ทนายรวบรวมหลักทรัพย์สำเร็จยื่นประกัน15 นปป.รายละ 1 แสน หลังเมื่อวานยื่นไม่พอ ก่อนศาลทหารอนุญาตประกันตัว พร้อมเงื่อนไขห้ามเคลื่อนไหวการเมือง ออกนอกประเทศ ปล่อยตัวเย็นนี้ และถอนหมายจับ 2 คนที่จับโยงจากขอนแก่นโมเดล ทนายโวยแค่ระแวงแล้วนำเป็นผู้ต้องหา แย้มไม่พอใจ นปช.จึงตั้งกลุ่มใหม่ ซัดผู้มีอำนาจมองแง่ลบป้ายสีว่าเป็นคอมมิวนิสต์ จี้อยากอยู่สภาวะปกติ ต้องเลิกศาลทหาร
วันนี้ (23 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 ส.ค. ที่ศาลทหารกรุงเทพ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากกรณีที่เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางทีมทนายความได้ยื่นเรื่องขอประกันตัว 15 ผู้ต้องหาที่มีความผิดตามมาตรา 209 ตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา ข้อหาการกระทำผิดอั้งยี่ และฝ่าฝืนคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ว่าด้วยการชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน โดยตุลาการศาลทหารได้เห็นชอบอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 15 ราย โดยมีหลักทรัพย์ประกันตัวคนละ 1 แสนบาท แต่ทางทนายความนำหลักทรัพย์มาไม่พอจึงได้ขอเลื่อนตุลาการศาลทหารเพื่อไปรวบรวมหลักทรัพย์ให้เพียงพอนั้น
ในวันนี้นายวิญญัติ ชาติมนตรี พร้อมนายธนเดช พ่วงพูล ทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 15 รายได้นำเอกสารพร้อมเงินสดมายื่นต่อตุลาการศาลทหารอีกครั้งเพื่อขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 15 ราย ประกอบด้วย ด.ต.ศิริรัตน์ มโนรัตน์ อายุ 71 ปี ชาว จ.พัทลุง, นายวีระชัฏฐ์ จันทร์สะอาด อายุ 62 ปี ชาว จ.นนทบุรี, นายประพาส โรจนพิทักษ์ อายุ 67 ปี ชาว จ.ตรัง, นายปราโมทย์ สังหาญ อายุ 63 ปี ชาว จ.สตูล, นายสรศักดิ์ ดิษปรีชา อายุ 49 ปี ชาว กทม., น.ส.มีนา แสงศรี อายุ 39 ปี ชาว กทม., นายศิริฐาโรจน์ จินดา อายุ 56 ปี ชาว จ.หนองคาย, นายชินวร ทิพย์นวล อายุ 71 ปี ชาว จ.เชียงราย, นายณรงค์ ผดุงศักดิ์ อายุ 60 ปี ชาว จ.อ่างทอง, นายศรวัชษ์ กุระจินดา อายุ 60 ปี ชาว จ.มหาสารคาม, นายเหนือไพร เซ็นกลาง อายุ 41 ปี, นายวิเชียร เจียมสวัสดิ์ อายุ 59 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช, นายบุญภพ เวียงสมุทร อายุ 61 ปี ชาว จ.เชียงราย, น.ส.รุจิยา เสาสมภพ อายุ 52 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด, นายวิโรจน์ ยอดเจริญ อายุ 67 ปี ชาว จ.นครศรีธรรมราช
นายวิญญัติกล่าวว่า ทางทีมทนายความได้ยื่นประกันตัว 15 ผู้ต้องหา โดยศาลทหารฯ ได้ตีราคาประกันตัวรายละ 1 แสนบาท ประกอบด้วย โฉนดที่ดินมูลค่า 1 ล้านบาท และเงินสดจำนวน 5 แสนบาท ล่าสุดทางตุลาการศาลทหารได้อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้งหมด โดยมีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง และห้ามแสดงความคิดเห็นทางการเมือง โดยจะมีการปล่อยตัวที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลางในช่วงเย็นวันนี้ (23 ส.ค.)
