ผู้จัดการรายวัน360 - "บิ๊กหมู" แถลงเองผลสอบ “อุทยานราชภักดิ์” นัดวันนี้ 11 โมงที่ บก.ทบ. แม่ทัพภาคที่ 3 ยันยังจับ "ผู้การโจ้" ไม่ได้ “ไก่อู” จวกเพื่อไทยน่าละอายโยงจำนำข้าว ด้าน “ศรีวราห์” ระบุยังไม่มีคนร้องทุกข์ปมอุทยานฯ คาดออกหมายจับคดี ม.112 เพิ่มเร็วๆ นี้ ทหารบุกเคเบิล “ฟ้าให้” หลังปล่อย “เสรีพิศุทธิ์” วิจารณ์ คสช. สั่งดำเนินคดี 8 รายรวมอดีต ผบ.ตร. “เพื่อไทย” ถล่มต่อเนื่องออกแถลงการณ์ซัด “บิ๊กป้อม” ปัดความรับผิดปม "ราชภักดิ์" ไม่ได้ แฉเอกสารลายเซ็นเห็นชอบโครงการฯ
วานนี้ (19 พ.ย.) ที่ฝูงเครื่องบินกองการบิน กรมการขนส่งทหารบก พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการอุทธยานราชภักดิ์ ที่จะครบกำหนดระยะเวลา 7 วัน ในวันที่ 20 พ.ย.นี้ โดยกล่าวเพียงสั้นๆก่อนขึ้นเครื่องบินออกเดินทางไปตรวจเยี่ยมกองทัพภาคที่ 2 ว่า “ขอให้รอวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.)” ทั้งนี้ พล.อ.ธีรชัย ยังปฏิเสธที่จะตอบคำถามถึงกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสามารถควบคุมตัว พ.อ.คชาชาต บุญดี หรือ ผู้การโจ้ อดีตนายทหารเสนาธิการประจำกองทัพภาคที่ 3 ซึ่งถูกออกหมายจับในคดีฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้ที่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา จ.แม่ฮ่องสอน ด้วย
** ปัดข่าวรวบ “ผู้การโจ้” ได้แล้ว
ด้าน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ขณะนี้ผลการตรวจสอบโครงการดังกล่าวอยู่ที่พล.อ.ธีรชัยแล้ว ซึ่ง พล.อ.ธีรชัยจะแถลงรายละเอียดที่คณะกรรมการตรวจสอบได้รายงานด้วยวาจาให้สื่อมวลชนรับทราบในวันที่ 20 พ.ย.นี้ เวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน ซึ่ง ผบ.ทบ.จะอธิบายขั้นตอนการตรวจสอบด้วยตนเอง
ขณะที่ พล.ท.สมศักดิ์ นิลบรรเจิดกุล แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจับกุม พ.อ.คชาชาต ได้แล้วว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว แต่ได้ประสานไปยังคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่นของไทยกับเมียนมา เพื่อให้เร่งดำเนินการตามจับกุม พ.อ.คชาชาต ต่อไป โดยยังไม่มีความคืบหน้า จึงขอยืนยันว่า ขณะนี้ยังจับตัว พ.อ.คชาชาตไม่ได้
** “สรรเสริญ” ซัด “เพื่อไทย” ตีกิน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับว่าไม่ว่าผลสอบจะออกมาเป็นเช่นไรทุกฝ่ายจะต้องยอมรับ หากมีการพาดพิงถึงบุคคล หรือฝ่ายใด ผู้ถูกพาดพิงก็ต้องรับผิดชอบตามกระบวนการทางกฎหมายหรือทางวินัยต่อไป อยากเตือนผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลจากจินตนาการของตัวเอง ซึ่งพาดพิงบุคคลหรือองค์กรต่างๆว่า ควรยุติพฤติกรรมนั้นเสีย เพราะอาจถูกฟ้องร้องฐานหมิ่นประมาทหรือล่วงละเมิดได้
“กลุ่มการเมืองที่พยายามเอาไปเปรียบกับคดีรับจำนำข้าวว่า รัฐบาลหรือผู้นำรัฐบาลต้องรับผิดชอบเหมือนกัน ถือว่าไม่ได้ใช้หลักเหตุและผลที่ถูกต้องแม้แต่น้อย โครงการจำนำข้าวนั้น ทั้งริเริ่ม ดำเนินการ และเชื่อว่าเกิดความเสียหายภายใต้การปฏิบัติของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ขณะที่โครงการอุทยานราชภักดิ์ รัฐบาลมิได้เป็นผู้ริเริ่ม จึงมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อยากขอร้องว่า อย่าพยายามโยงทุกเรื่องที่เกิดขึ้นเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางการเมือง เพราะจะทำให้หลักเหตุและผลของสังคมผิดเพี้ยน เป็นตัวอย่างที่น่าละอายสำหรับเยาวชนที่ติดตามอ่านข้อมูล” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
** ออกหมายจับ “อาท” อีก 5 คดีรวด
พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยความคืบหน้าคดีหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ในฐานะในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือคดีหมิ่นเบื้องสูง เปิดเผยว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับ นายจิรวงศ์ วัฒนเทวาศิลป์ หรือ อาท เลขาคนสนิทของ นายสุริยัน สุจริตพลวงศ์ หรือ หมอหยอง จำนวน 5 หมาย ใน 5 สำนวน ในความผิดฐานหมิ่นสถาบันเบื้องสูง และคาดว่าจะมีการออกหมายจับผู้กระทำความผิดเพิ่มเติมได้เร็วๆนี้
ขณะที่การสอบสวนคดีทุจริตการจัดสร้างอุทยานราชภักดิ์ นั้น พล.ต.ท.ศรีวราห์ กล่าวว่า ยังไม่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด พร้อมระบุได้มีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองทัพบก หน่วยข่าวกรอง และส่งชุดติดตามตัว พ.อ.คชาชาติ แต่ขอยืนยันไม่มีการรับมอบตัว พ.อ.คชาชาติ แต่อย่างใด
