xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จากปรากฎการณ์ “ตั๊น” คว้าดาว ถึงทำเนียบ “ตำรวจเซเลบ” หล่อ-รวย-ขี่เฟอร์รารี-ซี้ดารา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สุดติ่งกระดิ่งแมวจริงๆ สำหรับการที่ “น้องตั๊น-จิตภัสร์ กฤดากร” นามสกุลเดิม “ภิรมย์ภักดี” แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) เข้าสมัคร สอบและเตรียมตัวที่จะเข้ารับราชการตำรวจในตำแหน่ง “รอง สว.ฝ่ายอำนวยการ” กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ(บก.สปพ.) หรือที่ชาวบ้านรู้จักกันในชื่อ “ตำรวจ 191”

เพราะทันทีที่ข่าวปรากฏ เสียงคัดค้านจากคนในกรมปทุมวันก็ดังอื้ออึงไปทั่วทุกสารทิศ พร้อมเกิดกกระแสต้านเรียกร้องในโซเชียล ให้ข้าราชการตำรวจที่ไม่เห็นด้วยผูกริบบิ้นสีดำที่เสาวิทยุสื่อสาร หรือเสา ว. เสาวิทยุติดรถยนต์ กระจกมองข้างรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วย

แน่นอน มีคำถามเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ดังกล่าวมากมายด้วยความไม่เข้าใจ เช่น นางสาวจิตภัสร์มีสิทธิสมัครหรือไม่ และนางสาวจิตภัสร์มีคุณสมบัติในการสมัครหรือไม่ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้ว นั่นล้วนแล้วแต่เป็นประเด็นปลีกย่อย

แต่คำถามที่เชื่อว่า สำคัญที่สุดมีอยู่ 2 คำถามคือ หนึ่ง-ทำไมนางสาวจิตภัสร์ถึงคิดอยากจะเป็นข้าราชการตำรวจ ตั๊นต้องการอะไร และสอง-ใครเป็นผู้ผลักดันให้นางสาวจิตภัสร์สมัคร เพราะสังคมไม่เชื่อว่า นางสาวจิตภัสร์จะมาด้วยตัวเองเพราะเห็นประกาศรับสมัครทางเว็บไซต์

และทำไปทำมา “ปรากฏการณ์คว้าดาว” ของตั๊น-จิตภัสร์ยังได้จุดกระแส “แอนตี้ตำรวจเซเลบ” ให้เกิดขึ้นไปโดยปริยาย เพราะเมื่อไล่เรียงตรวจสอบรายชื่อตำรวจเซเลบที่ประจำการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว จะพบว่า มีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว

ก่อนจะคว้าดาวของ “น้องตั๊น”

จริงๆแล้ว ก็เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางว่า น้องตั๊นหรือนางสาวจิตภัสร์นิยมชมชอบเครื่องแบบของข้าราชการ ดังจะเห็นได้จากภาพข่าวที่ปรากฏต่างกรรมต่างวาระหลายๆ ครั้ง โดยครั้งที่ฮือฮาที่สุดก็คือการจัดงานวันคล้ายวันเกิดภายใต้แนวคิดชุดลายพรางทหาร แต่ก็ไม่มีใครคาดว่า นางสาวจิตภัสร์อยากจะเป็นคนในเครื่องแบบจริงๆ โดยเฉพาะ “ตำรวจ” เพราะเป็นที่รับรู้กันว่า เทือกเถาเหล่ากอของนางสาวจิตภัสร์เป็นใคร มาจากไหน มีธุรกิจสารพัดสารพันให้ไปทำ มีอาชีพมากมายให้เลือก

ที่สำคัญเส้นทางเดินของนางสาวจิตภัสร์ก็ชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่า ต้องการเป็นการนักการเมืองและมีเป้าหมายสูงสุดหรือเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” ดังที่เธอเคยให้สัมภาษณ์และประกาศไว้

ก่อนหน้านี้ ในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แห่งพรรคประชาธิปัตย์ นางสาวจิตภัสร์ก็เข้าไปทำงานการเมืองมาแล้วในตำแหน่ง ข้าราชการการเมืองประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) และในช่วงนั้นก็สร้างความฮือฮาด้วยทำ “ปืนลั่น” แบบรู้เท่าไม่ถึงการณ์ด้วยการนำปฏิทินวาบหวิวของเครื่องดื่มลีโอ ซึ่งผลิตโดยธุรกิจครอบครัวของเธอมาแจกข้าราชการและผู้สื่อข่าวในทำเนียบรัฐบาลจนฉาวโฉ่มาแล้วครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ จากนั้นก็กลายเป็นที่กล่าวขานกันทั้งบ้านทั้งเมืองเมื่อเธอติดตาม “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ออกมาเคลื่อนไหวกับภาคประชาชนในการชุมนุมของมวลมหาประชาชนในนาม กปปส.

ในยุครัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่มี บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. รวมถึงมี “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” เป็นจักรกลคนสำคัญของรัฐบาล ปรากฏชื่อของนางสาวจิตภัสร์เข้ามาร่วมงานกับรัฐบาลชุดนี้ให้เห็นหลายต่อหลายครั้ง

ครั้งแรก คือ เก้าอี้รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วยแรงหนุนของคนที่คุณก็รู้ว่าใคร แต่สุดท้ายก็ถอดถอดออกมาจากวาระการประชุมของ ครม.จนกลายเป็นที่มาของวิวาทะสะท้านแผ่นดินว่า “พี่จะให้ผมเซ็นทุกเรื่องที่พี่เสนอมาเลยหรือ”

ครั้งที่สองโผล่เข้ามาเป็น คณะทำงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนั้นมี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณเป็นรัฐมนตรี ด้วยฝีมือของคนที่คุณก็รู้ว่าใครคนเดิม ก่อนที่จะมีมือดีนำคำสั่งแต่งตั้งออกมาปล่อยในโลกออนไลน์ จนทำให้น้องตั๊นต้องจำใจและจำยอมต้องฝันสลายเป็นคำรบที่สอง

และล่าสุดถอยฉากจากตำแหน่งแห่งหนทางการเมืองในรัฐบาลลุงตู่ พร้อมโผล่มาแบบไม่คาดฝันในการสมัครเข้ารับราชการตำรวจในตำแหน่ง “รอง สว.ฝ่ายอำนวยการ” กองบังคับการสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ(บก.สปพ.) หรือ “ตำรวจ 191” กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)

ไม่มีใครสงสัยถึง “สิทธิ” ในการสมัครเข้ารับราชการตำรวจของนางสาวจิตภัสร์ เพราะเป็นสิ่งที่สามารถทำได้

แต่สังคมสงสัยก็คือ “ทำไม” นางสาวจิตภัสร์ถึงได้ตัดสินใจสมัครเป็นข้าราชการตำรวจ บช.น.เปิดตำแหน่งนี้มาเพื่อนางสาวจิตภัสร์เป็นการเฉพาะจริงหรือไม่ และใครเป็นผู้สนับสนุนให้นางสาวจิตภัสร์สมัครเข้ารับราชการตำรวจในตำแหน่งนี้

“ไม่ทราบ เรื่องนี้เป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าจะรับหรือไม่รับ ตำแหน่ง ร.ต.ต.ไม่เกี่ยวข้องกับที่ประชุม ก.ตร. ส่วนที่มีการมองว่าใกล้ชิดกับผมนั้น ยืนยันว่าไม่เกี่ยวและไม่รู้ด้วยซ้ำ เป็นเรื่องของทางตำรวจว่าต้องการบุคลากรประเภทใด และเปิดให้คนมาสมัคร ส่วนจะได้หรือไม่ ยังไม่รู้เลย” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปฏิเสธเมื่อถูกถามถึงต้นสายปลายเหตุในการสมัครเข้ารับราชการตำรวจของนางสาวจิตภัสร์

สำหรับตำแหน่งรองสารวัตรฝ่ายอำนวยการ บก.สปพ.นั้น จากการเปิดเผยของ “บิ๊กอ๊อด-พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำให้ได้ความถึงที่มาและที่ไปว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีหลายหน่วยงานในสำนักงานตำรวจแหงชาติเสนอให้บรรจุบุคคลภายนอกตามวุฒิที่ขาดแคลน โดยเฉพาะคนที่มีความรู้ความสามารถด้านภาษา เนื่องจากประเทศไทยจะต้องเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จึงอนุมัติให้เปิดรับบุคคลภายนอกเข้ามาสมัครได้

นั่นเป็นที่มาของการสมัครตำรวจของนางสาวจิตภัสร์

จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า ได้มีการประกาศรับสมัครผ่านเว็บไซต์ฝ่ายอำนวยการ 1 บก.อก.บช.น.เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2558 เรื่องรับสมัครบุคคลภายนอกผู้มีวุฒิปริญญาโท ด้านรัฐศาสตร์หรือการปกครอง เพื่อบรรจุแต่งตั้งเป็นรองสารวัตรศูนย์รวมข่าว บก.สปพ.จำนวน 1 อัตรา ต่อมาเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2558 นางสาวจิตภัสร์ได้เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อมาสอบสัมภาษณ์ในตำแหน่งดังกล่าว โดยมีตัวแทนจากฝ่ายอำนวยการ 9 ฝ่าย ฝ่ายอำนวยการ 5 และฝ่ายอำนวยการ 1 เป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์

พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบก.จร.ในฐานะผู้ช่วยโฆษก บช.น. เปิดเผยรายละเอียดว่า นางสาวจิตภัสร์ ได้เข้าสอบสัมภาษณ์เข้าเป็นข้าราชการตำรวจสังกัดกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ 191 กองบัญชาการตำรวจนครบาล เมื่อวันที่ 18 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์รอบแรก เพื่อวัดความความรู้ความสามารถ จากนั้น จึงมีหนังสือส่งตัวให้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ ภายในวันที่ 22 กันยายน เพื่อเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติรอบ 2 จากนั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะมีหนังสือสอบถามผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลตำรวจว่ามีปัญหาสุขภาพใดที่ขัดต่อการเป็นข้าราชการตำรวจหรือไม่ หากคุณสมบัติในการตรวจร่างกายผ่านตามเกณฑ์ จึงจะเข้ารับการพิจารณาจากคณะกรรมการในระดับกองบัญชาการตำรวจนครบาลตั้งโดย บช.น. มี รอง ผบช.น.เป็นประธานคณะกรรมการ มี ผบก.ที่เกี่ยวข้อง ผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสม โดยต้องเรียกมาสัมภาษณ์อีกครั้ง ทั้งนี้คณะกรรมการจะพิจารณาว่าเหมาะสมหรือไม่

“การวัด คัดผู้เข้าเป็นตำรวจ มีคุณสมบัติ 3 ประการ 1.มีความรู้ ความสามารถ มีบุคลิกลักษณะที่ดี 2. มีสุขภาพร่างกายที่ดี 3.ความเหมาะสม ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องพิจารณาหลังจากนี้ ขณะนี้ยังไปไม่ถึงขึ้นนั้น ขณะนี้ น.ส.จิตภัสร์ ผ่านในส่วนความรู้ความสามารถ ส่วนการสอบสัมภาษณ์รอบแรกคะแนนจะไปรวมกับความเหมาะสม"

ผู้ช่วยโฆษก บช.น.กล่าวด้วยว่า การเปิดรับสมัครครั้งนี้มีการประกาศทางเว็บไซต์ มีผู้สมัครหลายคนแต่ก็ไปในชั้นความรู้ความสามารถ มีการสัมภาษณ์คนอื่นด้วย แต่ที่มีการแพร่ภาพว่านัด น.ส.จิตภัสร์สัมภาษณ์คนเดียวนั้น เป็นการนัดเฉพาะวันที่ 18 ก.ย.เท่านั้น แต่เบื้องต้นยอมรับว่ามี น.ส.จิตภัสร์ ผ่านมาสู่ขั้นตอนการตรวจร่างกายเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากทั้ง น.ส.จิตภัสร์ หรือผู้อื่นไม่มีใครผ่านการคัดเลือกในตำแหน่งนี้ บช.น.ต้องรายงานให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบว่าไม่มีผู้ผ่านการคัดเลือกและอาจเปิดรับสมัครตำแหน่งนี้อีกครั้งพร้อมกับการรับสมัครตำรวจสัญญาบัตรทั่วไป

หลังปรากฏเป็นข่าว มีรายงานว่า นางสาวจิตภัสร์ตัดสินใจขอถอนชื่อออกจากการสมัครเป็นตำรวจในวันที่ 21 กันยายน ก่อนจะฮึดสู้อีกครั้งด้วยพลังของ “คนที่คุณก็รู้ว่าใคร” ที่ยืนให้กำลังใจอยู่ข้างหลัง เมื่อปรากฏเพราะมีรายงานข่าวว่า เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา นางสาวจิตภัสร์ได้เดินทางไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ เช่น ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ และตรวจร่างกาย และขอเอกสารรับรองผลการตรวจร่างกายประกอบการสมัครเข้าเป็นข้าราชการตำรวจ

ที่สำคัญคือ หลังจาก นางสาวจิตภัสร์เดินทางมาตรวจร่างกาย ผู้บริหารระดับสูง รพ.ตำรวจ ได้เรียกประชุมเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องกำชับห้ามเผยแพร่ข้อมูลเรื่อง นางสาวจิตภัสร์โดยเด็ดขาด และคาดโทษผู้ที่คัดลอกข้อมูลการตรวจร่างกายของผู้ป่วยรายนี้ไปเผยแพร่ต่อด้วย

