ASTVผู้จัดการรายวัน - "ไอพีจี" พร้อมนำระบบ "โปรแกรมเมติค" เข้ามาใช้ในการซื้อสื่อออนไลน์ในประเทศไทย ชี้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งเก่า และใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยราคาที่เหมาะสม
นางวรรณี รัตนพล ประธานบริหาร ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ไอพีจี ได้เริ่มนำ "โปรแกรมเมติค" ซึ่งเป็นตัวช่วยสำหรับวงการนักวางแผนและซื้อสื่อโฆษณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสื่อในรูปแบบของดิสเพลย์ โซเชียลและวิดีโอในโลกออนไลน์เข้ามาใช้ในประเทศไทยแล้ว ซึ่งการซื้อสื่อแบบ "โปรแกรมเมติค" สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างได้ผลมากที่สุดในราคาที่เหมาะสม โดยมีการนำข้อมูลส่วนตัว ประกอบกับพฤติกรรมในการท่องเว๊บไซต์ของผู้บริโภคเข้ามาร่วมวิเคราะห์
จากผลการศึกษาของ แมกน่า โกลบอล ในอเมริกาที่ดำเนินงานเกี่ยวกับ รีเสิร์ช และซื้อสื่อออนไลน์ในเครือ ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส คาดว่า ในปีนี้กลุ่มบริษัทในเครือทั่วโลกจะมีการซื้อสื่อแบบโปรแกรมเมติคเพิ่มขึ้นราว 49% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 14.2 พันล้านเหรียญ
ทั้งนี้ แมกน่า โกลบอล ยังได้ประมาณการว่าระบบการซื้อสื่อแบบ "โปรแกรมเมติค" จะเข้ามามีบทบาทในการซื้อสื่อดิสเพลย์ โซเชียล และวิดีโอออนไลน์ในตลาดโลกประมาณ 31% ของงบราว 46 พันล้านเหรียญในปี 2015 นี้
ประธานบริหารกล่าวว่า การเข้ามามีบทบาทในวงการซื้อสื่อออนไลน์ของ "โปรแกรมเมติค" นั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ามีเดียเอเยนซี่หลายๆแห่งยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการจริงอยู่บ้าง เนื่องจากการกำหนดราคาโฆษณาออนไลน์ยังไม่มีมาตรฐาน อีกทั้งยังมีความผันผวนของราคาออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตลอดจนวิธีในการนำเสนอเพื่อให้เห็นชิ้นงานโฆษณา ซึ่งล้วนแต่มีผลอย่างยิ่งกับต่อการใช้โปรแกรมในการซื้อสื่อ
แต่จากผลการศึกษาเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา โดยมีการป้อนโปรแกรมเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมจริงในการใช้งานคอมพิวเตอร์ของผู้บริโภค ซึ่งดำเนินการโดย ดอท ดิจิตัล ตัวแทนการบริหารสื่อโฆษณาออนไลน์ในเครือไอพีจี มีเดียแบรนด์ส พบว่า สื่อโฆษณาที่ถูกซื้อโดยผ่านระบบ "โปรแกรมเมติค" นั้นมีประสิทธิภาพอย่างมาก
โดยสื่อโฆษณาชิ้นนั้นถูกเปิด และโหลดชิ้นงานมากกว่าชิ้นงานโฆษณาที่ไม่ได้ซื้อผ่านโปรแกรมเมติค
"ข้อดีที่จะได้รับจากการใช้โปรแกรมเมติคก็คือ สามารถลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องหว่านซื้อสื่อ แต่ยังคงมีความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งเก่า และใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ทั้งนี้นางวรรณี กล่าวเสริมว่า จากการทดลองใช้ระบบการซื้อสื่อแบบ "โปรแกรมเมติค" ยังได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากทั้งฝั่งของมีเดียเอเยนซี่ และผู้ผลิตสื่อโฆษณาต่างๆ ที่มองเห็นผลประโยชน์จากการดำเนินงานร่วมกันอีกด้วย
