อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด เข้าร้อง ป.ป.ช.ขอความเป็นธรรมกรณีถูกให้ออกราชการมิชอบ ย้ำไม่ได้ทำผิดส่งจดหมายน้อย ไม่มีหลักฐาน ขอสอบการทำงาน ก.ศป. รับมั่นใจ 100% ได้รับความเป็นธรรม เหตุ 2 บุคคลที่เกี่ยวข้องคดียันตนไม่เกี่ยว ยันไม่อุทธรณ์ ก.ศป. อุบไต๋ร้องช่องทางอื่น
วันนี้ (2 ต.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายหัสวุฒิ วิฑิตวิริยกุล อดีตประธานศาลปกครองสูงสุด ได้เข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีที่คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) พิจารณาลงโทษให้ออกจากราชการไม่ถูกต้องด้วยกฎหมาย โดยนายหัสวุฒิได้ใช้เวลายื่นเรื่องร้องเรียนเป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ที่ตนมาร้อง ป.ป.ช.ในวันนี้ก็เนื่องจากตนไม่ได้กระทำผิดกรณีจดหมายน้อย และไม่มีหลักฐานยืนยันว่าตนกระทำผิด แต่ ก.ศป.กลับมีมติว่าตนผิดเพราะไม่รักษาชื่อเสียง จึงเรียกร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบการทำงานของ ก.ศป.และคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องที่พิจารณาและมีมติลงโทษตน เพราะเราเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ปกครองด้วยกฎหมาย ไม่ใช่อำนาจของคนกลุ่มใดที่ใช้ดุลพินิจส่วนตัวในการวินิจฉัย ทั้งนี้ ตนได้มอบเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ ป.ป.ช.โดยเป็นคำสั่งของ ก.ศป.ที่ทำให้เห็นได้ว่าเป็นการตัดสินตนโดยไม่มีพยานหลักฐาน และยังมีเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา และเอกสารในการสอบสวนบุคคลทีเกี่ยวข้องกับกรณีจดหมายน้อย ทุกคนก็ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ส่วนเอกสารอื่นที่ไม่ได้อยู่ในอำนาจของตนนั้นก็จะทำหนังสือเพื่อแนะนำให้ ป.ป.ช.เรียกเอกสารหลักฐานว่าควรเรียกเอกสารหลักฐานอะไร
เมื่อถามว่าการมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.ครั้งนี้มีความมั่นใจมากแค่ไหน นายหัสวุฒิกล่าวว่า มั่นใจ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะในเอกสารการสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งนายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม อดีตเลขาธิการสํานักงานศาลปกครอง ที่ยืนยันว่าตนไม่รู้เห็นกับการทำจดหมายดังกล่าว และ พ.ต.ท.ชูธเรศ ยิ่งยงดำรงกุล ผู้กำกับการศูนย์รวมข่าวกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) เองก็ยืนยันว่าไม่ได้รู้จักตน และไม่เคยเจอกับตนโดยตรง และเชื่อว่าจะให้ความเป็นธรรมแก่ตนเองได้ เพราะ ป.ป.ช.ไม่ใช่องค์กรที่พิจารณาเรื่องการทุจริตเท่านั้น แต่ยังมีหน้าที่ในการพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่โดนมิชอบด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าตนจะไม่ใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่ง ก.ศป.ต่อศาลปกครอง แต่หลังจากนี้ตนจะไปยื่นเรียกร้องขอความเป็นธรรมในช่องทางอื่นที่ถูกต้องตามกฎหมายจนกว่าความจริงจะปรากฏ และได้รับความเป็นธรรม แต่ยังไม่ขอเปิดเผย เพราะเกรงว่าจะมีการปิดกั้นการดำเนินการของตน