ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
ความเสียหายมหาศาลเป็นเงินหลายแสนล้านจากโครงการรับจำนำข้าวในยุคของแม่นางปูเป็นใหญ่ในแผ่นดินกำลังสร้างความหวาดผวาให้แม่นางโฉมสะคราญจากดินแดนล้านนา อาจถึงขั้นกินไม่ได้ นอนไม่หลับ กระสับกระส่ายหวนคิดถึงความสัมพันธ์ดั้งเดิมกับคุณท่านผู้นำคนปัจจุบัน
ความกังวลจึงเป็นสาเหตุให้แม่นางจำต้องส่งจดหมายน้อยในเชิงออดอ้อนตัดพ้อต่อว่าคุณท่านขุนทหารให้ทบทวนความจำความหลังในฐานะ “ผู้มีส่วนได้เสีย” เพื่อเรียกร้องหาความยุติธรรม
จดหมายน้อยคร่ำครวญถึงหน้าที่ภารกิจซึ่งแม่นางได้ยกเหตุผลสารพัดพัดมาประกอบการยกแม่น้ำทั้งห้ามาสร้างความประทับใจให้คุณท่านได้รับรู้ว่า โครงการรับจำนำข้าวเป็นนโยบายของพรรคการเมืองซึ่งโดยสถานะคือซากเน่าของ 2 พรรคเดียวกันซึ่งเคยโดนศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ยุบ 2 ครั้ง
โดนยุบเพราะทำตัวเป็นปฏิปักษ์อย่างร้ายแรงกับระบอบประชาธิปไตยซึ่งมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และยังถูกกระทำรัฐประหาร 2 ครั้งเช่นกัน อันมิเคยปรากฏในประวัติศาสตร์การเมืองน้ำเน่า
นอกจากประเด็นข้อกฎหมาย เหตุผลน่าพิศวง น่าหัวร่อ อาจเขียนโดยทนายไม่ได้ความแล้ว ยังมีการอ้างนั่นนี่โน่นคงหวังว่าการใช้ตรรกะเหตุผลสับสนจะสร้างความมึนงงให้คุณท่านใจอ่อนยอมเลิกราไม่ติดใจเอาความ อ้างความไม่เหมาะสมกับการเป็นคู่กรณี เพราะเป็นคนมีส่วนได้เสียนั่นเอง
น่าเสียดาย คุณท่านมิได้ใจอ่อน นอกจากให้เนติบริกรฝีปากเอกและเสธ.ไก่อูให้ส่งเสียงโต้แล้ว คุณท่านยังอ้างหน้าที่ ความรับผิดชอบของผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของประเทศอีกด้วย
พร้อมสำทับเสียงดังว่าบ้านเมืองมีกฎหมายต้องใช้บังคับเพื่อความสงบเรียบร้อย ผิดถูกอย่างไร ให้แม่นางโฉมสะคราญเอาหลักฐาน ความจริง เหตุผล ไปว่ากันในศาลให้เห็นดำเห็นแดงแจ่มแจ้ง
จดหมายน้อยจึงสะท้อนภาวะของการดิ้นรนของแม่นาง คงเห็นเค้าลางของซี่ลูกกรง กำแพงคุกเป็นภาพหลอนในยามหลับและตื่น การสิ้นอิสรภาพ ติดคุกตะรางจึงเป็นสภาพที่แม่นางมิอาจยอมรับ
โดยความเป็นจริงแม่นางผู้เลอโฉมประโลมโลกไม่ต้องการความยุติธรรม นางต้องการให้หลุดคดีต่างหาก ดังนั้นจดหมายน้อย เสียงคร่ำครวญใน สื่อโซเชียลมีเดียจึงเป็นท่วงท่าลีลาอ้อนคุณท่านเท่านั้น
จดหมายน้อย ความเคลื่อนไหวในการสื่อสารถึงชาวบ้านในรูปแบบต่างๆ เป็นการรณรงค์ภาคสาธารณะอย่างจริงจัง หวังเรียกร้องความเห็นใจจากชาวบ้านว่าแม่นางถูกรังแกอย่างไม่เป็นธรรม
ก่อนหน้านี้อ้างว่าการสรุปสำนวนคดีโดย ป.ป.ช. ทำกันอย่างรวดเร็ว รวบรัด มิเปิดโอกาสให้นำพยานเข้าให้ปากคำตามที่แม่นางต้องการ เร่งฟ้องคดี ไม่ยอมยืดเยื้อโอ้เอ้เสียเวลาให้ตั้งหลัก
นี่เป็นการต่อสู้นอกศาลหวังกระตุ้นชาวนาให้เห็นว่าจะเป็นผู้เสียประโยชน์เมื่อไม่มีจำนำข้าว ดูเผินๆ เหมือนเป็นยุทธศาสตร์กำหนดความเคลื่อนไหวรณรงค์ต่อเนื่อง หวังผลการเมืองเต็มที่
นับว่าเป็นความจำเป็นในการแสวงหาทางเลือกใหม่เพื่อดิ้นรนทางการเมืองในช่วงเวลาที่ถูกจำกัดการเคลื่อนไหวโดยกฎเข้มของคณะคุณท่าน และให้เครือข่ายโลกล้อมประเทศได้รับรู้
จะเห็นได้ว่าประเทศประชาธิปไตยซีกโลกตะวันตกเช่นประชาคมยุโรปยังคงกดดันรัฐบาลคุณท่านเป็นระยะๆ ต่อเนื่องเพราะมองว่าประเทศไทยเหมาะกับสภาพลูกไล่ ลูกไก่ในกำมือด้านการค้า
