xs
xsm
sm
md
lg

สสส.เตรียมสาง3ประเด็น ยันNGOนั่งกรรมการได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - สสส.เปิดอกหลังแจง ศอ.ตช. เผยอธิบายเคลียร์ทุกประเด็น เตรียมสาง 3 ประเด็นใหญ่รวม คกก.กำหนดทิศทาง สสส.ของ สธ. "ขอบเขตสุขภาพ-งบประมาณ-ธรรมาภิบาล" ยันเอ็นจีโอมานั่งเป็นกรรมการกองทุนได้ ไม่ผิดกฎหมาย ด้านมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยันไม่มีประโยชน์ทับซ้อน สสส. แจงเรื่องกรรมการมูลนิธิฯ

จากกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) ได้เรียก ทพ.สุปรีดา อดุลยานนท์ รักษาการผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้ามาหารือภายหลังที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้งบประมาณภาครัฐ (คตร.) ตรวจสอบพบว่า สสส.มีการใช้งบประมาณผิดวัตถุประสงค์ โดยที่ประชุมให้แก้ไข พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544
วานนี้ (27 ต.ค.) ทพ.สุปรีดา แถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า หลังจากมีการชี้แจงจึงสามารถอธิบายในส่วนที่เปิดเผยได้ โดยในส่วนของข้อกล่าวหาที่ว่าทุจริตและดำเนินการผิดระเบียบต่างๆ นั้น เมื่อ สสส.ชี้แจงทั้งแง่กฎหมายและข้อมูลต่างๆ ที่ประชุมก็ไม่ได้ติดใจในประเด็นเหล่านี้อีก

ส่วนเรื่องประสิทธิภาพในการจัดทำแผน ทั้งแผนระยะ 10 ปี ระยะ 3 ปี และระยะ 1 ปีนั้น สสส.ได้แสดงหลักฐานว่ามีความสอดคล้อง โดยแสดงแผนการดำเนินงานปี 2557 ซึ่งเป็นปีที่ถูกตรวจสอบ มีตัวชี้วัดในการดำเนินงานถึง 113 ตัว ก็สอดคล้องกับแผนระยะ 3 ปี โดยเฉพาะปัจจัยเสี่ยงหลัก เช่น บุหรี่ เหล้า เกี่ยวข้องถึงร้อยละ 54
" สสส.ได้ชี้แจงว่าทิศทางใหญ่นั้นอัตราการสูบบุหรี่ดื่มเหล้าลดลง อย่างไรก็ตาม สสส.เป็นเพียงหน่วยงานหนึ่งที่รับผิดชอบในเรื่องนี้ แต่ยังมีอีก 27 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการลดอัตราการสูบบุหรี่ และยังมีงานวิจัยชี้ชัดว่าอย่างการลดอัตราการสูบบุหรี่ อันดับหนึ่งที่มีผลคือเรื่องของภาษี อันดับ 2 คือการห้ามโฆษณาโดยสิ้นเชิง ซึ่ง สสส.ก็ต้องทำงานประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้หันมาทำในเรื่องนี้ หากคุมได้สำเร็จก็ถือเป็นความสำเร็จร่วม สำหรับตัวชี้วัดเรื่องบุหรี่และเหล้าก็อยู่ในตัวชี้วัด 113 ตัว ซึ่งได้รับการประเมินแล้วได้คะแนน 4.77 คะแนนจาก 5 คะแนน และได้รายงานไปยัง ก.พ.ร.และ ครม.แล้ว" ทพ.สุปรีดา กล่าว

อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการปรับปรุงการบริหารจัดการ ซึ่งจะเป็นการทำงานของคณะกรรมการพิจารณาทบทวนการบริหารจัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และกำหนดแนวทางแก้ไขให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามพ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 ซึ่งมี นพ.เสรี ตู้จินดา เป็นประธาน ใน 3 ประเด็น คือ 1.ขอบเขตคำว่าสุขภาพ เพื่อให้เกิดความพอดี ไม่เกิดข้อถกเถียงทั้งทางวิชาการและสังคม 2.งบประมาณ และ 3.ธรรมาภิบาลเพื่อไม่ให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน

