xs
xsm
sm
md
lg

"ปู"โวย"บิ๊กตู่"เป็นศาลเตี้ยสั่งชดใช้จำนำข้าวงัดคำสั่งปกครองแทนฟ้องแพ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"วิษณุ" แจงเหตุต้องใช้ "คำสั่งทางปกครอง" เรียกเอาผิดกรณีจำนำข้าว แทนการฟ้องแพ่ง เพราะสำนวน ป.ป.ช.ทำให้ใช้วิธีอื่นไม่ได้ ยันทำตามกระบวนการทางกฎหมายที่มีมากว่า 20 ปี ไม่มีลับ ลวง พราง "บิ๊กป้อม" ย้ำเรียกค่าเสียหายจำนำข้าว ยึดกฎหมายทุกอย่าง ด้าน"ยิ่งลักษณ์" โวย "บิ๊กตู่" กลั่นแกล้ง ตั้งตัวเป็นศาลเตี้ย ตัดสินเอง เสมือนออกคำสั่งยึดทรัพย์ ทั้งที่เป็นผู้มีส่วนได้เสีย ส่งทนายบุกทำเนียบฯ วันนี้ !

วานนี้ (12ต.ค.) นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย ให้สัมภาษณ์กรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเขียนจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเรียกเก็บเงินจำนำข้าวด้วยการฟ้องศาล แทนการออกคำสั่งทางการปกครองว่า เข้าใจว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะให้คนมายื่นหนังสือต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในวันที่ 13 ต.ค. ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อาจจะส่งมาให้ตนดูรายละเอียดข้อร้องเรียนดังกล่าว ซึ่งการดำเนินการของรัฐบาล ไม่มีอะไรที่ลับลวงพราง ตนได้ชี้แจงมาเป็นระยะว่า การดำเนินคดีทั่วไป รัฐจะเป็นผู้ฟ้องว่ากระทำผิด แต่เนื่องจากมี พ.ร.บ.ว่าด้วยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ. 2539 ที่ได้บัญญัติไว้ว่า หากเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกล่าวหาว่า กระทำละเมิด และการกระทำนั้นเป็นการประมาทเลินเล่อ ไม่ร้ายแรง เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจขับรถไล่ผู้ร้ายแล้วชนใครบาดเจ็บ เสียหาย ให้ฟ้องหน่วยงาน ไม่ฟ้องเจ้าตัว ถือเป็นการช่วยเจ้าหน้าที่ แต่หากผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำละเมิด และการกระทำนั้นจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ต้องฟ้องเจ้าตัว ไม่ให้ฟ้องรัฐ โดยการดำเนินการออกคำสั่งทางปกครองภายใน 2 ปี หากไม่พอใจ สามารถยื่นฟ้องศาลปกครอง ให้ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวได้ ซึ่งวิธีที่รัฐบาลจะดำเนินการเป็นกระบวนการปกติ ใช้มากว่า 20 ปี มีมาหลายสมัย

นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ประเด็นอยู่ที่ว่า กรณีนี้เข้าข่ายตามกฎหมายหรือไม่ เมื่อมีการรายงานว่า เข้าข่าย เพราะผู้กระทำผิดเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ และเป็นการกระทำละเมิด เป็นการกระทำที่จงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องมา จึงต้องนำไปสู่กระบวนการออกคำสั่งทางปกครอง

ส่วนที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตั้งข้อสังเกตว่า การออกคำสั่งทางปกครองเป็นการหลีกเลี่ยงการดำเนินการทางศาล เพราะต้องวางเงินประกันศาลนั้น นายวิษณุ กล่าวว่าไม่ใช่เป็นการหลีกเลี่ยง แต่รัฐไม่สามารถใช้กระบวนการอื่นได้ เพราะกฎหมายสร้างกระบวนการนี้ไว้ และไม่ใช่มีวิธีเลือกสองทางแล้วมาเลือกทางนี้ แต่ไม่มีวิธีอื่นให้เลือกอีกเลย

เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการให้การดำเนินคดีอาญาเสร็จสิ้นก่อน นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้ เพราะอายุความมีเพียง 2 ปี หากเลย 2 ปีไปแล้ว ไม่สามารถออกคำสั่งได้อีก และหากศาลฎีกาตัดสินออกมาอีกแบบหนึ่ง ก็ไม่เป็นไร หากมีการร้องคัดค้านคำสั่งต่อศาลปกครอง การพิจารณาอาจใช้เวลานาน คำพิพากษาในคดีอาญาออกมาว่าอย่างไร ศาลปกครองก็คงฟัง เขาไม่ได้ชิงตัดสินอยู่แล้ว แต่เราต้องรีบออกคำสั่ง และหากรอคดีอาญาซึ่งไม่รู้ว่าจะกี่ปี แล้วจะทำอย่างไร หากปล่อยให้อายุความขาด รัฐก็จะกลายเป็นจำเลย

