xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แมลงสาบกำสรวล “กำนัน” รับงาน “ป้อม” ดัน “ชายหมู” “มาร์ค” กัดฟันสู้ยิบตา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -อารมณ์ที่การเมืองนิ่งๆเฉยๆ จู่ๆ “กษิต ภิรมย์” สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปแห่งชาติ (สปท.) ออกมาชงให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ผ่อนปรนให้พรรคการเมืองเปิดประชุมพรรคได้ โดยไม่มีปี่มีขลุ่ยมาก่อน

สำทับด้วยความเคลื่อนไหวของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาตอบรับข้อเสนอของ “กษิต” เหมือนคุยกันมาก่อน พร้อมอ้างว่าพรรคการเมืองต้องเตรียมตัววางแผนจัดกิจกรรมการเมืองรอรับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 ปี หากเป็นไปตามโรดแมปของ คสช.

ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็น “พรรคเพื่อไทย” ชงข้อเสนอดังกล่าวมากกว่า แถมไม่รู้สึกรู้สา ไร้ความเคลื่อนไหวอะไรออกมาให้เห็น

ทุกสายตาจึงจับจ้องมองกัน เกิดอะไรขึ้นกับ “ค่ายสีฟ้า” เพราะระยะหลังเริ่มมีอาการแปลกๆ ทะเลาะกัน-ฟัดกันเอง เหมือนมีแบ่งพรรค-แบ่งพวกกันชอบกล

แผนเหนือเมฆรีแบรนด์ ปชป.เป็น “พรรคสีเขียว”

ก่อนหน้านี้ก็ฮือฮากันมาทีหนึ่ง กับความเคลื่อนไหวของ “คู่หู 2 ว.” วิลาศ จันทรพิทักษ์-วัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.กทม. ที่ออกมาจัดหนักซัด “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เรื่องจัดซื้อกล้องวงจรปิด พ่วงด้วยพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตและการเดินทางไปต่างประเทศของ 2 รองผู้ว่าฯกทม.

อย่าลืมว่าใน “พรรคสีฟ้า” แนวทางอนุรักษ์นิยมสุดขั้ว น้อยครั้งที่จะมีคนออกนอกลู่-นอกทาง คราวนี้ก็เช่นกันหาก “เดอะมาร์ค” ไม่ไฟเขียว “ลูกหาบ” ก็คงไม่กล้าออกตัวแรงขนาดนั้น จังหวะก้าวของ “คู่หู 2 ว.” จึงไม่ธรรมดา

เพราะใครๆก็ต่างตกใจว่า “คน ปชป.” ไหง๋ออกมาทุบหม้อข้าวตัวเอง

เป้าหมายของ “คู่หู 2 ว.” ที่รับสัญญาณจาก “หัวหน้ามาร์ค” คือถล่ม “ชายหมู” เพื่อเรียกมาคุย-เรียกมาเคลียร์ให้รู้หมู่รู้จ่า เพราะช่วงนี้ท่อน้ำเลี้ยงตันไปเฉยๆ กางบัญชีรายรับ-รายจ่ายของพรรค แทบที่จะไม่มีงบที่ส่งตรงมาจาก กทม.เลยแม้แต่สลึงเดียว

สงสัยถึงขั้นว่า “น้ำเลี้ยง” เปลี่ยนท่อไปเข้ากระเป๋าใครกันแน่

“เดอะมาร์ค” เริ่มระแคะระคาย มองว่า “ชายหมู” เริ่มเปลี่ยนไป เพราะรู้กันว่าวงรอบที่ต้องส่งเงินเข้าพรรคอยู่ในช่วงสิ้นงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละปี แต่ในปีนี้สิ้นปีงบประมาณรายจ่ายปี 2558 ไปหลายเดือนแล้ว “ชายหมู” ยังทำนิ่งเฉยเป็นทองไม่รู้ร้อน

