลาเอาคืน หรือลอบกัดตอนรัฐบาลเผลอ โดยเฉพาะช่วงปีหน้าที่ว่ากันว่า การเมืองจะเข้าสู่โหมดเผาจริง
การรวบแก๊งขอนแก่นโมเดล จึงเป็นยุทธการหลักของหน่วยงานด้านความมั่นคงอยู่แล้ว ดังนั้นหากจะใช้เรื่องนี้กลบข่าวจริงก็ดูบ้องตื้นเกินไป อย่างไรก็ไม่สามารถแย่งซีนแย่งกระแสเรื่องราชภักดิ์ได้แน่ เพราะน้ำหนักมันดูเบาหวิวเกินไป การใช้ข่าวนี้มาเล่น ต้องบอกว่า พลาดในแง่ยุทธศาสตร์เต็มๆ นอกจากคนจะไม่สนใจเท่าที่ควร ยังจะโดนคนนินทาหมาดูถูก ว่ามีสติปัญญาคิดได้แค่นี้หรืออย่างไร
**แต่เรื่องความคลางแคลงใจของประชาชนก็ยากที่จะทำให้เชื่อว่าไม่ใช่การกลบข่าว ยกเว้นจะมีการนำตัวผู้ต้องหา และแผนการดังกล่าว ออกมาแถลงกันโต้งๆ ให้ประชาชนเห็นไปเลย ตรงนี้ดูจะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าการพูดโดยไม่หยิบอะไรมาสร้างน้ำหนัก
ทำเอามึนกันไปใหญ่ว่า รอบนี้เหตุใดกระโดดไปเด้งกันถึงลำปาง เพราะปัจจุบันคนที่โดนฟ้าผ่าส่วนใหญ่เป็นเพราะพิษไข้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เกี่ยวข้องกับคดีหมอหยองล้วนๆ กระทั่งมีเสียงลือเสียงเล่าอ้าง ลำปางหนาวมาก เที่ยวนี้เป็นเรื่องกีฬาสีเนื้อๆ
ตามโปรไฟล์“พล.ต.ต.กริช”จัดเป็นตำรวจพันธุ์มะเขือเทศ เคยทำหน้าที่คุ้มกัน“โอ๊คอ๊าค”พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชาย ทักษิณ ชินวัตร ตอนที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ทำรัฐประหาร
ว่ากันว่า เป็นแดงตัวพ่อ สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เรืองอำนาจ เคยเป็น ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ คุมพื้นที่เมืองหลวงเสื้อแดงมาแล้ว ฟอร์มเป็นที่ถูกอกถูกใจนายใหญ่ นายหญิง แต่พอการเมืองเปลี่ยนขั้ว ถูกเตะกระเด็นออกจากเชียงใหม่ มาช่วยราชการสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ด้วยน้ำมือ“บิ๊กติ๊ก”พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ที่เขียนเหตุผลการเด้งเลยว่า มีพฤติการณ์ไม่เหมาะสม อำนวยความสะดวก“โอ๊คอ๊าค” เกินหน้าเกินตากว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ปกติ
**มาหนนี้โดนเขี่ยอีกรอบ เสียงซุบซิบยังว่า เบื้องหลังเป็นเจ้าเก่าเจ้าเดิมสั่งเชือด พล.ต.ต.กริช ที่พฤติกรรมเอียงกระเทเร่เกินจะเยียวยา ไม่เก็บไว้เป็นหอกข้างแคร่ ลุยโละพวกตำรวจมะเขือเทศที่ยังไม่กลับใจ ทำลายทุกขุมกำลัง ทุกองคาพยพของเครือข่ายอำนาจเก่า ทั้งที่ใส่เครื่องแบบ และไม่ใส่เครื่องแบบ
สอดคล้องกับที่เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงรวบ จ.ส.ต.ประธิน จันทร์เกศ อดีตตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) และนายณัฐพล ณวรรณ์เล ข้อหาผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่สุมหัววางแผนเตรียมจะก่อเหตุในกิจกรรม “Bike for Dad” ในเดือนธันวาคม ทั้งในพื้นที่ขอนแก่น และกรุงเทพมหานคร
โดยเฉพาะมีแผนการลอบสังหารผู้นำ ไม่ว่าจะเป็น“บิ๊กตู่”และ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม โดยจ.ส.ต.ประธิน เป็นหนึ่งในขบวนการขอนแก่นโมเดล ที่เคยถูกจับกุม และได้รับการประกันตัวออกมา
**แม้จะมีข้อพิรุธหลายอย่างเกี่ยวกับข่าวดังกล่าวว่า เป็นปฏิบัติการข่าวของทหาร (ไอโอ) เพื่อโหมขึ้นมาเพื่อชิงกระแสกลบข่าวร้อนๆ กรณีความไม่ชอบมาพากลในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เนื่องจากเรื่องนี้โพล่งออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จู่ๆ “บิ๊กป้อม”ก็จุดพลุออกมาเอง ระหว่างให้สัมภาษณ์ ทั้งที่ปกติเวลานักข่าวไล่บี้ความคืบหน้าคดีต่างๆ แทบจะไม่ยอมคายอะไรออกมาง่ายๆ แต่พอเรื่องนี้ถามกี่ครั้งกี่ที ก็มีอารมณ์ตอบ แถมยังยกยอปอปั้นนักข่าวที่ถามด้วยว่า “มันต้องถามอย่างนี้สิ”
ขณะเดียวกัน ในช่วงที่“บิ๊กป้อม”จุดพลุแรกๆ น้องรองอย่าง“บิ๊กป๊อก”พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย หรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ยังทำหน้ามึน ไม่รู้เรื่องอยู่เลย ทั้งที่ๆแผนการระดับนี้ ถึงขนาดเตรียมสังหารผู้นำประเทศ ไม่ใช่เรื่องปลาซิวปลาสร้อย ลองทหารรวบได้ก่อนแบบนี้โดยที่ตำรวจไม่รู้เรื่อง ผู้กำกับในพื้นที่โดนเด้งฟ้าผ่าไปแล้ว แต่นี่ยังคงยืนเด่นโดยท้าทาย ผิดวิสัยอย่างแรง หรือกระทั่งกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นรู้เรื่อง ออกมาเล่าเรื่องได้เป็นฉากๆ อย่างกับภาพยนตร์แอ็กชั่น แต่ตัวรมว.มหาดไทย กลับหูหนวก ตาบอด มันย้อนแย้งโดยสิ้นเชิง พุดโธ่!