แถมยังมีเสียงคำรามจากคุณพ่ออเมริกาเช่นกัน ด้วยเห็นใจขบวนการเหลี่ยมเร่ร่อน
การที่แม่นางได้ตีโพยตีพาย สลับกับส่งเสียงเจื้อยแจ้ว จัดกิจกรรมให้ได้เป็นข่าวผ่านสื่อนั้นอาจได้ผลด้านการให้ชาวบ้านรับรู้ว่า “อิฉันยังอยู่ สู้ไม่ยอมหนี” เป็นสตรีเหล็กหาญกล้าเผชิญหน้าบรรดาขุนทหารอกสามศอก ย่อมได้รับความชื่นชมจากขบวนการสู้แล้วรวยและชุมชนบ้องตื้นแน่นอน
แต่ไม่ได้ผลเด็ดขาดในชุมชนคนรู้ทันตาสว่าง เพราะได้รับรู้เล่ห์ของเหลี่ยมร้าย ถ้อยคำประกาศที่ว่า “รวยแล้วไม่โกงทีละนิดทีละน้อย” ยังมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในด้านนโยบายคอร์รัปชันแบบมีเชิง
เล่าฮูผู้ใกล้วัยชราอยากถามแม่นางโฉมสะคราญว่าการอ้างนั่นนี่โน่นในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวนั้นจะไม่ขอรับผิดชอบเลยหรือ ทั้งๆ ที่แม่นางได้ส่งเสียงเจื้อยแจ้วกลางสายฝนใช้เป็นจุดขายหาเสียงเลือกตั้ง และเอามาใช้เป็นนโยบายรัฐบาล จนชาวนาเร่งปลูกข้าวแบบไม่ต้องคัดสายพันธุ์
หลังจากเกิดความเสียหาย หน่วยงานต่างๆ เตือนหลายครั้งว่าถ้ายังขืนดันทุรังทำต่อไปจะเกิดหายนะต่อข้าวไทย ทั้งคุณภาพ การตลาด เสียลูกค้า สารพัด แต่แม่นางและพวกเอาหูทวนลม
ไม่ฟัง ดึงดันทำต่อไป อ้างความรักห่วงใยชาวนา ในความเป็นจริงขบวนการกังฉินกินข้าวอิ่มแปล้ ขนทรัพย์สินเงินทองออกไปซุกไว้ต่างประเทศ พวกลูกเจ้าของโรงสีขี่รถซูเปอร์คาร์เกลื่อนเมือง
ชาวนาส่วนน้อยได้ประโยชน์ เงินหลายแสนล้านบาทเข้ากระเป๋าขบวนการโกงข้าว การสอบสวนแสดงให้เห็นการซื้อขายแบบ “เจี๊ยะทูเจี๊ยะ” ไม่มีแอลซี มีแต่แคชเชียร์เช็คจำนวนกะปริบกระปรอย แถมยังไม่มีการขนข้าวใส่เรือออกไปต่างประเทศอย่างจริงจัง มีแต่ผู้ค้าหน้าเดิมๆ
หลักฐานว่ามีการโกงกินเป็นขบวนการ “เจ๊ทูเจี๊ยะ” นำไปสู่คดีอาญา ต้องเรียกค่าเสียหายจากผู้รับผิดชอบ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด โครงการนี้ไม่ยอมให้ใครทำเพื่อเอาหน้า เอามัน แต่ไม่รับผิดชอบ
แม่นางโฉมสะคราญต้องรับผิดชอบ แม้อ้างว่าตัวเองไม่ทุจริต ในตำแหน่งหัวหน้าคณะรัฐบาลต้องรับผิดชอบ ไม่ใช่มีแต่ได้กับได้ เพราะคนเสียภาษีทุกคนเป็นผู้เสียหายหลายแสนล้านบาท
ยังดีนะ แม่นางยังไม่ต้องรับผิดชอบเต็มจำนวน เอาเพียงเบาะๆ 2 แสนล้านบาทน่าจะพอ
ถ้ารวมเงินสะสมเงินซุก ทรัพย์สินจากทุกสาแหรกในตระกูลเดียวกัน น่าจะมีเกินพอใช้คืนให้รัฐแบบสบายๆ ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงใช้วิธีการปกครองทวงคืนเงิน เพราะเงินหลวงตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ ตกในกระเป๋าพวกกังฉิน ต้องปลิ้นกระเป๋า ปลิ้นพุง เอาออกมาให้จนได้นั่นแหละ
พนักงานบริษัทของแม่นางโกงเงิน ต้องถูกดำเนินคดี ชดใช้เต็มจำนวน ติดคุกด้วยเช่นกัน
อย่างที่พวกคุณท่านว่า ถ้าแม่นางมีหลักฐานเด็ดประการใด ก็เตรียมไว้ไปหักล้างกันในศาล อย่าร้องแรกแหกกระเชอ เป็นกระเชอก้นรั่ว จะเสียหายหมดราคาโฉมสะคราญแดนเหนือนะ ขอบอก!
แปลกนะ ถามใครๆ ว่าจะจบอย่างไร มีแต่คนบอกว่า “แม่นางหาทางหนีคุกแน่ๆ” ดังนั้น โฉมสะคราญอย่าให้คำพูดเชิงสบประมาทเป็นความจริง แบบนี้เสียเหลี่ยมสตรีเหล็กนักสู้โม้ด!