xs
xsm
sm
md
lg

“สมยศ”จำนนเหตุระเบิดกรุง โยงอุยกูร์ แป๊ะลุยมาเลย์-เข้มวันชาติจีน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน - ผบ.ตร.รับปมส่ง 109 ชาวอุยกูร์กลับจีน ทำลายขบวนการค้ามนุษย์ ชนวนบึ้มกรุงที่ราชประสงค์ ส่ง “จักรทิพย์” บินไปกัวลาลัมเปอร์ ยังไม่ชัด 3 ผู้ต้องสงสัยที่มาเลเซียพัวพันบึ้ม ด้าน "บิ๊กป้อม" เชื่อค้ามนุษย์ มูลเหตุบึ้ม แค้นถูกทลายขบวนการ เผยสั่งฝ่ายความมั่นคง เฝ้าระวังวันชาติจีน 1 ต.ค. ด้านคสช.แจงขัง 2 ผู้ต้องหาในค่ายทหาร ทนายอ้าง"อาเดม"ถูกจนท.ยัดระเบิด

วานนี้ (15 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเลเซียได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทรว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศมาเลเซียได้จับกุมผู้ต้องหาซึ่งกระทำความผิดกฎหมายมาเลเซียจริง แต่ตนยังไม่ยืนยันว่าผู้ที่ถูกควบคุมตัวมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร เมื่อวันที่ 17 ส.ค.ที่ผ่านมาหรือไม่

โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ (ผบก.ตท.) จะเดินทางไปมาเลเซียในวันนี้ เพื่อไปหารือ ประสานงานและแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร

การประสานงานระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซียเป็นไปด้วยดี เพราะมีความใกล้ชิดกันมากในการให้ความร่วมมือเรื่องต่างๆ ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีความสนิทสนมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย เนื่องจากเคยประสานงานและทำงานร่วมกันระหว่างสองประเทศตั้งแต่สมัยทำงานกับอดีตผู้บังคับบัญชา การเดินทางไปครั้งนี้ทำให้มั่นใจว่าจะทำให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อคดี

ผู้สื่อข่าวถามถึงการติดตาม นายอาบูดูซาทาร์ อาบูดูเรเฮมาน หรืออิซาน อายุ 28 ปี สัญชาติจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับร่วมขบวนดังกล่าว ที่ล่าสุดทางการตุรกีปฏิเสธการเดินทางเข้าประเทศของนายอิซาน ผบ.ตร.กล่าวว่า ชุดคลี่คลายคดีก็ต้องเดินหน้าทำงานต่อไป ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อมูลการเดินทางของนายอิซานมีจุดหมายที่ตุรกีนั้นจะมีความเกี่ยวพันกับกลุ่มเครือข่ายในตุรกีหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า มันมีอยู่แล้ว มีอยู่นานแล้ว โดยเป็นลักษณะของขบวนการค้ามนุษย์หรือเคลื่อนย้ายชาวอุยกูร์จากประเทศหนึ่งไปอีกประเทศหนึ่ง และเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมาจนสร้างความเสียหายแก่ประเทศไทยนั้นก็เกิดจากทางการไทยไปทำลายหรือไปขัดขวางการทำธุรกิจการค้ามนุษย์ให้ยุติลง จึงเกิดความโกรธเคืองขึ้นมา ได้สร้างปัญหาให้พวกเขาจนมาก่อเหตุดังกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอิซานเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความวุ่นวายที่สถานทูตไทยประจำประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมาหลังจากไม่พอใจที่ทางการไทยส่งผู้อพยพชาวอุยกูร์กลับไปประเทศจีนด้วยหรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า เขาจะเกี่ยวข้องหรือไม่ ยังไม่ทราบ แต่เหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์กับความรุนแรงที่เกิดขึ้นที่สถานทูตไทยประจำประเทศตุรกีนั้นมาจากสาเหตุเดียวกัน และขบวนการค้ามนุษย์นั้นมีขั้นตอนการนำคนเข้าเมืองโดยมีประเทศต้นทางและปลายทาง ซึ่งต้นทางคือประเทศไทยและปลายทางคือตุรกี เมื่อต้นทางถูกขัดขวางจึงสร้างความโกธรแค้นจึงไปลงที่ประเทศปลายทางก็คือตุรกี และสถานที่ที่สามารถแสดงออกซึ่งความโกธรแค้นได้ก็คือสถานทูตไทยที่อยู่ที่นั่น ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่าชาวอุยกูร์ 109 คนถูกส่งไปยังจีนเป็นส่วนหนึ่งของขบวนการ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า ก็เป็นเรื่องที่ขบวนการค้ามนุษย์เสียประโยชน์และถูกทำลายไป