แปลไทยเป็นไทยคือ นางสาวจิตภัสร์ยังคงประสงค์ที่จะรับราชการตำรวจต่อไป และเสมือนหนึ่งยังคง “แทงกั๊ก” และรอดูสถานการณ์อะไรบางอย่าง

เพราะต้องยอมรับว่า ท่าทีของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น โดยเฉพาะ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วงนั้น อ้าแขนรับนางสาวจิตภัสร์อย่างเต็มที่ ดังจะเห็นได้จากท่าทีที่กลับไปกลับมาในเรื่องคุณสมบัติ

21 กันยายน บิ๊กอ๊อดบอกว่า “ด้วยคุณสมบัติของเขาเอง เขาก็ไม่อาจที่จะได้รับการบรรจุแต่งตั้งได้”

22 กันยายน บิ๊กอ๊อดบอกว่า “มีสื่อบางฉบับนำไปเขียนบอกว่า ผมพูดว่า น.ส.จิตภัสร์มีคุณสมบัติไม่เหมาะสม ไม่สามารถบรรจุแต่งตั้งดำรงตำแหน่งได้ ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่บอกว่าให้รอดูการตรวจสอบก่อน หากมีคุณสมบัติไม่เหมาะสมหรือไม่เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับกฎหมายก็ไม่สามารถบรรจุแต่งตั้งเขาได้

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สมยศยังออกตัวด้วยการออดอ้อนขอความเห็นใจจากเพื่อนตำรวจด้วยกันอีกต่างหาก

“ต้องบอกเพื่อนข้าราชการตำรวจด้วยว่าต้องแยกกัน เราจะไปจำกัดสิทธิบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ได้ถ้าเขามีสิทธิ เพราะเขาก็เป็นประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ส่วนความรู้สึกที่มีต่อกันนั้นก็เป็นเรื่องส่วนตัว คงไม่เอาองค์กรเข้าไปเกี่ยวข้อง อันนี้ต้องแยกกัน ผมไม่ได้เห็นดีเห็นงามหรือไม่เห็นดีไม่เห็นงาม ผมเป็นผู้บริหารต้องยึดหลักระเบียบ ข้อกฎหมาย จะไม่เอาความรู้สึกเข้าไปตัดสินตรงนี้ ส่วนใครที่ใช้ความรู้สึกก็เป็นเรื่องส่วนตัวส่วนบุคคล แต่ผมจะรู้สึกอย่างไรมันอยู่ในใจ” ผบ.ตร.กล่าวเอาไว้เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา

ทว่า สุดท้าย สาวสวยการศึกษาดี ชาติตระกูลดีก็ตัดสินใจถอย โดยตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่โรงแรมดุสิตธานีเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา

นางสาวจิตภัสร์เปิดเผยที่มาและที่ไปของการสมัครเข้ารับราชการตำรวจว่า เกิดจากความบริสุทธิ์ใจที่อยากมีส่วนในการทำหน้าที่ตำรวจ หรือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ มีหน้าที่คอยดูแลบำบัดทุกข์บำรุงสุข ใกล้ชิดพี่น้องประชาชนอีกทาง ซึ่งตำรวจเป็นอาชีพทรงเกียรติ เสียสละ ทำงานหนัก เป็นผู้รักษากฎหมาย เพื่อผดุงความยุติธรรมให้กับประชาชน และตนเองได้ดำเนินการตามปกติ ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องทุกประการ

พร้อมยืนยันว่า เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเองไม่ได้ปรึกษาใคร ซึ่งพอเกิดกระแสสังคม ทุกคนในบ้านรวมถึงผู้ใหญ่ก็ให้กำลังใจและทำงานเพื่อประชาชนต่อไป

ก่อนที่จะปิดท้ายฉากด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและมีสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ว่า “เพื่อไม่ให้กรณีของดิฉัน ที่ทำให้พ่อแม่พี่น้องเกิดความไม่สบายใจและถกเถียงกัน โดยเฉพาะแวดวงข้าราชการตำรวจทุกระดับชั้น อันจะทำให้กลายเป็นความไม่สงบสุขในองค์กรตำรวจ หรือ ขยายผลไปเป็นขัดแย้งในสังคม ดิฉันจึงตัดสินใจไม่ดำเนินการต่อไปตามขั้นการคัดเลือกเป็นข้าราชการตำรวจ

