เมื่อวานนี้( 24 พ.ย.) ที่ศาลทหารกรุงเทพ เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ได้คุมตัว นายอะเด็ม คาราดัก หรือ นายบิลาล โมฮัมเหม็ด และนายเมียไรลี ยูซุฟู 2 ผู้ต้องหาคดีระเบิด สี่แยกราชประสงค์ และ ท่าเรือสาทร จากเรือนจำชั่วคราวแขวงถนนนครไชยศรี มณฑลทหารบกที่ 11 มายังศาลทหารกรุงเทพ
นายชูชาติ กันภัย ทนายความส่วนตัวของนายอาเดม เปิดเผยว่าอัยการศาลทหารได้พิจารณาสั่งฟ้องนายอาเดม เป็นจำเลยที่ 1 และ นายเมียไรลี เป็นจำเลยที่ 2 ใน 10 ข้อหา ประกอบ 1. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่ออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และใช้วัตถุระเบิดในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น 2. ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร 3. ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิด 4. ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 5. ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้ รับอันตรายสาหัส ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและทรัพย์ของผู้อื่น 6.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 7. ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ 8. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง 9. ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ10. เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
หลังรับทราบข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ขึ้นรถควบคุมกลับไปควบคุมตัวต่อที่เรื่อนจำชั่วคราวแขวงนครชัยศรี ตามเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางอัยการได้ส่งสำนวนฟ้องในคดีนี้เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยวานนี้ ทางศาลได้นำตัว นายอะเด็ม และ นายยูซุฟู สอบถามในการใช้ลาม ว่าจะใช้ล่ามภาษาอังกฤษ หรือจะใช้ลามตุรกี หลังจากได้ล่ามแล้ว ทางศาลจะนัดผู้ต้องหาทั้งสองมาให้การ ก่อนที่จะนัดสืบพยานต่อไป
นายชูชาติ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากการพิจารณาของศาลว่า ทางศาลทหาร ไม่ได้สอบคำให้การของจำเลยทั้งสองว่า จะรับหรือ ปฏิเสธข้อกล่าวหา เนื่องจากมีอุปสรรคในเรื่องของล่ามการแปลภาษา เพราะจำเลยที่ 1 ไม่สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีพอ ดังนั้น ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำร้องเพื่อตั้งนายเดวิด เป็นล่ามแต่จำเลยที่ 1 คัดค้าน ส่วนจำเลยที่ 2 ยอมรับล่ามคนดังกล่าว ทั้งนี้ ทางจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งล่ามชื่อ นายบัคคาดีร็อก ซีโรจิดินส์ ชาวอุซเบกิสถาน เพราะสามารถสื่อสารภาษาที่จำเลยที่ 1 เข้าใจได้ แต่ทางอัยการขอคัดค้านคนดังกล่าว เพราะยังไม่รู้ประวัติที่มาที่ไป
ทั้งนี้ ตนในฐานะทนายของจำเลยที่ 1 จึงได้แถลงต่อศาลว่า จะยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันนี้เกี่ยวกับความเป็นมาของล่ามชาวอุซเบฯ เพื่อการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็ว ทางศาลจะนัดจำเลยทั้ง 2 มาสอบคำให้การในวันที่ 16 ก.พ 59 ในเวลา 08.30 น.
นายชูชาติ กันภัย ทนายความส่วนตัวของนายอาเดม เปิดเผยว่าอัยการศาลทหารได้พิจารณาสั่งฟ้องนายอาเดม เป็นจำเลยที่ 1 และ นายเมียไรลี เป็นจำเลยที่ 2 ใน 10 ข้อหา ประกอบ 1. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่ออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครอง และใช้วัตถุระเบิดในการกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่น 2. ร่วมกันพาอาวุธไปในเมืองโดยไม่มีเหตุสมควร 3. ร่วมกันพยายามกระทำให้เกิดระเบิด 4. ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 5. ร่วมกันกระทำให้เกิดระเบิด จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้ รับอันตรายสาหัส ได้รับอันตรายแก่ร่างกายและทรัพย์ของผู้อื่น 6.ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน 7. ร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ 8. ร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง 9. ร่วมกันมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ10. เป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
หลังรับทราบข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ขึ้นรถควบคุมกลับไปควบคุมตัวต่อที่เรื่อนจำชั่วคราวแขวงนครชัยศรี ตามเดิม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางอัยการได้ส่งสำนวนฟ้องในคดีนี้เมื่อวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยวานนี้ ทางศาลได้นำตัว นายอะเด็ม และ นายยูซุฟู สอบถามในการใช้ลาม ว่าจะใช้ล่ามภาษาอังกฤษ หรือจะใช้ลามตุรกี หลังจากได้ล่ามแล้ว ทางศาลจะนัดผู้ต้องหาทั้งสองมาให้การ ก่อนที่จะนัดสืบพยานต่อไป
นายชูชาติ ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากการพิจารณาของศาลว่า ทางศาลทหาร ไม่ได้สอบคำให้การของจำเลยทั้งสองว่า จะรับหรือ ปฏิเสธข้อกล่าวหา เนื่องจากมีอุปสรรคในเรื่องของล่ามการแปลภาษา เพราะจำเลยที่ 1 ไม่สามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดีพอ ดังนั้น ฝ่ายโจทก์ได้ยื่นคำร้องเพื่อตั้งนายเดวิด เป็นล่ามแต่จำเลยที่ 1 คัดค้าน ส่วนจำเลยที่ 2 ยอมรับล่ามคนดังกล่าว ทั้งนี้ ทางจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งล่ามชื่อ นายบัคคาดีร็อก ซีโรจิดินส์ ชาวอุซเบกิสถาน เพราะสามารถสื่อสารภาษาที่จำเลยที่ 1 เข้าใจได้ แต่ทางอัยการขอคัดค้านคนดังกล่าว เพราะยังไม่รู้ประวัติที่มาที่ไป
ทั้งนี้ ตนในฐานะทนายของจำเลยที่ 1 จึงได้แถลงต่อศาลว่า จะยื่นคำร้องต่อศาลภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันนี้เกี่ยวกับความเป็นมาของล่ามชาวอุซเบฯ เพื่อการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็ว ทางศาลจะนัดจำเลยทั้ง 2 มาสอบคำให้การในวันที่ 16 ก.พ 59 ในเวลา 08.30 น.