ผู้จัดการรายวัน 360- "บิ๊กป้อม" สั่งปลัดกลาโหม ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง "อุทยานราชภักดิ์" อีกชุด "บิ๊กโด่ง" ยันทุกอย่างโปร่งใส นายกฯวอนหยุดขุดคุ้ย อ้างจะไปเข้าทางฝ่ายตรงข้าม "ณัฐวุฒิ" จับพิรุธ "องค์พระนารายณ์มหาราช" ชำรุดง่าย ด้าน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งย้าย ผบช.ส. มาปฎิบัติราชการ ศปก.ตร. ส่วนทหารพระธรรมนูญ เข้าพบ รอง ผบ.ตร. เสนออนุมัติหมายจับเพิ่มคดี 112
วานนี้ (24 พ.ย.) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง โครงการอุทยานราชภักดิ์ฉาว ว่า จากการสอบสวนของกองทัพบกโดยพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในภาพรวมไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด แต่อาจมีความเข้าใจที่หลากหลาย ตามที่มีกระแสข่าวในสังคม ซึ่งเรื่องนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหมไปตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกชุด เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม
ส่วนประเด็นการหักหัวคิวของโรงหล่อองค์บูรพกษัตริย์นั้น เป็นเรื่องของภาคเอกชน หากมีผู้เสียหาย หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถดำเนินการตามกระบวนการสอบสวน และข้อกฎหมายได้ ดังนั้น ขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจในการทำงานของกระทรวงกลาโหม
เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะตรวจสอบไปถึง อดีต ผบ.ทบ. ด้วยหรือไม่ พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนคณะกรรมการได้ ต้องรอให้คณะกรรมการได้ทำงานก่อน ส่วนใครจะเป็นประธานในการตรวจสอบ จะมีการแถลงให้ทราบอีกครั้ง
" ยืนยันว่าไม่มีการฮั้ว เพราะการดำเนินการทุกอย่าง พยายามทำให้ประเด็นต่างๆ คลี่คลาย ไม่มีการปกป้อง และช่วยเหลือกันแน่นอน และไม่ได้เป็นการดึงเกมของกระทรวงกลาโหม ดังนั้นขอความกรุณาสื่อมวลชน รอผลการสอบสวนก่อน อย่าเพิ่งไปขยายความ " พล.ต.คงชีพ กล่าว
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่าโครงการนี้ต้องเดินต่อให้เสร็จสมบูรณ์ เพียงแต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเมื่อถามว่า ทำไมอดีต ผบ.ทบ. ที่เกี่ยวข้องกับโครงการมาโดยตลอด ไม่ยอมออกมาชี้แจงต่อประชาชน พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า หากผลสอบขั้นต้นออกมาว่า มีความผิดทางวินัย ก็สามารถดำเนินการได้ทันที แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย หรือผิดกฎหมายอาญา ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายอาญา โดยไม่มีการละเว้น
**ส่งสัญญาณไม่ต้องสอบ"บิ๊กโด่ง"
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึง การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า เป็นเรื่องการสอบตัวบุคคลในส่วนของทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับพลเรือน ถ้าเกี่ยวกับพลเรือน จะส่งให้ ป.ป.ช.