"ประเด็นคือ มี 2 กระบวนการ สำหรับการดำเนินคดี ซึ่งไม่ใช่เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง หากเข้าล็อกอย่างนี้ ต้องใช้กระบวนการ ก. คือฟ้องปกติ หากอีกอย่างหนึ่ง ต้องใช้กระบวนการ ข. คือ การใช้กฎหมายความรับผิดทางละเมิด ไม่ใช่เลือกว่า ก. หรือ ข. ก็ได้ การจะใช้กระบวนการ ก.หรือ ข. หากผู้กระทำผิด กระทำโดยไม่จงใจ ไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ต้องใช้กระบวนการ ก. แต่ถ้าจงใจ หรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ต้องใช้กระบวนการ ข. เท่านั้น วันนี้เมื่อ ป.ป.ช. บอกเป็นการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ก็ต้องใช้กระบวนการ ข. หากไม่พอใจไปฟ้องศาล ก็มีสิทธิ์จะยกว่าเรื่องนี้ไม่ควรใช้กระบวนการ ข. เพราะไม่ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ก็คือ ต้องเถียงกับป.ป.ช. ไม่ใช่รัฐบาล" นายวิษณุ กล่าว

เมื่อถามว่า รายงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงชุดที่สอง มีการยื่นเข้ามาแล้วหรือยัง นายวิษณุ กล่าวว่า ยังไม่มีการยื่นเข้ามา และชุดแรกที่ตนได้รับก่อนหน้านั้น ตนยังไม่ส่งให้นายกรัฐมนตรีแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเรื่อง ไม่สามารถนำมารวมกันได้

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขียนจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เรียกร้องให้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวด้วยการฟ้องศาล แทนการออกคำสั่งทางปกครอง ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ยืนยันเราทำตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง

"ยิ่งลักษณ์"โวยถูกกลั่นแกล้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันเดียวกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์บุ๊กส่วนตัว "Yingluck Shinawatra"ระบุถึง จดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. โดยมีเนื้อหา ว่า

ดิฉันขอใช้โอกาสนี้ ทำจดหมายเปิดผนึกถึงท่าน เพราะดิฉันไม่มีโอกาสได้พบและติดต่อใดๆ กับท่านมา นับแต่วันที่ 22พฤษภาคม 2557 ที่ท่านได้เข้ามาเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นเวลากว่า 1 ปีเศษแล้ว ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว ดิฉันได้ถูกดำเนินการในเรื่องต่างๆ ทั้งที่เป็นการดำเนินนโยบายสาธารณะ ที่คณะรัฐมนตรีได้แถลงต่อรัฐสภา เกี่ยวกับ"นโยบายรับจำนำข้าว" ดังนี้

1 . สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ดำเนินการถอดถอนดิฉันออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งๆที่ ตำแหน่งดังกล่าวไม่มีอยู่ และรัฐธรรมนูญได้สิ้นสุดลงแล้ว

2. มีการแถลงสั่งฟ้องคดีดิฉันต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ก่อนหน้าที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ จะมีมติถอดถอนดิฉันเพียง 1 ชั่วโมง

ทั้ง 2 กรณี ท่านอาจจะกล่าวได้ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับท่านโดยตรง เพราะเป็นเรื่องของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อัยการสูงสุด และของศาลที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม แต่สิ่งที่ดิฉันจะกล่าวต่อไปนี้ ล้วนเกี่ยวกับตัวท่านโดยตรงทั้งสิ้น คือ

การดำเนินการให้มีการเรียกร้องค่าเสียหายทางคดีแพ่งต่อการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว ที่ท่านออกคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 448/2558 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ฉบับลงวันที่ 3 เมษายน 2558 และท่านยืนยันว่า "ผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก หากผิดก็มีกลไกอยู่แล้ว เรื่องการเรียกร้องค่าเสียหายทางคดีแพ่ง และยืนยันใช้มาตรฐานเดียวกับทุกพวก ทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ"

ซัด"บิ๊กตู่"ตั้งตัวเป็นศาลเตี้ย

ดิฉันคาดหวังว่า ท่านคงต้องให้นโยบายต่อคณะกรรมการฯ ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยไม่ละเลยประเด็น"ความยุติธรรม" ตามกลไกของระเบียบที่มีอยู่อย่างไม่เร่งรีบ และไม่รวบรัด ให้โอกาสผู้เกี่ยวข้องโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานอย่างเพียงพอ และเป็นธรรม

ตามที่ปรากฏต่อสาธารณะโดยทั่วไปว่า ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลของท่าน มีความหนักใจที่รัฐต้องฟ้องเรียกค่าเสียหายซึ่งต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมศาลเป็นจำนวนมาก แต่ในอดีตที่ผ่านมาถือได้ว่า"ศาล" เป็น "กลไกตามกระบวนการยุติธรรม" เพื่อการเรียกร้องค่าเสียหายในคดีแพ่ง ซึ่งต้องใช้สิทธิทางศาลโดยสุจริต