“ท้ายที่สุดขอบคุณทกกำลังใจ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่คงไม่มีวาสนาเข้ามาทำงานตำรวจ สวมเครื่องแบบตำรวจ ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และพร้อมนำคำติมาพัฒนาตัวเอง และรับใช้ประชาชน ในฐานะผู้หญิงที่มุ่งมั่นทำงานเพื่อทำประโยชน์ให้ทุกคนอย่างไม่ย่อท้อ และอยากเห็นคนไทยมอบความรักให้กัน แทนความเกลียดชังบนความขัดแย้งแตกแยก เพื่อเดินหน้าประเทศไทยอย่างแข็งแกร่งยังยืนต่อไป”

....จบข่าว

จุดกระแสแอนตี้ “ตำรวจเซเลบ”

ดาวเดือนลอยเกลื่อนนภา
ยิงให้ตกลงมาติดบ่าได้สบาย

เนื้อร้องเพลง “ท.ทหารอดทน” ของ “แอ๊ด คาราบาว” ยืนยง โอภากุล ดังกระหึ่มขึ้นมาสอดรับกับปรากฏการณ์ “ว่าที่ ร.ต.ต.หญิง จิตภัสร์” อย่างพอดิบพอดี แม้จะไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่ก็มีท่วงทำนองและเนื้อหาซึ่งสะท้อนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอย่างเหมาะเจาะลงตัว

อย่างไรก็ตาม ถ้าจะว่าไปแล้ว กรณีตำรวจเซเลบ มิได้มีแค่เพียงกรณีของ “ตั๊น-จิตภัสร์” เท่านั้น เพราะเมื่อตรวจสอบรายชื่อ “ตำรวจลูกท่านหลานเธอ” ที่รับราชการอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะพบว่า มีอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ที่สำคัญระบบอภิสิทธิ์ชนในการรับบุคคลภายนอกของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมานานแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น 2 พี่น้องคนดังแห่งตระกูลอยู่บำรุง “อาจหาญ อยู่บำรุงและดวง อยู่บำรุง” ลูกรักของ ร.ต.อ.เฉลิมอยู่บำรุง ซึ่งรับเข้ามาทั้งๆ ที่มีคดีความอันเป็นที่ครหา

สงกรานต์ เตชะณรงค์ ลูกชายของเสี่ยไพวงษ์ เตชะณรงค์ แห่งโบนันซ่าเขาใหญ่ และสามีของ “แอฟ ทักษอร เตชะณรงค์”

ทรงพันธ์ กุลดิลก ลูกชายของ พล.ต.ท.ชัชจ์ กุลดิลก อดีตหวานใจของนางเอกสาวแป้ง-อรจิรา แหลมวิไล

หมวดอ้าย-รชต พุ่มพันธุ์ม่วง ลูกชายของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง
ฯลฯ

กระนั้นก็ดี กระแสต่อต้านนางสาวจิตภัสร์ ซึ่งตำรวจที่ก่อชนวนอ้างว่า เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีองค์กรนั้น มีคำถามอยู่ว่า ตำรวจคำนึงในศักดิ์ศรีขององค์กรจริงหรือ แล้วทำไมตำรวจที่พร้อมใจกันผูกริบบิ้นดำเหล่านั้นถึงไม่รณรงค์เพื่อเรียกศักดิ์ศรีขององค์กรที่ตกต่ำสุดขีด เพราะการรับส่วย การรีดไถ และการยอมก้มหัวรับใช้นักการเมืองกันบ้าง

หรือกรณี บิ๊กแจ๊ด-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเดินทางไปให้นักโทษหนีคดีประดับยศให้ในต่างประเทศ และล่าสุดกรณีการพกปืนขึ้นเครื่องบิน จนตำรวจญี่ปุ่นจับได้ ขายขี้หน้าขี้หน้ากันทั้งประเทศ ทำไม่มีมีตำรวจหน้าไหนออกมาโวยวายเรื่องศักดิ์ศรีสักแอะ

เหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความฟอนเฟะที่สะสมไว้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างหมดเปลือก และสมควรที่จะต้องมี “การปฏิรูป” อย่างเร่งด่วนก่อนที่จะกัดกร่อนทำลายองค์กรอันเป็นต้นธารของกระบวนการยุติธรรมประเทศไทยให้พังพินาศไร้ความน่าเชื่อถือมากไปกว่านี้



ตั๊น-จิตภัสร์ กฤดากร ในวันแถลงข่าวประกาศถอนชื่อออกจากการรับสมัครเข้ารับราชการตำรวจที่โรงแรงดุสิตธานี เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2558

กำลังโหลดความคิดเห็น