และมีคำสั่งเพิกถอนหมายจับ ร.ต.ท.สมัย คูณสวัสดิ์ และ ร.ต.ต.หญิง วิไลวรรณ คูณสวัสดิ์ ซึ่งถูกออกหมายจับพร้อมกับผู้ต้องหาทั้ง 15 รายด้วย หลังจากที่ทนายความส่วนตัวได้มายื่นขอถอนหมายจับต่อตุลาการศาลทหาร เนื่องจากไม่มีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน แต่อาจจะเป็นแค่มีความสัมพันธ์กับผู้ต้องหาในคดีขอนแก่นโมเดล ซึ่งเป็นเรื่องที่เห็นว่าหน่วยข่าวหรือเจ้าหน้าที่รัฐเพียงแค่เกิดความระแวงสงสัยก็นำประชาชนไปเป็นผู้ต้องหา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่ากังวล ตนไม่อยากให้เกิดความกังวลแบบนี้ขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะถือเป็นการใช้อำนาจที่ค่อนข้างอันตราย
เมื่อถามว่าทางการข่าวของทหารบอกว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่ม นปป.ที่แยกตัวออกมาจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นายวิญญัติกล่าวว่า คนไม่พอใจกับการบริหารงานของ นปช. มีจำนวนมากหรือน้อยนั้นตนไม่ทราบ แต่คิดว่าถ้ามีก็เป็นเรื่องปกติ เพราะรัฐบาลเองหรือทุกกลุ่มก็ต่างมีคนไม่พอใจเหมือนกัน ตนเข้าใจว่าชื่อกลุ่ม นปป.มาทีหลัง แต่ระบบโครงสร้างการรวมตัวไม่ได้มีรูปแบบเป็นทางการ ลักษณะกลุ่มประชาชนที่อยากรวมกลุ่มที่มีอุดมการณ์เดียวกันหรือคุยเรื่องเดียวกันได้ เหมือนกับกลุ่มในโซเชียลมีเดีย แต่จากการสอบข้อเท็จจริงพฤติการณ์ทั้งหมด ทุกคนก็เห็นว่าแต่ละคนมีอายุค่อนข้างมาก คิดว่าจะไปก่อการอะไรได้ ความคิดทุกคนก็สามารถคิดได้ แต่ทั้งนี้เราจะต้องเข้าสู่กระบวนการต่อไปเพื่อพิสูจน์ และขอความเป็นธรรมต่อเจ้าหน้าที่ เรายอมรับเข้าสู่กระบวนการของศาลทหารฯตามที่ผู้มีอำนาจรัฐระบุไว้ แต่เราก็ไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกว่าประชาชนจะต้องขึ้นศาลทหารฯ
เมื่อถามว่าทางการข่าวระบุว่ากลุ่มคนเหล่านี้เคลื่อนไหวในลักษณะคอมมิวนิสต์ นายวิญญัติกล่าวว่า สิ่งที่กังวลใจที่สุดคือความเห็นของผู้ใหญ่และผู้มีอำนาจ ความเห็นเช่นนี้เป็นความเห็นที่อันตรายและเป็นทัศนคติที่มองประชาชนในแง่ลบ ตนอยากให้คิดแง่บวก ปัจจุบันไม่มีคนเป็นคอมมิวนิสต์แล้ว ตนเชื่อว่าทั้ง 17 คนที่ถูกหมายจับไม่มีใครอยากก่อการแบบนั้น ดังนั้นขอวิงวอนผู้มีอำนาจมองประชาชนในแง่บวก ขอให้ใช้อำนาจระมัดระวังเพื่อให้ประชาชนมีสุข
“พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องพิสูจน์ให้ได้ การเป็นอั้งยี่ต้องเป็นคณะบุคคลมีการจัดตั้งชัดเจนเป็นรูปธรรม และพร้อมดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งที่อาจกระทบความมั่นคงของรัฐ แต่กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้เข้าข่ายตั้งแต่ข้อแรก อย่านำความผิดทางด้านความมั่นคงมากล่าวหาประชาชน และศาลทหารไม่ใช่ศาลที่พลเรือนจะต้องมาขึ้น ดังนั้นเราเห็นว่าประชาชนทุกคนไม่ได้อยู่ในภาวะปกติ ถ้าอยากให้อยู่ในภาวะปกติขอให้ยกเลิกการขึ้นศาลทหารได้แล้ว” นายวิญญัติกล่าว