ทั้งนี้ การวิเคราะห์ขอบเขตของสุขภาพ จะเป็นไปตามนิยามและ วัตถุประสงค์ 6 ข้อของ พ.ร.บ. ซึ่งการดำเนินงานของ สสส. ตามกฎหมายมอบอำนาจให้บอร์ด สสส.กำหนดสิ่งที่จะทำในแต่ละปีเรียกว่าแผนดำเนินการว่าจะทำอะไรบ้าง ซึ่งจะนำภาระโรคของประเทศไทยที่เป็นปัจจัยเสี่ยงลำดับต้นๆ มาวิเคราะห์ทางวิชาการเพื่อทำเป็นแผนงาน อย่างปี 2557 มี 14 แผน เช่น ยาสูบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหาร กิจกรรมทางกาย เป็นต้น

"แนวทางแก้ไขการทำงาน สสส.ก็มีการเตรียมไว้แล้ว แต่ ศอ.ตช.ให้นำไปหารือต่อกับคณะกรรมการฯ ของ สธ. เช่น เรื่องธรรมาภิบาล มีการเพิ่มกรรมการด้านธรรมาภิบาลในองค์กรมากว่า 1 ปี โดยให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันเข้ามามีส่วนร่วมและสัญญาคุณธรรม โดยให้ สสส. เป็นองค์กรนำร่อง เป็นต้น" ทพ.สุปรีดา กล่าว

การแก้กฏหมายเป็นหนึ่งในวิธีในการแก้ไข เช่น เรื่องส่งงบประมาณคืนแผ่นดิน มีการถกเถียงในที่ประชุมในประเด็นดังกล่าว ซึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ พูดชัดว่า การจัดทำงบประมาณแผ่นดินที่ต้องผ่านสภา ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ทำอย่างไรให้รัดกุม
“กองทุนมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐ ไม่ใช่ราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและรายได้ของกองทุนไม่ต้องนำส่งเป็นรายได้ของแผ่นดิน ซึ่งไม่ได้เขียนไว้เฉพาะใน พ.ร.บ.สสส.เท่านั้น”

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเปิดเผยรายชื่อมูลนิธิ องค์กร หน่วยงาน ที่เป็นกรรมการในบอร์ด และเป็นผู้รับทุน ถือเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ทพ.สุปรีดา กล่าวว่า ในเรื่องกรรมการได้มีการออกแบบไว้ก่อนจะเกิด พ.ร.บ.สสส. โดยกรรมการจะมาจากกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านสุขภาพ ซึ่งจงใจเพื่อให้สามารถทำงานให้เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน และมีการวางแผนเรื่องความสัมพันธ์ต้องห้ามตามหลักสากลคือ ห้ามการมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ และมีการทำมาตรฐานจรรยาบรรณของกรรมการตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งในกฎหมายก็ไม่ได้ห้ามหน่วยงานองค์กรที่ทำเพื่อสาธารณะและไม่ได้แสวงหาผลกำไร เช่น เอ็นจีโอ เข้ามาเป็นกรรมการบอร์ดแต่อย่างใด

"ตามกฎหมายถ้าเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไรทางธุรกิจก็สามารถเป็นบอร์ดได้ อีกทั้งองค์กรเหล่านี้ มักเชิญให้คนดี คนเด่น คนดัง ไปเป็นประธาน กรรมการ มูลนิธิต่างๆ แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของ หรือ มีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องเห็นใจนักทำงานทางสังคม ผู้ที่จะเลือกด้านสังคม ไม่มั่นคง ไม่ร่ำรวย ซึ่งการปรากฏชื่อในมูลนิธิรับทุน ทำให้สังคมเคลือบแคลง แต่อยากให้สังคมทำความเข้าใจในเรื่องดังกล่าวด้วย ยืนยันว่าที่ผ่านมา สสส. ทำถูกต้องตามระเบียบ ซึ่งชื่อที่ถูกพูดถึงในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน อาจทำให้บุคคลนั้น เกิดความเสียหายได้” ทพ.สุปรีดา กล่าว

**** มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ยันไม่มีประโยชน์ทับซ้อน

น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวถึงกรณีการเปิดเผยรายชื่อกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคคือ นายวีรพงษ์ เกรียงสินยศ และนายชัยรัตน์ แสงอรุณ เป็นกรรมการบริหารแผนของกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเป็นผู้รับทุนด้วยนั้น ว่า นายวีรพงษ์ และนายชัยรัตน์ เป็นกรรมการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคจริง แต่โครงการของมูลนิธิฯ ทั้ง 8 โครงการ ตั้งแต่ปี 2550-2557 ที่ได้รับการสนับสนุนจากสสส.เป็นจำนวนเงิน 147 ล้านบาท บุคคลทั้ง 2 ท่าน ไม่เคยเป็นผู้พิจารณา และมูลนิธิฯ ไม่เคยขอรับการสนับสนุนจากแผนงานที่นายวีรพงษ์เป็นกรรมการแผนแต่อย่างใด และปัจจุบันนายวีรพงษ์ ก็ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารแผนของสสส.แล้ว

ส่วนนายชัยรัตน์ เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการบริหารแผนงานของสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพชุดปัจจุบัน ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากที่มูลนิธิได้รับงบประมาณในการดำเนินการไปแล้วเมื่อ ส.ค. 2557 ทั้งนี้ จะได้ส่งหนังสือชี้แจงในประเด็นดังกล่าวให้แก่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ด้วย

ทั้งนี้ ในวันที่ 28 ต.ค. เวลา 10.00 น. แกนนำขบวนการสร้างเสริมสุขภาพภาคประชาชน จะเข้าพบนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่า สตง. เพื่อแสดงเจตนารมณ์คัดค้านการนำงบประมาณกองทุนฯสสส.เข้าสู่ระบบ เพราะหวั่นทำลายหลักความเป็นอิสระ

นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า คงต้องดูข้อมูลว่ามีการทับซ้อนจริงหรือไม่ อย่างเรื่องที่มีการเปิดเผยออกมาก็ต้องดูรายละเอียดว่าตั้งใจที่จะทำเช่นนั้นหรือไม่ อย่าเพิ่งไปตัดสิน กรณีคนที่นั่งเป็นกรรมการหน่วยงานที่ให้ทุนไปตั้งหน่วยงานต่างๆ เพื่อมาขอรับทุนจากองค์กรที่ตนเองก็นั่งเป็นกรรมการอยู่นั้น ก็ต้องดูตามข้อบังคับว่าเปิดช่องให้ดำเนินการอย่างนั้นหรือไม่

*** เตรียมคำถามให้ชี้แจงเป็นชุด

นพ.เสรี ตู้จินดา ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาทบทวนการบริหารจัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และกำหนดแนวทางแก้ไขให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตาม พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ พ.ศ.2544 กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการฯ ซึ่งมี คตร.และ สตง.เข้าร่วมด้วย ว่า ที่ประชุมร่วมหารือกันถึงประเด็นที่ตั้งข้อสังเกตไว้เดิมและนำมาสรุปรวมเป็นประเด็นคำถามทั้งหมดเพื่อเตรียมสอบถามข้อมูลจากตัวแทนของ สสส.

เบื้องต้นมี 2 ประเด็นใหญ่ๆ คือ 1.การจัดสรรงบประมาณของ สสส.เป็นประโยชน์ต่อคน กลุ่มคน หรือเรื่องใดเป็นการเฉพาะ 2.เรื่องของการออกระเบียบบางข้อที่คณะกรรมการฯ มองว่าอาจจะไม่สอดคล้องกับ พ.ร.บ.สสส. ซึ่งหากไม่สอดคล้องจริงก็ต้องไปดำเนินการแก้ระเบียบต่อไป

"ส่วนการจะปรับเปลี่ยนอย่างไรนั้นก็ต้องสรุปผลทั้งหมดแล้วส่งให้ รมว.สาธารณสุข พิจารณาอีกครั้ง โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญตัวแทน สสส.มาให้ข้อมูลตามประเด็นที่ได้ตั้งไว้ และจะเชิญกรรมการควบคุมและติดตามตรวจสอบการดำเนินงานของ สสส.ชุดปี 2557 ที่มี ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต เป็นประธาน เข้าร่วมเพื่อให้ข้อมูลด้วย" นพ.เสรี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น