“เมื่อรัฐบาลไทยพิสูจน์ทราบว่าคนกลุ่มหนึ่งเป็นชาวตุรกีก็ส่งกลับไปให้ประเทศตุรกีส่วนหนึ่ง ขณะที่ลูกหลานของเขาซึ่งเป็นคนจีนเพราะเกิดที่นั่นและมีหลักฐานยืนยัน เราก็ส่งให้จีน ซึ่งรัฐบาลปฏิบัติตามกฎหมายถูกต้องแล้ว แต่ยอมรับว่าความรู้สึกนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งเมื่อเกิดเหตุความแค้นจะมีการหยุดเรื่องนี้ได้อย่างไรนั้น แต่ขอให้เข้าใจว่าเราเป็นประเทศทางผ่านทั้งของชาวโรฮีนจามาจนถึงชาวอุยกูร์ เราจึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาของเราโดยไม่ยอมให้เป็นทางผ่าน ขณะที่อุยกูร์มาจากจีนผ่านเวียดนาม ลาว กัมพูชา ฉะนั้นเราจึงต้องแก้ปัญหาโดยต้องปิดชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออกไม่ให้เขาเข้ามาได้” พล.ต.อ.สมยศกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขบวนการก่อเหตุระเบิดทั้งหมดเกี่ยวข้องกับอุยกูร์ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศกล่าวว่า เกี่ยวเนื่องกับการอพยพของชาวต่างชาติที่ผิดกฎหมายและผิดปกติ ปากีสถานก็เป็นหนึ่งในเส้นทางผ่านของอุยกูร์ซึ่งเราก็เชื่อว่าประเด็นอุยกูร์มีความเกี่ยวข้อง

****“จักรทิพย์” บินด่วนมาเลเซีย

วานนี้ (15 ก.ย.)เมื่อเวลา 12.30 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีรายงานว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ในฐานะหัวหน้าชุดสืบสวนสอบสวนคดีระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และท่าน้ำสาทร เดินทางออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ โดยพยายามหลบสื่อมวลชนและไม่ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางไปยังประเทศมาเลเซีย เพื่อติดตามกรณีตำรวจมาเลเซียควบคุมตัวผู้ต้องหา 3 คน เป็นชาวมาเลเซีย 2 คน และชาวปากีสถาน 1 คน ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวเพียงสั้นๆ ว่าจะเดินทางกลับประเทศไทยในวันพฤหัสบดีที่ 17 ก.ย.นี้

คณะพล.ต.อ.จักรทิพย์ มีคณะประกอบด้วย พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล, พล.ต.ต.ชาญเทพ เสสะเวช รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผู้บังคับการกองการต่างประเทศ โดยนัดหมายพร้อมกันที่ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิในเวลา 15.00 น. โดยเดินทางไปด้วยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 417 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิในเวลา 16.40 น. โดยมีปลายทางที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

**"บิ๊กป้อม"เชื่อค้ามนุษย์มูลเหตุบึ้ม

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีทางการมาเลเซีย ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยก่อเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ และท่าเรือสาทร ว่า ไม่แน่ใจ ตนตอบอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่รู้ว่าจับใครได้ เกี่ยวกับเรื่องอะไร และมีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์บ้านเราหรือเปล่าเมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้พอจะสรุปได้หรือยังว่า มูลเหตุเกิดจากเรื่องอะไร พล.อ.ประวิตร ตอบว่า มีหลายเรื่อง ซึ่งเรื่องการค้ามนุษย์ก็สำคัญ เพราะมันทำมานาน เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปทะลายก็เกิดความเสียหายกับผู้ที่อยู่ในกระบวนการ เลยทำให้เกิดความแค้น