เมื่อถามว่าการสอบสวนจะรวมไปถึง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อาจไม่จะถึง ต้องรอคณะกรรมการตรวจสอบก่อน
เมื่อถามว่าการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกันเอง จะทำให้เกิดข้อสงสัยจากภายนอกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ตั้งขึ้นเพราะมีข้อสงสัยจากภายนอก แล้วเรื่องแบบนี้จะไปช่วยได้อย่างไร
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คงเป็นไม่ได้ เพราะพล.อ.ปรีชา มาจากกองทัพบก และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ด้วย
ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. กล่าวถึงปัญหาของโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า ทุกอย่างเรียบร้อย โปร่งใส ส่วนขั้นตอนต่อไป ถ้าจะมีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีก ก็ต้องรอคณะกรรมการดำเนินการตามขั้นตอนก่อน แต่ในส่วนการตรวจสอบของกองทัพบกที่มี พล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เป็นประธานนั้น ได้ตรวจสอบเรียบร้อยไปแล้ว ส่วนการดำเนินการโครงการที่ยังค้างคาอยู่ ได้มอบให้โฆษกกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ชี้แจง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอร้องอย่าไปขยายกันมากนักเลย เพราะจะกลายเป็นเครื่องมือให้กับอีกพวกหนึ่ง ตนยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างใคร ไม่ได้ปกปิดใคร ขอให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่เริ่มมาจากคนใกล้ชิดสถาบันฯ มาหลอกลวงคนข้างนอก ตนถามว่าทุกคนหรือเปล่า มันก็ไม่ใช่
วันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีกระดับหนึ่ง ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบทั้งของกองทัพ และ กลาโหม ดังนั้นก็จบได้แล้ว คณะกรรมการป.ป.ช., สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ต้องสอบต่ออยู่แล้ว ไม่ต้องกลัว
"ผมไม่ต้องการแก้แค้นใคร พอได้แล้ว เพราะเกี่ยวข้องกับ มาตรา 112 ด้วย เดี๋ยวต่างชาติไม่เข้าใจ ก็ไปกันใหญ่ ผมห่วงกฎหมายเรา อันนี้มีไว้ปกป้องพระองค์ท่าน แต่คนเอามาใช้ประโยชน์ก็เรื่องของคน ท่านก็ทรงรับสั่งมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิด หรือคนต่างๆ หากทำความผิด ก็ต้องถูกลงโทษ " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ปกปิดใครอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการหลายพันโครงการของกองทัพบก และเป็นหนึ่งในหลายพันโครงการของกระทรวงกลาโหม อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเดียว กลายเป็นว่าเหมาเป็นเรื่องกองทัพบก และกลาโหม มันไม่ใช่
** ตั้งข้อสังเกต"องค์พระนารายณ์"ชำรุดง่าย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การมอบหมายกระทรวงกลาโหม ตรวจสอบเรื่องนี้ซ้ำ มีแต่จะทำให้ประชาชนอึดอัด และไม่ไว้วางใจกระบวนการของรัฐบาลมากขึ้น
ล่าสุดเรื่องการใช้วัสดุในการจัดสร้าง ซึ่งกังวลกันว่า เมื่อมีการเรียกรับหัวคิวก็เป็นไปได้สูง ที่ผู้รับจ้างจะลดคุณภาพวัสดุ ส่งผลกระทบต่อความสง่างามและคงทนถาวร ของพระบรมราชานุสาวรีย์หรือไม่ ดังเช่น กรณีขนย้ายองค์รูปหล่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จาก จ.ลพบุรี เมื่อ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา แล้วเกิดการชำรุดบริเวณแขนด้านขวา ทั้งๆ ที่ใช้เครน 2 ตัว ตัวหนึ่งยกได้ 120 ตัน ส่วนอีกตัวยกได้ 50 ตัน ขณะที่องค์รูปหล่อมีน้ำหนักเพียง 40 ตัน เท่านั้น
**เด้งผบช.ส.-จ่อหมายจับเพิ่ม
วานนี้ ( 24 พ.ย.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 679/2558 ให้ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.2558 และให้ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ผบช.ส.