นางวรรณี รัตนพล ประธานบริหาร ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส ประเทศไทย เปิดเผยว่า ไอพีจี ได้เริ่มนำ "โปรแกรมเมติค" ซึ่งเป็นตัวช่วยสำหรับวงการนักวางแผนและซื้อสื่อโฆษณา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อสื่อในรูปแบบของดิสเพลย์ โซเชียลและวิดีโอในโลกออนไลน์เข้ามาใช้ในประเทศไทยแล้ว ซึ่งการซื้อสื่อแบบ "โปรแกรมเมติค" สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างได้ผลมากที่สุดในราคาที่เหมาะสม โดยมีการนำข้อมูลส่วนตัว ประกอบกับพฤติกรรมในการท่องเว๊บไซต์ของผู้บริโภคเข้ามาร่วมวิเคราะห์
จากผลการศึกษาของ แมกน่า โกลบอล ในอเมริกาที่ดำเนินงานเกี่ยวกับ รีเสิร์ช และซื้อสื่อออนไลน์ในเครือ ไอพีจี มีเดียแบรนด์ส คาดว่า ในปีนี้กลุ่มบริษัทในเครือทั่วโลกจะมีการซื้อสื่อแบบโปรแกรมเมติคเพิ่มขึ้นราว 49% หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 14.2 พันล้านเหรียญ
ทั้งนี้ แมกน่า โกลบอล ยังได้ประมาณการว่าระบบการซื้อสื่อแบบ "โปรแกรมเมติค" จะเข้ามามีบทบาทในการซื้อสื่อดิสเพลย์ โซเชียล และวิดีโอออนไลน์ในตลาดโลกประมาณ 31% ของงบราว 46 พันล้านเหรียญในปี 2015 นี้
ประธานบริหารกล่าวว่า การเข้ามามีบทบาทในวงการซื้อสื่อออนไลน์ของ "โปรแกรมเมติค" นั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ามีเดียเอเยนซี่หลายๆแห่งยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับระบบปฏิบัติการจริงอยู่บ้าง เนื่องจากการกำหนดราคาโฆษณาออนไลน์ยังไม่มีมาตรฐาน อีกทั้งยังมีความผันผวนของราคาออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาตลอดจนวิธีในการนำเสนอเพื่อให้เห็นชิ้นงานโฆษณา ซึ่งล้วนแต่มีผลอย่างยิ่งกับต่อการใช้โปรแกรมในการซื้อสื่อ
แต่จากผลการศึกษาเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา โดยมีการป้อนโปรแกรมเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมจริงในการใช้งานคอมพิวเตอร์ของผู้บริโภค ซึ่งดำเนินการโดย ดอท ดิจิตัล ตัวแทนการบริหารสื่อโฆษณาออนไลน์ในเครือไอพีจี มีเดียแบรนด์ส พบว่า สื่อโฆษณาที่ถูกซื้อโดยผ่านระบบ "โปรแกรมเมติค" นั้นมีประสิทธิภาพอย่างมาก
โดยสื่อโฆษณาชิ้นนั้นถูกเปิด และโหลดชิ้นงานมากกว่าชิ้นงานโฆษณาที่ไม่ได้ซื้อผ่านโปรแกรมเมติค
"ข้อดีที่จะได้รับจากการใช้โปรแกรมเมติคก็คือ สามารถลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ต้องหว่านซื้อสื่อ แต่ยังคงมีความสามารถในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั้งเก่า และใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ทั้งนี้นางวรรณี กล่าวเสริมว่า จากการทดลองใช้ระบบการซื้อสื่อแบบ "โปรแกรมเมติค" ยังได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากทั้งฝั่งของมีเดียเอเยนซี่ และผู้ผลิตสื่อโฆษณาต่างๆ ที่มองเห็นผลประโยชน์จากการดำเนินงานร่วมกันอีกด้วย