เมื่อถามว่า ในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งเป็นวันชาติจีน ต้องเฝ้าระวังเหตุการณ์เป็นพิเศษ หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ได้สั่งการไปเรียบร้อยแล้วให้วางแผนเตรียมการดูแล เรื่องเหล่านี้ไม่ว่าทหารตำรวจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องร่วมมือกันในการดำเนินการทั้งหมดอยู่แล้ว

** ทนายอ้าง"อาเดม"ถูกจนท.ยัดระเบิด

เมื่อเวลา 13.00 น. วานนี้ (15 ก.ย.) ที่บริเวณด้านหน้าเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครไชยศรี กองพันทหารราบมณฑลทหารบกที่ 11 หรือ (พัน.ร.มทบ.11) นายชูชาติ กันภัย ทนายความของ นายอาเดม คาราดัก หรือ นายบิลา เติร์ก มูฮัมหมัด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี เดินทางเข้าเยี่ยมนายอาเดม ภายหลังถูกนำตัวมาควบคุมไว้ยังเรือนจำชั่วคราว แขวงถนนนครชัยศรี พร้อมกับ นายไมไรลี ยูซุฟู ผู้ต้องหาคดีนี้อีกคน

ทั้งนี้ นายชูชาติ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าพบนายอาเดม ว่า จากการพูดคุยก่อนหน้านี้นายอาเดม ยืนยันว่าตัวเองมีสัญชาติตุรกี เดินทางมาจากเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เมื่อช่วงเดือนเม.ย.ก่อนเดินทางไปพักที่เวียดนาม และทำพาสปอร์ตปลอม โดยใช้ชื่อว่า นายอาเดม คาราดัก จากนั้นเดินทางไปลาว และอาศัยอยู่ที่ลาว 35 วัน ก่อนที่นายหน้าทราบชื่อ คือ นายอับดุลเลาะห์ เป็นผู้พาเข้าประเทศไทย เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยพาไปพักอาศัยอยู่ที่ พูลอนันต์ อพาร์ตเมนต์ ย่านหนองจอก และ วันที่ 24 ส.ค. นายอับดุลเลาะห์ ก็ได้มาพบนายอาเดม พร้อมระบุว่า อยู่ระหว่างดำเนินการพาไปประเทศที่สาม และ นายอาเดม ยังอ้างว่า ระหว่างพักอาศัยในประเทศไทยอาศัยอยู่แต่ภายในห้องพัก ซึ่งมีเพียงตู้เย็น และหม้อหุงข้าว เป็นสิ่งอำนวยความสะดวก จนกระทั่งถูกจับกุม ในวันที่ 29 ส.ค. โดยอ้างว่าภายในห้องพักไม่มีสารประกอบระเบิด แต่ของกลางที่พบ เจ้าหน้าที่เจ้าหน้าได้นำมาจากที่อื่น ก่อนนำมาในห้องพักของ นายอาเดม และ บันทึกภาพ และยืนยันไม่มีความรู้เกี่ยวกับการประกอบระเบิดด้วย

นายชูชาติ กล่าวต่อว่า ระหว่างถูกควบคุมตัว นายอาเดม ระบุว่า ทหารได้ดูแลเป็นอย่างดี และไม่กังวลกรณีถูกย้ายสถานที่ควบคุม เพราะมีการชี้แจงและทำความเข้าใจแล้ว แต่มีความกังวลในเรื่องอาหาร เพราะนายอาเดม ค่อนข้างเคร่งครัดในการรับประทานอาหารอิสลาม และจากนี้ทางทนายความจะติดต่อญาติของ นายอาเดม ที่ประเทศตุรกี เพื่อเตรียมวางแผนการต่อสู้คดีความ ในประเด็นเบื้องต้นคือ การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการใช้พาสปอร์ตปลอม แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อสถานทูตตุรกี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่บรรยากาศที่ พัน.ร.มทบ.11 นั้น เจ้าหน้าที่ทหารยังคงวางกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ส่วนสื่อมวลชนที่เฝ้าติดตามสถานการณ์นั้น ทหารไม่อนุญาตให้ตั้งกล้องบริเวณด้านหน้า พัน.ร.มทบ.11 โดยให้สังเกตการณ์อยู่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น