xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ตร.เผยสัปดาห์หน้ากองปราบเตรียมส่งสำนวน “เสธ.โจ้ หมิ่นเบื้องสูง”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


MGR Online - ผบ.ตร. เผย กองปราบเตรียมส่งสำนวนคดีหมิ่นเพิ่มอีก 3 สำนวน มี เสธ.โจ้ ร่วมอยู่ด้วย คาด จะดำเนินได้สัปดาห์หน้า ด้าน พล.ต.ท.ศรีวราห์ รรท. รอง ผบ.ตร. หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นเบื้องสูง นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบันฯ อีก 5 สำนวน ส่งที่กองคดีอาญา

วันนี้ (20 พ.ย.) ที่กองคดีอาญา สำนักกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รรท. รอง ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบันฯ 5 สำนวน โดยมี พ.ต.อ.มนัส ศิกษมัต รักษาราชการแทนผู้บังคับการกองคดีอาญา สำนักงานกฎหมายและคดี เป็นผู้รับมอบสำนวน

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ได้นำสำนวนคดีแอบอ้างสถาบันฯ เรียกรับผลประโยชน์จำนวน 5 สำนวน ได้แก่ สำนวนคดีเลขที่ 103-107/2558 มีผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง และ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ อาร์ท คนสนิทของนายสุริยัน กระทำความผิดในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ มาส่งให้กองคดีอาญาฯ พิจารณากลั่นกรองและเสนอความเห็นไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เห็นชอบอนุมัติ ทั้งนี้ แต่ละสำนวนเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระ โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง นายจิรวงศ์ ซึ่งได้รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา ส่วน นายสุริยัน ได้ถึงแก่ความตายอันเป็นเหตุให้สิทธินำคดีอาญามาฟ้องระงับไป อย่างไรก็ตาม พนักงานสอบสวนมั่นใจในพยานหลักฐานว่าสามารถสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้

พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ทั้ง 5 สำนวนนี้ มีลักษณะความผิดคล้ายกับสำนวนแรกที่ส่งไปให้พนักงานอัยการศาลทหารเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา คือ เป็นความผิดเกี่ยวกับการแอบอ้างสถาบันฯ เรียกรับผลประโยชน์ แต่ไม่เหมือนกันทั้งหมด เพราะเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระต่างเรื่องกัน มีที่เกิดเหตุ 5 แห่ง คือ กทม. 2 สำนวน จ.อยุธยา 1 สำนวน และ จ.สมุทรปราการ 2 สำนวน ทำให้ขณะนี้สำนวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบของตนเหลืออีก 7 สำนวน เชื่อว่า ไม่น่าเกินสิ้นเดือน พ.ย. นี้ จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ขณะนี้รอผลการตรวจสอบในด้านเทคนิคต่าง ๆ เช่น การพิสูจน์เลขทะเบียนปืนว่าตอกหรือไม่ มีการสวมทะเบียนหรือไม่ เป็นต้น ส่วนอีก 3 สำนวนที่ทางกองทัพฟ้องมาใหม่นั้น อยู่ที่กองบังคับการปราบปราม ยังไม่มีคำสั่งให้ตนรับผิดชอบ สำหรับผู้ต้องหาที่ปรากฏในสำนวนมีเพียงเท่านี้

ส่วนการตรวจสอบโครงการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า หากการตรวจสอบของคณะกรรมการของทางกองทัพ ไม่พบความผิด ก็คงต้องเป็นไปตามนั้นก่อน เพราะคดีนี้ต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งจนถึงขณะนี้ทางกองทัพยังไมได้เข้ามาร้องทุกข์กับตำรวจ รวมทั้งยังไม่มีประชาชนเข้ามาร้องทุกข์เช่นกัน

ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวว่า ได้รับรายงานจาก พล.ต.ต.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ว่า จะส่งสำนวนคดี 112 อีก 3 สำนวน ซึ่งมี พ.อ.คชาชาต บุญดี หรือ เสธ.โจ้ เป็นหนึ่งในผู้ต้องหาให้ตน คาดว่า คงดำเนินการในสัปดาห์หน้า จากนั้นตนจะได้ส่งให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ชุดที่มี พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณ์กุล รรท. รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้า ไปทำการสอบสวนทันที

สำหรับการติดตามตัว พ.อ.คชาชาต นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ชุดสืบสวนดำเนินการติดตามตัวอยู่ ก็มีข่าวที่ทราบกันว่า หลบหนีไปออกจากประเทศไปชายแดนทาง จ.ตาก ยอมรับว่า มีการตรวจสอบว่าหลบหนีไปอยู่กับชนกลุ่มน้อยตามแนวชายแดนหรือไม่ เพราะเป็นนายทหารที่ทำงานในพื้นที่ภาค 3 มานาน ย่อมมีความคุ้นเคยพื้นที่ ส่วนตัวรู้จักกับ พ.อ.คชาชาต ในสมัยที่ยังรับราชการ เคยพบเจอกัน แต่การเดินทางไป จ.แม่ฮ่องสอน ของตน เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ตนไปราชการเรื่องของกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 2 ตรวจเยี่ยมตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจรถไฟ และตำรวจภูธรภาค 5 จ.เชียงใหม่

จึงได้สอบถามทางภาค 5 ว่า มีโรงพักไหนที่อยู่กันลำบาก กันดารบ้าง จึงทราบว่า มี สภ.เสาหิน อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน อยู่ จึงใช้เฮลิคอปเตอร์บินไปตรวจเยี่ยม พบว่า อยู่กันลำบาก การเดินทางไปก็ลำบาก ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องใช้ระบบพลังงานโซลาร์เซลล์ ตนไปเห็นว่าแบตเตอรี่ที่ใช้สร้างกระแสไฟ ซึ่งต่อพ่วงกันกับแผงโซลาร์เซลล์ ก็เสื่อมสภาพแล้ว จึงสั่งจัดซื้อให้ไปโดยด่วนแล้ว เป็นการเดินทางไปตรวจเยี่ยมผู้ใต้บังคับบัญชา
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น