แถมยังมีข่าวปล่อยออกมาเป็นระยะว่า “กำนันเทือก” สุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน ส่งสัญญาณไม่พอใจการทำงานสไตล์ “มาร์ค” มากนัก แถมยังไม่พอใจ “แก๊งไอติม” ที่รายล้อมอยู่รอบตัวอดีตนายกฯรูปหล่อ จนไปได้ทำให้ “อดีตเด็กปั้น” ไปได้ไม่ไกลอย่างที่วาดฝันไว้

แม้หลายคนจะพอมีส่วนช่วย “กำนันเทือก” สู้รบปรบมือจนโค่นอำนาจ “ระบอบแม้ว” ไปได้ แต่ก็ไม่ได้ออกแรงมากนัก

ก่อนหน้านี้ว่ากันว่า “กำนันเทือก” ที่ประกาศไม่ตั้งพรรค จะใช้พาวเวอร์-คอนเนคชั่นเก่าเข้ามา วางเกมใหม่-รีแบรนด์ “พรรคสีฟ้า” ให้ทันสมัยบริหารงานให้ตรงใจประชาชน ไม่ยึดติดรูปแบบเดิมที่วางกันเอาไว้ หวังสู้รบกับ “พรรคเพื่อไทย” ที่ต้องยอมรับว่านำพรรคประชาธิปัตย์ไปหลายก้าวแล้ว

มองเผินๆเหมือนจะกลับไปช่วยพรรคพวกแต่งตัวรอเลือกตั้ง

แต่ข่าวล่ามาไวกว่านั้น กลับกลายเป็นว่า มีการต่อสายกับ “กำนันเทือก” กับ “บิ๊ก คสช.” ถึงการตั้ง “พรรคทหาร” ตามสูตรสำเร็จหลังรัฐบาลรัฐประหารลงจากอำนาจ ซึ่งมี 2 ทางเลือก ไม่ตั้งพรรคใหม่ ก็ต้องไปเทคโอเวอร์พรรคใดพรรคหนึ่งมาปลุกปั้น

แต่กลับมีคนไอเดียบรรเจิดกว่านั้น ชงไปว่าดีลนี้ไม่ควรไปเทคฯพรรคเล็กปลาซิวปลาสร้อยเหมือนรูปแบบในอดีต แต่ต้องใช้พรรคที่มีฐานเสียงแน่นๆ เพื่อไม่ให้ล้มคว่ำหน้าหงายเหมือน “พรรคเพื่อแผ่นดิน” ในสมัย คมช. แน่นอนว่า

ทั่วฟ้าเมืองไทยตรงสเปกสูงลิบอยู่ 2 พรรค ไม่เพื่อไทยก็ประชาธิปัตย์

หวยจึงมาออกที่ “ประชาธิปัตย์” ที่คราวนี้อาจถูกผลัดใบเปลี่ยนเป็น “สีเขียว” แทน “สีฟ้า”

“ชายหมู” มาแรง ตรงสเปก “ลุงกำนัน”

หากมองว่า “คู่หู 2 ว.” เป็น “เด็กมาร์ค” ด้าน “คุณชายหมู” ก็รู้กันดีว่าเป็น “เด็กกำนัน” ที่อุ้มชูปลุกปั้นจนได้ลงรักษาเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.รอบสอง แม้คนทั้งพรรคจะส่ายหน้าก็ตาม

และแม้ว่าเจ้าของฉายา “เทพเทือก” ในอดีต จะออกไปเป็น “ผู้นำม๊อบ” ตัดขาดจากกิจการภายในพรรคไปนานแล้ว แต่อิทธิพลของ “ลุงกำนัน” ก็ยังมีอยู่เต็มพรรค อย่าง “ขุนพลแดนใต้” ของพรรคแทบจะอยู่ในคอนโทรลทั้งหมด มีบางส่วนเท่านั้นที่ยังเป็นเด็กของ “มาร์ค” ผ่านสายของ “นายหัว” ชวน หลีกภัย และ “น้าญัติ” บัญญัติ บรรทัดฐาน แต่ก็ถือว่าเป็นส่วนน้อยกว่าอีกขั้ว