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า มีกระแสข่าวแพร่สะพัดจะมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) มาปฏิบัติราชการ ศปก.ตร.ด้วย ทั้งนี้ ยังไม่มีการระบุสาเหตุในการออกคำสั่งย้ายครั้งนี้แต่อย่างใด
นอกจากนี้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไฟ นายทหารพระธรรมนูญ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันฯ ที่สำนักงาน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. โดยทาง พ.อ.บุรินทร์ กล่าวว่า จะมีการเสนอให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 เพิ่มเติม แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีใครบ้าง จำนวนกี่ราย
วานนี้ (24 พ.ย.) พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง โครงการอุทยานราชภักดิ์ฉาว ว่า จากการสอบสวนของกองทัพบกโดยพล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. ในภาพรวมไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด แต่อาจมีความเข้าใจที่หลากหลาย ตามที่มีกระแสข่าวในสังคม ซึ่งเรื่องนี้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหมไปตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงขึ้นมาอีกชุด เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม
ส่วนประเด็นการหักหัวคิวของโรงหล่อองค์บูรพกษัตริย์นั้น เป็นเรื่องของภาคเอกชน หากมีผู้เสียหาย หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถดำเนินการตามกระบวนการสอบสวน และข้อกฎหมายได้ ดังนั้น ขอให้เชื่อมั่น และมั่นใจในการทำงานของกระทรวงกลาโหม
เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดดังกล่าวจะตรวจสอบไปถึง อดีต ผบ.ทบ. ด้วยหรือไม่ พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนคณะกรรมการได้ ต้องรอให้คณะกรรมการได้ทำงานก่อน ส่วนใครจะเป็นประธานในการตรวจสอบ จะมีการแถลงให้ทราบอีกครั้ง
" ยืนยันว่าไม่มีการฮั้ว เพราะการดำเนินการทุกอย่าง พยายามทำให้ประเด็นต่างๆ คลี่คลาย ไม่มีการปกป้อง และช่วยเหลือกันแน่นอน และไม่ได้เป็นการดึงเกมของกระทรวงกลาโหม ดังนั้นขอความกรุณาสื่อมวลชน รอผลการสอบสวนก่อน อย่าเพิ่งไปขยายความ " พล.ต.คงชีพ กล่าว
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่าโครงการนี้ต้องเดินต่อให้เสร็จสมบูรณ์ เพียงแต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเมื่อถามว่า ทำไมอดีต ผบ.ทบ. ที่เกี่ยวข้องกับโครงการมาโดยตลอด ไม่ยอมออกมาชี้แจงต่อประชาชน พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้
พล.ต.คงชีพ กล่าวว่า หากผลสอบขั้นต้นออกมาว่า มีความผิดทางวินัย ก็สามารถดำเนินการได้ทันที แต่ถ้าเกี่ยวข้องกับข้อกฎหมาย หรือผิดกฎหมายอาญา ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายอาญา โดยไม่มีการละเว้น
**ส่งสัญญาณไม่ต้องสอบ"บิ๊กโด่ง"
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึง การตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ว่า เป็นเรื่องการสอบตัวบุคคลในส่วนของทหารที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับพลเรือน ถ้าเกี่ยวกับพลเรือน จะส่งให้ ป.ป.ช.
เมื่อถามว่าการสอบสวนจะรวมไปถึง พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อาจไม่จะถึง ต้องรอคณะกรรมการตรวจสอบก่อน
เมื่อถามว่าการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกันเอง จะทำให้เกิดข้อสงสัยจากภายนอกหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ตั้งขึ้นเพราะมีข้อสงสัยจากภายนอก แล้วเรื่องแบบนี้จะไปช่วยได้อย่างไร
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะให้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวน พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า คงเป็นไม่ได้ เพราะพล.อ.ปรีชา มาจากกองทัพบก และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ด้วย
ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และอดีต ผบ.ทบ. กล่าวถึงปัญหาของโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า ทุกอย่างเรียบร้อย โปร่งใส ส่วนขั้นตอนต่อไป ถ้าจะมีคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบอีก ก็ต้องรอคณะกรรมการดำเนินการตามขั้นตอนก่อน แต่ในส่วนการตรวจสอบของกองทัพบกที่มี พล.อ.วีรัณ ฉันทศาสตร์โกศล เป็นประธานนั้น ได้ตรวจสอบเรียบร้อยไปแล้ว ส่วนการดำเนินการโครงการที่ยังค้างคาอยู่ ได้มอบให้โฆษกกระทรวงกลาโหม เป็นผู้ชี้แจง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ขอร้องอย่าไปขยายกันมากนักเลย เพราะจะกลายเป็นเครื่องมือให้กับอีกพวกหนึ่ง ตนยืนยันว่าไม่ได้เข้าข้างใคร ไม่ได้ปกปิดใคร ขอให้มองว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่เริ่มมาจากคนใกล้ชิดสถาบันฯ มาหลอกลวงคนข้างนอก ตนถามว่าทุกคนหรือเปล่า มันก็ไม่ใช่
วันนี้ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนอีกระดับหนึ่ง ซึ่งมีการตั้งคณะกรรมการสอบทั้งของกองทัพ และ กลาโหม ดังนั้นก็จบได้แล้ว คณะกรรมการป.ป.ช., สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ต้องสอบต่ออยู่แล้ว ไม่ต้องกลัว
"ผมไม่ต้องการแก้แค้นใคร พอได้แล้ว เพราะเกี่ยวข้องกับ มาตรา 112 ด้วย เดี๋ยวต่างชาติไม่เข้าใจ ก็ไปกันใหญ่ ผมห่วงกฎหมายเรา อันนี้มีไว้ปกป้องพระองค์ท่าน แต่คนเอามาใช้ประโยชน์ก็เรื่องของคน ท่านก็ทรงรับสั่งมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนใกล้ชิด หรือคนต่างๆ หากทำความผิด ก็ต้องถูกลงโทษ " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ปกปิดใครอยู่แล้ว ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการหลายพันโครงการของกองทัพบก และเป็นหนึ่งในหลายพันโครงการของกระทรวงกลาโหม อันนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเดียว กลายเป็นว่าเหมาเป็นเรื่องกองทัพบก และกลาโหม มันไม่ใช่
** ตั้งข้อสังเกต"องค์พระนารายณ์"ชำรุดง่าย
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า การมอบหมายกระทรวงกลาโหม ตรวจสอบเรื่องนี้ซ้ำ มีแต่จะทำให้ประชาชนอึดอัด และไม่ไว้วางใจกระบวนการของรัฐบาลมากขึ้น
ล่าสุดเรื่องการใช้วัสดุในการจัดสร้าง ซึ่งกังวลกันว่า เมื่อมีการเรียกรับหัวคิวก็เป็นไปได้สูง ที่ผู้รับจ้างจะลดคุณภาพวัสดุ ส่งผลกระทบต่อความสง่างามและคงทนถาวร ของพระบรมราชานุสาวรีย์หรือไม่ ดังเช่น กรณีขนย้ายองค์รูปหล่อสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จาก จ.ลพบุรี เมื่อ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา แล้วเกิดการชำรุดบริเวณแขนด้านขวา ทั้งๆ ที่ใช้เครน 2 ตัว ตัวหนึ่งยกได้ 120 ตัน ส่วนอีกตัวยกได้ 50 ตัน ขณะที่องค์รูปหล่อมีน้ำหนักเพียง 40 ตัน เท่านั้น
**เด้งผบช.ส.-จ่อหมายจับเพิ่ม
วานนี้ ( 24 พ.ย.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ลงนามในคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 679/2558 ให้ พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) มาปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ย.2558 และให้ พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้ช่วย ผบ.ตร.รักษาราชการแทน ผบช.ส.
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า มีกระแสข่าวแพร่สะพัดจะมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) มาปฏิบัติราชการ ศปก.ตร.ด้วย ทั้งนี้ ยังไม่มีการระบุสาเหตุในการออกคำสั่งย้ายครั้งนี้แต่อย่างใด
นอกจากนี้ พ.อ.บุรินทร์ ทองประไฟ นายทหารพระธรรมนูญ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางเข้าพบคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันฯ ที่สำนักงาน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร. โดยทาง พ.อ.บุรินทร์ กล่าวว่า จะมีการเสนอให้พนักงานสอบสวนขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา112 เพิ่มเติม แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีใครบ้าง จำนวนกี่ราย
