xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปมร้อนทุจริตผิดจริยธรรม เครือข่ายข้างกายนายกฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ในปฐพีไทยนี้ต้องไม่มีคนโกง ท่วงทำนองสื่อความหมายจากวลีคมกริบที่เสมือนคำสัญญาหน้าจอไปสู่ประชาชนหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือฤกษ์วันที่ 22 พ.ค.57 เข้ายึดอำนาจ เชื่อเหลือเกินว่าคำประกาศพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ยังตึดตาตรึงใจคนไทยทั้งผอง !!!

แต่พอลองสำรวจพฤติกรรมในเครือข่ายท่านผู้นำวันนี้เริ่มทำให้สังคมสงสัย

ที่ยังคาราคาซังอยู่เดิม เรื่องปมกระหึ่มโลก โรลส์-รอยซ์ ยังไม่ทันจางหายและถูกสะสาง

ล่าสุดของใหม่มาอีกแล้ว ตามที่โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน (ไอลอว์) แฉข้อมูลสุดทีเด็ด “7 สนช.ประจัญบานโดดร่มประชุม” จนอาจขาดความเป็นสมาชิกสภาพสนช. ถูกโลกโซเชียลมีเดียแห่เล่นข่าวเสียบประจานทุกเว็บไซต์ ค่อนขอดรัฐบาล “บิ๊กตู่” ในทำนองหลงลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ไหนว่าจะปราบทุจริตให้สิ้น จะทำงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้นั้น 
                
เริ่มจะเป็นนิยายน้ำเน่า

เรื่องของเรื่อง 1 ใน 7 สนช.ประจัญบาน มีรายชื่อ “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ร่วมก๊วนอยู่ด้วย (อีกแล้วครับท่าน) มันก็ยิ่งเจ็บจี๊ด กลืนไม่เข้า คายไม่ออก บอกไม่ถูก หมดมุก จะเอื้อนเอ่ยเต็มทนกับน้องชายหัวแก้วหัวแหวน

แม้พี่ชายสุดที่รักอย่าง “บิ๊กตู่” บอกจะไม่เข้าข้างให้ทำตามกระบวนการขื่อแปบ้านเมือง แต่เห็นกันอยู่ เครือข่ายการตรวจสอบหย่อนยาน ประพฤติตนชนิดเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ เงียบกริบตั้งแต่หัวยันหาง เข้าใจอยู่ว่าเป็นองคาพยพของ คสช.แต่งตั้งมาทั้งสิ้น
              
    งานนี้ไม่ต้องนับคณะกรรมการสอบจริยธรรมของสนช. เองที่เงียบเป็นเป่าสาก เพราะ “พรเพชร วิชิตชลชัย” ประธานสนช. รีบออกมาแถลงข่าวออกแนวปัดป้องไปเรียบร้อยแล้ว

จะผิดข้อกฎหมายหรือไม่ ทำถูกข้อบังคับการประชุมสนช.ตามรัฐธรรมนูญฉบับไหนที่ของไทยเคยมีหรือเปล่าก็ตามแต่ ประเด็นมันอยู่ที่เรื่องของจริยธรรม วันนี้ในเครือข่ายแม่น้ำ 5 สาย มีหลายคนสวมหมวกหลายตำแหน่ง รับเงินเดือนหลายทาง สิ้นเดือนแต่ละทีเศรษฐียังอาย

ข้าราชการที่ดีต้องทุ่มเทแรงกายปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสุขประชาชนให้คุ้มเงินเดือนที่มาจากภาษีคนยาก จะลากิจหรือลาป่วย ส่งใบลาครบหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น การโดดร่มโดยถูกต้องได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ตามที่พรเพชร ออกมาตีตราประทับนั่นต่างหาก ที่เป็นเรื่องน่าละอาย

ถ้าทำไม่ได้ หรือติดธุระต้องไปต่างประเทศบ่อยๆ ก็ลาออกไป แล้วให้คนอื่นมาทำแทนก็ไม่มีใครว่า หากเป็นบริษัทเอกชนทั่วไปพนักงานคนไหนเอะอะลางานๆ คงถูกเจ้านายยืนซองขาวไปนานแล้ว ไม่มีเจ้าของธุรกิจคนไหนให้พนักงานอู้ได้บ่อยๆ เลี้ยงไว้ก็เปลืองข้าวสุก อยู่กินเงินเดือนฟรีจนบริษัทเจ๊ง

แต่นี่คือการบริหารประเทศยิ่งต้องคิดหนักยิ่งกว่า ถ้ายังไม่พิจารณาตัวเอง หน้าด้านหน้าทนอยู่ในตำแหน่งต่อ “บิ๊กตู่” ในฐานะนายกฯรัฐมนตรีเองนั่นแหละจะลำบาก ทั้งทางตรง และทางอ้อม

ในทางตรง คือในราย “บิ๊กติ๊ก” เอง ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเรื่องอื้อฉาว ไล่ตั้งแต่บริษัทรับประมูลงานของลูกชายในค่ายทหาร หรือเรื่องฝายแม่ผ่องพรรณ บางประเด็นยังค้างอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รอวันพิพากษา ยิ่งปล่อยเอาไว้ แผลพุพองจะยิ่งแพร่กระจายเป็นฝีฝังหนองรอวันแตกลุกลามสั่นสะเทือนตำแหน่งท่านผู้นำ