หาก “กำนันเทือก” จะสั่งลุย เชื่อว่า “คนแดนสะตอ” พร้อมซ้ายหัน-ขวาหันได้ตลอดเวลา

เงื่อนไขในการเข้ากุมอำนาจในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เพียงคอยรองรับเป็นฐานเสียงให้กับ “นายกฯคนนอก” ในอนาคตเท่านั้น แต่ถึงขั้น “เปลี่ยนหัว” อัปเปหิ “หนุ่มมาร์ค” ออกไปให้พ้นทางด้วย เพราะถือว่าเป็นเพียง “สินค้ามือสอง” ซึ่งฝ่ายทหารเคยใช้แล้ว บอบช้ำจนเกินเยียวยา

ที่สำคัญยังมี “อีโก้” และ “แก๊งไอติม” ที่เป็นปัจจัยเสี่ยง ยากจะสั่งซ้ายหันขวาหันได้ พูดง่ายๆไม่ตรงสเปกที่ “บิ๊กสีเขียว” ต้องการ

ถามว่าหากเปลี่ยนหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จริงๆ ใครจะมาต่อกรกับ “หนุ่มมาร์ค” นาทีนี้ชื่อที่มาแรงไม่ใช่แคนดิเดตหน้าเดิมๆอย่าง ศุภชัย พาณิชภักดิ์ - สุรินทร์ พิศสุวรรณ - กรณ์ จาติกวณิช - อภิรักษ์ โกษะโยธิน แต่กลับเป็น “ชายหมู” สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่คน กทม.เอือมระอา

ถามต่อว่าทำไมต้องเป็น “ชายหมู” จริงอยู่ชื่อเสียงหน้าตาขายไม่ได้ ยิ่งมาบริหาร กทม.จนเละเทะไม่เป็นท่า แต่ที่ต้องหยิบมาใช้เพราะ “สุเทพ” มั่นใจว่าอยู่ในโอวาทอย่างแน่นอน บุญคุณเมื่อครั้งเคลียร์ทางให้ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.รอบสอง พร้อมช่วยหาเสียงด้วยถ้อยคำที่สุ่มเสี่ยงมาแล้ว

ความสัมพันธ์ “ชายหมู” กับ “กำนันเทือก” จึงไม่ธรรมดา ชั่วโมงนี้ถ้าขึ้นชื่อว่า “พรรคทหาร” ไม่จำเป็นต้องใช้คนภาพลักษณ์ดี-หน้าตาดีอยู่แล้ว เพราะ “กติกา” อย่างร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังง่วนเขียนกันอยู่ พร้อมที่จะเอื้อประโยชน์ให้อย่างสุดลิ่มทิ่มประตูอยู่แล้ว ตำแหน่งหัวหน้าพรรคก็แค่หุ่นเชิดที่ใครมานั่งก็ได้

ชื่อของ “ชายหมู” จึงมาแรงในลิสต์ของ “กำนันเทือก”

แผนสองแตะมือ “เสี่ยเน” สานฝันพรรคทหาร

ตามเกมแล้ว “หนุ่มมาร์ค” คงต้องแข็งข้อ-งัดข้อ ไม่ยอมง่ายๆ หากยังเหนียวแน่นรักษาพรรคไว้ได้ ก็ต้องเสี่ยงกับการที่ “กำนันเทือก” จะนำพา “ลูกทีมแดนสะตอ” ยกขบวนออกจากพรรค เพื่อไปยังฐานที่มั่นใหม่สานฝันปั้น “พรรคสีเขียว” ที่มีฐานเป็นแนวร่วม กปปส.

โดยแผนนี้มีขุนพลที่ดีลลับกันเอาไว้ หนีไม่พ้นซี้เก่าอย่าง “เนวิน ชิดชอบ” แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่เริ่มขยายแนวร่วมใน “ภาคอีสาน” ได้มากขึ้น อย่างน้อยในภาคอีสานใต้ หาก “เนวิน” กวาด ส.ส.ได้เรียบวุธไม่แบ่งให้ “เพื่อไทย” ความหวังของ “กำนันเทือก” ก็เริ่มมีแสงสว่างมากกว่าการเลือกตั้งเมื่อปี 2554