แต่ฝ่ายกฎหมายของท่านกลับ "พลิกมุมกฎหมายและกลไก" ในการเรียกค่าเสียหายใหม่โดยหากพบว่ามีความผิด รัฐจะไม่ฟ้อง แต่ใช้วิธีให้ท่านออกคำสั่งทางปกครอง (โดยไม่ต้องเข้าคณะรัฐมนตรี) สั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องชำระหนี้ เหมือนคำสั่งยึดทรัพย์ เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมในการฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งเท่ากับว่าท่านได้ใช้อำนาจหน้าที่ของท่าน เสมือนหนึ่งเป็นคำพิพากษาของศาล เป็นกลไกในการชี้ถูกผิดว่าจะให้ผู้ใดรับผิดชอบในค่าเสียหายต่อการดำเนินนโยบาย รับจำนำข้าว ทั้งที่การพิจารณาคดีของศาลในคดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น

ดิฉัน เห็นว่าเรื่องที่ดิฉันกล่าวมาทั้งหมด เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องระหว่างตัวของดิฉันในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เคยดูแลการแก้ปัญหาสินค้าข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจ หลักที่สำคัญของประเทศ เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิผล เป็นประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม มีกลไกบริหารนโยบาย คือ คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ซึ่งในปัจจุบัน คือ คณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว โดยมีท่านเป็นประธาน

อย่างไรก็ตาม ที่ดิฉันเสนอว่าควรให้ศาลเป็นผู้พิจารณานั้น เพราะดิฉันเห็นว่าทุกคนควรได้รับ “หลักประกันแห่งความยุติธรรม”ที่จำต้องมี เพราะการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าว เป็นการกระทำทางการบริหารตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกพันกับส่วนราชการหลายส่วนที่ต้องปฏิบัติงาน

ดังนั้น เพื่อความโปร่งใส และคงไว้ซึ่งความเป็นกลาง ท่านในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่มีตำแหน่งเป็น “ประธานกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว และในฐานะนายกรัฐมนตรี”ที่ต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหาในเรื่องข้าวในขณะนี้ ซึ่งอาจเห็นแตกต่างกันในเชิงนโยบายและกลไกในการบริหารนโยบายในเรื่องข้าวในอดีต ที่ในสมัยรัฐบาลดิฉันได้ดำเนินนโยบายดังกล่าวไป จึงมิใช่ “ผู้ที่เป็นกลาง”แต่เป็น “ผู้มีส่วนได้เสีย”เพราะเห็นต่างกันในนโยบายการแก้ปัญหาในเรื่องข้าว ดังนั้นการใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นผู้ตัดสินความถูกผิด โดยการใช้อำนาจนายกรัฐมนตรี ลงนามในคำสั่งทางปกครอง เพื่อสั่งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดชำระค่าเสียหายทั้งๆ ที่ศาลยังไม่มีคำตัดสิน ถือเป็นการขัดต่อ “หลักนิติธรรม”อย่างยิ่ง

ส่งทนายบุกทำเนียบฯ วันนี้

ดิฉันจึงเห็นว่าเพื่อให้เป็นไปตามหลักนิติธรรม ดิฉันขอให้ท่านควรจะได้มีการดำเนินการดังนี้

1 . พิจารณาทบทวน และยุติการดำเนินการใดๆ ที่ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลเสนอ และดำเนินการให้ท่านใช้อำนาจในฐานะนายกรัฐมนตรี และในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าวในปัจจุบัน ลงนามทำคำสั่งทางปกครองใดๆ อันขัดต่อหลักความเป็นกลาง และเป็นผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อมีคำสั่งให้บุคคลใดชำระหนี้ค่าเสียหาย อันเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าว ที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แทนการพิจารณาและพิพากษาคดีของศาล

2. ภายหลังการสอบสวนโดยกระบวนการสอบสวนที่ถูกต้องตามระเบียบ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เสร็จสิ้น หากพบความเสียหาย รัฐเองควรให้หน่วยงานของรัฐฟ้องคดีต่อศาล เพื่อแสดงให้เห็นว่าท่านมีความยุติธรรม และเที่ยงธรรมต่อทุกคนที่ถูกกล่าวหา

3. การพิจารณาคดีอาญาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยังไม่เสร็จสิ้น และอายุความในคดียังเหลือเวลาอีกนาน ตามที่ฝ่ายกฎหมายของรัฐบาลแถลง จึงไม่ควรเร่งรีบ รวบรัด ในการทำสำนวนการตรวจสอบความรับผิดทางละเมิด ควรให้โอกาสผู้เกี่ยวข้องหรือผู้เสียหายได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ และเป็นธรรมต่อดิฉัน ซึ่งดิฉันได้มีหนังสือหลายฉบับมายังท่านและคณะกรรมการฯ แต่ยังไม่ได้รับการพิจารณาและไม่แจ้งเหตุ ซึ่งท่านสามารถตรวจสอบความมีอยู่จริงของหนังสือนั้นได้

ทั้งนี้ ดิฉันได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นหนังสือถึงท่านในวันอังคารที่ 13 ตุลาคม 2558 เวลา 10.00 น. ณ ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล และหวังว่าเมื่อท่านได้รับหนังสือแล้ว ท่านคงจะไม่เพิกเฉย และจะได้พิจารณาด้วยความเป็นธรรม เพราะท่านได้ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรม กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

ขอบคุณค่ะ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี 12 ตุลาคม 2558
กำลังโหลดความคิดเห็น