ในทางอ้อม จะถูกเครือข่ายฝ่ายตรงข้ามโจมตีว่าสองมาตรฐาน เป็นพวกเดียวกันยักคิ้วหลิ่วตาเฉื่อยแฉะหูทวนลม แต่พอเป็นฝ่ายตรงข้ามตามล้างตามเช็ด เร่งคดีออกหน้าออกตา โดยเฉพาะเรื่องเรียกค่าโง่ หรือสินไหมจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเครือข่าย ที่กำลังถูกตีกินว่า รัฐบาล คสช.จ่อจะสะสางยึดทรัพย์ด้วย มาตรา 44

การที่รองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ยันคำสั่งยึดทรัพย์เสร็จแล้วตามกระบวนการนั้นมองมุมไหนก็มีแต่เสียกับเสียต่อรัฐบาล หนีไม่พ้นถูกเครือข่ายยิ่งลักษณ์ โต้ และเรียกร้องความเป็นธรรม

เพราะคดีดังกล่าว อยู่ในระหว่างการขอทุเลาคำสั่ง รอผลสรุปจากทางศาลปกครอง แต่รองนายกฯวิษณุ ที่เป็นกูรูกฎหมาย กลับมั่นใจให้ข่าวว่า พร้อมที่จะยึดทรัพย์ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องรอคำสั่งจากศาลในเรื่องการขอทุเลาคำสั่งการทางปกครอง

ยังไงก็ยิ่งหมิ่นเหม่เข้าทางเรียกคะแนนสงสารจากน้ำตาลูกผู้หญิง
           
      และก็ฟันธงไปอีกประเด็นเลยว่า เวทีปรองดองที่กำลังจัดกันที่สภากลาโหมขณะนี้ มีแววลุกเป็นไฟด้วยเรื่องที่ไล่เรียงมา

กลายเป็นว่า ทหารถูกลากเข้าไปสู่การเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง และไม่ใช่ผู้จัดเวทีปรองดองในฐานะคนกลางอีกต่อไปแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์

การประมาทปล่อยให้เกิดปมดราม่าล่อแหลมเวลานี้ ไม่ใช่จะก่อความผิดพลาดใหญ่หลวงในเฉพาะเรื่องมาตรฐานการปราบปรามทุจริต หรือสร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้นกับคนในชาติเท่านั้น แต่จะกระทบอนาคตของ “บิ๊กตู่” ในฐานะแคนดิเดตว่าที่นายกรัฐมนตรีคนต่อไปอีกด้วย หากปล่อยเอาไว้ไม่สะสางจนฝีระเบิด คะแนนนิยมที่นำโด่งจะเริ่มลดลงทีละน้อยจนอาจไม่เหลืออยู่เลยก็ได้

ต่อให้รัฐธรรมนูญฉบับที่เอื้อทหารแค่ไหน หรือมีรัฐธรรมนูญฉบับหนุนนายกฯคนนอกสักกี่ฉบับออกมาประกาศใช้ จะมียุทธศาสตร์ชาติ กำหนดแผนงานสักยี่สิบปี สามสิบปี จะมี ส.ว.ลากตั้งสัก 500 คนเต็มสภาคอยสนับสนุนก็อยู่ไม่ได้ ถ้าแผลทุจริตยังตามหลอกหลอน จนประชาชนขาดความเชื่อมั่นแล้วยังไงซะ “บิ๊กตู่” ไม่มีทางอยู่ต่อได้

ทั้งนี้ ไม่ใช่ทางแก้จะไม่มีเสียเลย โดยขึ้นอยู่กับว่า รัฐบาลจะเลือกเดินหรือไม่ นั่นคือต้องรีบประกาศวันเลือกตั้งให้เร็วที่สุด เพื่อแก้ทางปรับขบวนทัพเพื่อรักษาคะแนนนิยมของคสช. และตัวผู้นำที่มีอยู่เอาไว้ให้ได้มากที่สุด

แต่ถ้าใช้แผนนี้ ต้องไปตอบคำถามคำพูดของรองนายกฯวิษณุ ที่รีบประกาศไปแล้วก่อนเรื่องฉาวโฉ่จะเข้ามะรุมมะตุ้มรัฐบาลที่ว่า “การเลือกตั้งจะไม่เกิดขึ้นเร็วๆนี้” โดยเป็นคำถามที่ตอบยากเเสนยาก เพราะรายละเอียดขั้นตอนมีเป็นกุรุส อีกทั้งมีบางประเด็นที่เหนือการควบคุมที่ต่อให้เป็นนักกฏหมายชั้นเซียน ชั้นอ๋อง ก็ไม่มีวันคาดคะเนระยะเวลาได้ 
                
  ว่ากันจริงๆก็สงสาร “บิ๊กตู่”เหมือนกัน เพราะกว่าจะรู้ว่า มาตรา 44 มีอำนาจล้นฟ้า ใช้ปราบทุจริตได้ แต่สั่งห้ามให้คนไม่ทำทุจริตไม่ได้ ก็แทบจะสายไปแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น