ยิ่งเมื่อรวมกับ “ขั้วอำนาจกองทัพ” ที่อาจจะช่วยสนับสนุน “ท่อน้ำเลี้ยง” ได้มากขึ้น เพราะช่วงนี้อยู่ในอาการอู่ฟู้ เดินไปไหนก็กระเป๋าตุงตลอด ผนวกกับฐานเสียงของ “ทหาร” ที่คุมกันอยู่สั่งให้เลือกกันได้ มีหวังหยุดไม่อยู่กันเลยทีเดียว

สาเหตุที่แผนนี้มาทีหลังแผนยึดพรรคประชาธิปัตย์ ก็เพราะฝ่ายทหารและ “สุเทพ” เอง ยังไม่วางใจในตัว “เนวิน” เท่าไร เพราะการเลือกตั้งปี 2554 ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคเพื่อไทยพาเหรดเข้าวินแบบฉลุย เพราะผู้สมัครพรรคภูมิใจไทยยังต่อกรกับ “นกแล” จากค่ายเพื่อไทยไม่ได้ บารมียังเทียบชั้นกับ “ทักษิณ” ที่มีฐานคนเสื้อแดงหนุนลำบาก

วันนี้แม้มั่นใจว่า รัฐธรรมนูญจะเอื้อประโยชน์ให้ น้ำเลี้ยงจะอู้ฟู่เบิกบานมากขึ้น หรือมีแบ็คอัพอย่างฝ่ายทหาร แต่ก็คงไม่มีใครพนันว่า จะไปโค่น “ระบอบแม้ว” ในภาคอีสานได้ชัวร์ร้อยเปอร์เซ็นต์

แถม “บิ๊ก คสช.” มีไม้เด็ดในการรื้อ 12 คดีดังในอดีตมาไล่เบี้ยหาคนผิด ตรงนี้ส่งผลให้สามารถชี้นิ้วสั่ง “นักการเมืองใหญ่” ให้มาร่วมหัวจมท้ายกับพรรคหทารที่จะเกิดขึ้นได้แทบทุกคน เพราะยกเอา 12 คดีดังที่ว่าค้ำคอบรรดา “จอมยุทธ์” ไว้เกือบทั้งหมด กระทั่ง “สุเทพ” เองก็ถูกหางเลขไปด้วย

แต่สุดท้ายก็ต้องรอดูว่า แผนยึดประชาธิปัตย์จะราบรื่นหรือไม่

อนาคต “มาร์ค” น่าห่วง เกมสามก๊กใน ปชป.

นัยที่อยากให้มีการประชุมพรรคของ “กษิต” กับ “อภิสิทธิ์” ต่างกัน อย่าลืมว่า “กษิต” นั้นเป็นเด็กในอาณัติของ “สุเทพ” การเข้าไปมีเก้าอี้ใน สปท.ก็ใช่ว่าจะเป็นโควต้าของพรรคประชาธิปัตย์ แต่กลับเป็น “นอมีนี” ของ กปปส.

มูฟเม้นของอดีต รมว.ต่างประเทศ จึงค่อนข้างน่าสนใจ เพราะเชื่อว่าเป็นการจุดพลุตามสัญญาณของ “สุเทพ” มากกว่า

ขณะที่ “เดอะมาร์ค” ก็อยากให้มีประชุมพรรค เพื่อต้องการเคลียร์ปัญหาระหว่างพรรคกับทาง กทม.ให้ชัดเจน สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคืออยากแสดงออกให้เห็นชัดเจนว่า พรรคนี้ใครใหญ่ ตัวเองยังเอาอยู่ หากใครนอกลู่-นอกทาง ก็พร้อมที่จะเฉดหัวส่ง

เจตนาที่จะวางแผน-วางเกมเพื่อสู้ศึกเลือกตั้งเป็นเพียงจุดประสงค์รอง เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าศึกเลือกตั้งอีกนานกว่าจะเริ่มต้น และยังไม่แน่ใจว่าโรดแมปของ “คสช.-รัฐบาล” จะต้องเลื่อนออกไปอีกเปล่า