** ทหารบุกเคเบิล “ฟ้าให้” วิจารณ์ คสช.
วันเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 พ.ย.ที่ผ่านมา พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คสช. พร้อมด้วย พ.อ.นรินทรักษ์ เชษฐศิริ รองกองพันทหารสื่อสารที่ 1 รักษาพระองค์ (รอง ผบ.ส.1) ได้นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุโทรทัศน์ ฟ้าให้ทีวี (Fahai TV) ที่ตั้งอยู่ใน จ.นนทบุรี โดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เม.ย.58 ประกอบรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2557 มาตรา 44 ภายหลังตรวจสอบพบว่า มีการออกอากาศรายการทีวีมีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานี
จากการตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบ น.ส.พรทิพา สุพัฒนุกุล หรือดีเจฟ้า อายุ 43 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของช่องรายการดังกล่าว จึงเข้าตรวจสอบภายในบริเวณพบอุปกรณ์ต่างๆที่ใช้ในการออกอากาศรวม 44 รายการ และเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบใบอนุญาตฯ แต่ทางเจ้าของช่องรายการไม่สามารถนำมาแสดงได้ เบื้องต้นได้พิจารณาดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 8 ราย โดยเป็นนิติบุคคล 1 ราย ประกอบด้วย 1.บริษัท ฟ้าคุ้ม จำกัด 2. น.ส.พรทิพา 3. นายชัยวัฒน์ จันทร์เต็ม 4. นายขุนน้ำ เนรัญชรา 5. นายณรงค์ฤทธิ์ ภู่ทวี 6. นายวริศ อาคำ 7. นายปัณณธร รัตน์ภูริเดช หรือดีเจปันปัน และ 8. พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.
** ออกหมายเรียก “เสรีพิศุทธิ์”
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ 6 ราย เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันกระทำให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร โดยคงเหลือเพียง นายปัณณธร และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่ยังไม่สามารถจับกุมได้ ภายหลังมีการส่งตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางทั้งหมดมาให้พนักงานสอบสวนสอบปากคำและดำเนินคดี ทางผู้ต้องหาได้ยื่นเรื่องขอประกันตัวในชั้นสอบสวนโดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดรายละ 20,000 บาท ซึ่งได้รับอนุญาตให้ประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 2 รายนั้น ทางเจ้าหน้าที่ทหารได้ประสานกับทางตำรวจเพื่อออกหมายเรียกเชิญตัวมาสอบสวนดำเนินคดีแล้ว
ด้าน น.ส.พรทิพา หรือดีเจฟ้า เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ได้มีผู้ใหญ่ที่รู้จักซึ่งตนให้ความเคารพนับถือได้ขอใช้สถานีดังกล่าวจัดรายการ “เสียงเสรี” มาระยะหนึ่ง ซึ่งตนก็ยินดีให้ดำเนินการ แต่ก็เคยขอร้องให้ยุติไป แต่ก็ยังพบว่ามีการออกอากาศตามปกติจนเกิดปัญหา ช่วงที่มีการออกอากาศรายการซึ่งมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดจนถูกดำเนินคดีในครั้งนี้ ตนไม่ได้อยู่ที่สถานีและไม่มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องใดๆ นอกจากนี้ยังได้แจ้งถึงผู้ใหญ่ที่เคารพขอให้ระงับการถ่ายทำและออกอากาศรายการด้วยซ้ำ
** พท.กระทุ้ง “ราชภักดิ์” อีกรอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีทุจริตอุทยานราชภักดิ์เป็นฉบับที่ 2 โดยมีเนื้อหาระบุว่า ที่ผ่านมาบุคคลระดับสูงของรัฐบาลหลีกเลี่ยงและปฏิเสธความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของกองทัพบก ทั้งที่โครงการนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงกลาโหมตามหนังสือด่วนที่สุดที่ กห 0207/761 ลงวันที่ 30 พ.ค.58 และหนังสือด่วนที่สุดที่ นร 0505/19102 ลงวันที่ 3 มิ.ย.58 ดังนั้นโครงการอุทยานราชภักดิ์จึงอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐบาลมาแต่ต้นภายใต้ความเห็นชอบของ ครม.
“การที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ซึ่งเป็นผู้ลงนามนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม.จะอ้างว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาลไม่ได้เป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบโดยแท้” แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า โครงการนี้ก่อสร้างบนที่ดินของกองทัพบกอันเป็นทรัพย์สินของทางราชการ และเปิดรับบริจาคในนามของกองทัพบก จึงถือว่าเป็นการรับบริจาคในนามของทางราชการ และเงินบริจาคเป็นทรัพย์สินของราชการ เมื่อมีการทุจริตเกิดขึ้นอันเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมายอาญา จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องเร่งรัดหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ การที่ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ยอมรับว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์จากการดำเนินโครงการจริง แต่ได้นำเงินดังกล่าวไปบริจาคแล้ว ก็เป็นการยอมรับว่ามีการกระทำความผิดต่อกฎหมายอาญา ทั้งนี้ขอให้รัฐบาลดำเนินการเรื่องนี้อย่างเปิดเผย โปร่งใสโดยด่วน.