เวลา 10.30 น.วานนี้ (12พ.ย.) ที่ศาลทหาร กรุงเทพ เจ้าหน้าได้ควบคุมตัว นายอาเดม คาราดัค หรือ บิลาเติร์ก มูฮัมหมัด อายุ 24 ปี และนายไมไรลี ยูซูฟู อายุ 26 ปี สัญชาติอุยกูร์-จีน สองผู้ต้องหาคดีร่วมกันมีวัตถุระเบิด และยุทธภัณฑ์ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 38,74 และพ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 มาตรา 15,42 จากกรณีเหตุระเบิด แยกราชประสงค์ ช่วงค่ำวันที่ 17 ส.ค.58 ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก และเหตุปาระเบิดจากสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ที่พลาดตกลงไปยังแม่น้ำ บริเวณท่าเรือสาทร เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 58 จากเรือนจำชั่วคราว มณฑลทหารบกที่ 11 ( พัน.ร.มทบ.11) แขวง ถ.นครไชยศรี มายังศาลทหารฯ เนื่องจากผู้ต้องหาครบกำหนดฝากขัง และรอฟังผลว่าอัยการทหารจะพิจารณาสั่งคดี
กระทั่งเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่หาร และราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง กลับไปยังเรือนจำชั่วคราว เนื่องจากอัยการทหาร ยังไม่ได้ยื่นสำนวนฟ้อง
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการ นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเดม ผู้ต้องหาที่ 1 กล่าวว่า อัยการทหารยังไม่ได้ยื่นสำนวนฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง เนื่องจากคดีมีความซับซ้อน เอกสารในสำนวนมีจำนวนมาก จึงได้เพียงการนำตัวนายอาเดม และนายไมไรลี มาขออำนาจศาลทหารฝากขังผัดสุดท้าย ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ฝากขัง นายอาเดม ตั้งแต่วันที่ 13 - 24 พ.ย.นี้ ส่วนนายไมไรลีนั้น ตนไม่ทราบวันแน่นอน เนื่องจากไม่ได้เป็นทนายความจึงไม่ได้ดูเอกสาร แต่คาดว่าจะนายไมไรลี จะครบกำหนดฝากขังหลังจากนายอาเดม 3-4 วัน
ทั้งนี้ คาดว่าอัยการทหาร จะสั่งฟ้อง และยื่นสำนวนฟ้องต่อศาล ภายในวันที่ 24 พ.ย. ที่จะครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้ายของนายอาเดม เนื่องจากศาลเร่งรัดให้ทำสำนวนให้เร็วขึ้น ส่วนจะฟ้องข้อหาใดบ้าง จะเป็นไปตามสำนวนการสอบสวน 7-8 ข้อหา หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่คาดว่าอัยการอาจไม่ได้ยื่นฟ้องหมดก็ได้ เพราะใน 7-8 ข้อหา ชั้นสอบสวนก็มีทั้งการเข้าเมืองผิดกฎหมาย , การปลอมเอกสารราชการ เช่นหนังสือเดินทาง หรือ
พาสปอร์ต , ความผิดเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธในกฎหมายยุทธภัณฑ์ และความผิดต่อชีวิต ซึ่งบางข้อหาไม่น่าจะอยู่เขตอำนาจศาลทหาร แต่เมื่อพฤติการณ์เป็นการทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท จึงอาจมีการฟ้องบทหนักสุด ฐานฆ่าผู้อื่น และการครอบครองยุทธภัณฑ์
ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีนั้น ที่ผ่านมานายอาเดม ก็รับสารภาพข้อหาร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บฯ ข้อหาพยายามฆ่า และร่วมฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายอยู่แล้ว ส่วนข้อหาอื่น ยังไม่ได้สอบถามนายอาเดม เนื่องจากยังไม่ทราบด้วยว่า อัยการจะฟ้องข้อหาใดบ้าง
กระทั่งเวลา 11.30 น. เจ้าหน้าที่หาร และราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสอง กลับไปยังเรือนจำชั่วคราว เนื่องจากอัยการทหาร ยังไม่ได้ยื่นสำนวนฟ้อง
ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการ นายชูชาติ กันภัย ทนายความของนายอาเดม ผู้ต้องหาที่ 1 กล่าวว่า อัยการทหารยังไม่ได้ยื่นสำนวนฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง เนื่องจากคดีมีความซับซ้อน เอกสารในสำนวนมีจำนวนมาก จึงได้เพียงการนำตัวนายอาเดม และนายไมไรลี มาขออำนาจศาลทหารฝากขังผัดสุดท้าย ซึ่งศาลได้อนุญาตให้ฝากขัง นายอาเดม ตั้งแต่วันที่ 13 - 24 พ.ย.นี้ ส่วนนายไมไรลีนั้น ตนไม่ทราบวันแน่นอน เนื่องจากไม่ได้เป็นทนายความจึงไม่ได้ดูเอกสาร แต่คาดว่าจะนายไมไรลี จะครบกำหนดฝากขังหลังจากนายอาเดม 3-4 วัน
ทั้งนี้ คาดว่าอัยการทหาร จะสั่งฟ้อง และยื่นสำนวนฟ้องต่อศาล ภายในวันที่ 24 พ.ย. ที่จะครบกำหนดฝากขังผัดสุดท้ายของนายอาเดม เนื่องจากศาลเร่งรัดให้ทำสำนวนให้เร็วขึ้น ส่วนจะฟ้องข้อหาใดบ้าง จะเป็นไปตามสำนวนการสอบสวน 7-8 ข้อหา หรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่คาดว่าอัยการอาจไม่ได้ยื่นฟ้องหมดก็ได้ เพราะใน 7-8 ข้อหา ชั้นสอบสวนก็มีทั้งการเข้าเมืองผิดกฎหมาย , การปลอมเอกสารราชการ เช่นหนังสือเดินทาง หรือ
พาสปอร์ต , ความผิดเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธในกฎหมายยุทธภัณฑ์ และความผิดต่อชีวิต ซึ่งบางข้อหาไม่น่าจะอยู่เขตอำนาจศาลทหาร แต่เมื่อพฤติการณ์เป็นการทำกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท จึงอาจมีการฟ้องบทหนักสุด ฐานฆ่าผู้อื่น และการครอบครองยุทธภัณฑ์
ส่วนแนวทางการต่อสู้คดีนั้น ที่ผ่านมานายอาเดม ก็รับสารภาพข้อหาร่วมกันทำระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บฯ ข้อหาพยายามฆ่า และร่วมฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายอยู่แล้ว ส่วนข้อหาอื่น ยังไม่ได้สอบถามนายอาเดม เนื่องจากยังไม่ทราบด้วยว่า อัยการจะฟ้องข้อหาใดบ้าง