ไม่ว่าแผนของ “สุเทพ” จะสำเร็จหรือไม่ สิ่งหนึ่งที่ฟันธงได้ล่วงหน้าเลยคือ ภายในพรรคประชาธิปัตย์ “แตกหัก” กันแน่นอน หากมีการห้ำหั่นตามที่ประเมินไว้

ฝ่าย “สุเทพ” ก็ต้องเล่นยาแรง ฝ่าย “อภิสิทธิ์” ก็หลังพิงฝาต้องสู้สุดตัว

หาก “ลุงกำนัน” มีชัย “เดอะมาร์ค” ก็แทบจะหมดอนาคตทางการเมือง แต่หากยันอยู่รักษาเก้าอี้ไว้ได้ “เดอะมาร์ค” ก็คงบอบช้ำไม่น้อย ขาเก้าอี้หัวหน้าพรรคก็จะไม่แข็งแรงเหมือนเคย

หากนับ “มาร์ค ศิษย์นายหัวชวน” เป็นก๊กหนึ่ง “สุงกำนัน ณ กปปส.” เป็นก๊กสอง ก็ต้องไม่ลืมในพรรคมี “ก๊กสาม” บรรดาพวกที่สงวนท่าทีโดยอ้างว่าเดินสายกลาง หากสองก๊กใหญ่ฟัดกันจนหนำใจแล้ว ก็อาจเข้าทาง “ก๊กสาม” ที่จะทะลุกลางปล้องขึ้นมาเสียบแทน

ถึงวันนั้นชื่อของ กรณ์ จาติกวณิช - อภิรักษ์ โกษะโยธิน อาจจะมาขับเคี่ยวกับ “หนุ่มมาร์ค” แทน ขณะที่ “สุเทพ” แม้จะพลาดพลั้ง ก็แค่ชิ่งไปปั้นพรรคใหม่แบบชิลล์ๆ ทิ้งเชื้อฟืนเชื้อไฟให้คนในพรรคประชาธิปัตย์เขี่ยกันเอง

ที่ผ่านมาทั้ง “กรณ์ - อภิรักษ์” หรือ “หล่อโย่ง - หล่อกลาง” ก็เคยมีชื่อเป็นตัวตายตัวแทนของ “อภิสิทธิ์” มาโดยตลอด แต่ก็ยังไม่ออกตัวแรง และหลบอยู่ใต้ล่มเงาของ “หล่อใหญ่” มาตลอด แต่อย่าลืมว่า “กรณ์ - อภิรักษ์” สร้างชื่อมาจากแวดวงธุรกิจ หากประเมินแล้วว่า มีโอกาสก็พร้อมที่จะเสี่ยงคว้าไว้ และคงไม่สนใจในเรื่อง “หลักการ” ที่เป็นจุดขายของต้นสังกัดมากมายนัก

และคงไม่แคร์ว่า “หัวหน้ามาร์ค” จะรู้สึกอย่างไร

ดูอย่าง “กำนันเทือก” เคยรัก “อภิสิทธิ์” สุดหัวใจถึงขั้นปั้นให้เป็นนายกรัฐมนตรีมากับมือได้ แต่เมื่อดุลอำนาจ-บริบททางการเมืองเปลี่ยนไป ก็พร้อมที่จะเขี่ย “อภิสิทธิ์” ให้พ้นทางได้ ส่วน “กรณ์ - อภิรักษ์” ก็เคยเป็นเบอร์ 1 ในวงการของตัวเองมาก่อน จะมานั่งทอดฮุยเป็นเบอร์ 2 เบอร์ 3 ต่อคิวคนอื่นไปตลอดก็ใช่เรื่อง

การเมืองไม่จีรังยั่งยืนคนที่เคยรักกัน “สุดหัวใจ” ก็สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็น “ศัตรู” กันได้ เสียงวลีคลาสสิกๆ “มันจบแล้วครับ...นาย” ที่เคยส่ง “หนุ่มมาร์ค” ทะยานขึ้นเป็นผู้นำประเทศแว่วมาแต่ไกล

แต่งวดนี้เปลี่ยนชื่อข้างท้ายจากคำว่า “นาย” เป็น “มาร์ค” แทน





กำลังโหลดความคิดเห็น