ขณะที่ขบวนการดังกล่าวที่มีการออกหมายจับ 9 คน ซึ่งเป็น ตชด.แก่ๆ และพวกที่โนเนม หากเทียบกับแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) คนอื่นๆ จะมีศักยภาพเพียงพอที่จะก่อการใหญ่ขนาดนั้นได้เชียวหรือ คนที่จะทำอย่างนั้นได้ต้องเป็นมือระดับพระกาฬ ที่สำคัญเลยคือ ต้องมีท่อน้ำเลี้ยง แต่รายชื่อแต่ละคนที่ออกมา ไม่น่าจะมีปัญญาลงมืออุกอาจ เพราะยากที่จะหลุดรอดสายตาฝ่ายความมั่นคง จัดอยู่ในลักษณะโจรกระจอกเสียมากกว่า หากเป็นผู้จ้างวาน คงต้องบอกว่าสิ้นคิดสิ้นดี
**ที่น่าสงสัยเข้าไปอีกคือ ธนกฤต ทองเงินเพิ่ม ผู้ต้องหาในคดีขอนแก่นโมเดล อีกคนที่ถูกออกหมายจับ ปัจจุบันยังกินข้าวแดงอยู่ในซังเต ในข้อหาอื่นอยู่ ยังไม่ได้ออกมา จะร่วมวางแผนการนี้ได้อย่างไร เพราะในคุกไม่มีโทรศัพท์ หรืออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ให้ใช้ ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ครั้งนี้ว่า ยังหละหลวมอยู่หลายจุดพอสมควร ชวนให้คนนินทาว่า กลบปมร้อนเรื่องอุทยานราชภักดิ์ ที่รัฐบาลกำลังง่อนแง่น เป็นลิงแก้แห หาทางออกไม่เจอ
กระนั้นในอีกมุมหนึ่ง การลากคอแก๊งขอนแก่นโมเดล ก็ถูกมองว่า เป็นปฏิบัติการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เป็นการระมัดระวังป้องกันฝ่ายตรงข้ามที่อาจจะออกมาสร้างความปั่นป่วน หลังจากเกิดเหตุหลายครั้งหลายครา จนทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่น ซึ่งตั้งแต่เหตุการณ์ระเบิดราชประสงค์ “บิ๊กป้อม”ได้สั่งหน่วยงานด้านการข่าวลงแสกนหาความเคลื่อนไหวจากกลุ่มต่างๆ ที่อยู่ในบัญชีหนังหมาอย่างใกล้ชิด เพราะรู้ว่ามีคนจ้องจะหาเรื่องดิสเครดิตรัฐบาลในทุกทาง
นอกจากนี้ การไล่กวาดล้างพวกสายเหยี่ยว ยังเป็นยุทธการขจัดเสี้ยนหนามของฝ่ายตรงข้ามให้หมดไป เพื่อไม่ให้กลับมาแว้งกันในวันข้างหน้า เพราะปัจจุบันคนเหล่านี้ยังพรางตัวอยู่ในที่ลับ หลายคนหนีไปกบดานอยู่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรอเวลาเอาคืน หรือลอบกัดตอนรัฐบาลเผลอ โดยเฉพาะช่วงปีหน้าที่ว่ากันว่า การเมืองจะเข้าสู่โหมดเผาจริง
การรวบแก๊งขอนแก่นโมเดล จึงเป็นยุทธการหลักของหน่วยงานด้านความมั่นคงอยู่แล้ว ดังนั้นหากจะใช้เรื่องนี้กลบข่าวจริงก็ดูบ้องตื้นเกินไป อย่างไรก็ไม่สามารถแย่งซีนแย่งกระแสเรื่องราชภักดิ์ได้แน่ เพราะน้ำหนักมันดูเบาหวิวเกินไป การใช้ข่าวนี้มาเล่น ต้องบอกว่า พลาดในแง่ยุทธศาสตร์เต็มๆ นอกจากคนจะไม่สนใจเท่าที่ควร ยังจะโดนคนนินทาหมาดูถูก ว่ามีสติปัญญาคิดได้แค่นี้หรืออย่างไร
**แต่เรื่องความคลางแคลงใจของประชาชนก็ยากที่จะทำให้เชื่อว่าไม่ใช่การกลบข่าว ยกเว้นจะมีการนำตัวผู้ต้องหา และแผนการดังกล่าว ออกมาแถลงกันโต้งๆ ให้ประชาชนเห็นไปเลย ตรงนี้ดูจะสร้างความน่าเชื่อถือได้มากกว่าการพูดโดยไม่หยิบอะไรมาสร้างน้ำหนัก
